นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นกล่าวสรรเสริญต่อโดนัลด์ ทรัมป์ และให้คำมั่นว่าจะสร้างยุคทองแห่งความสัมพันธ์ร่วมกัน ระหว่างการเยือนโตเกียวของผู้นำสหรัฐฯ ที่มีการลงนามข้อตกลงเพื่อจัดหาแร่ธาตุสำคัญ

นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่น (ขวา) และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมพิธีลงนามหลังการประชุมสุดยอดญี่ปุ่น-สหรัฐอเมริกา ณ บ้านพักรับรองแขกของรัฐ ในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม (Photo by ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่นให้การต้อนรับการมาเยือนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างการเดินทางลงนามข้อตกลงมากมายในเอเชีย
ทาคาอิจิได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อประเดิมงานแรกในฐานะผู้นำหญิงบนเวทีระดับนานาชาติของเธอ และยังประกาศว่าเธอจะเสนอชื่อทรัมป์เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ในทางกลับกัน ทรัมป์ซึ่งได้พบกับผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยมเป็นครั้งแรกในการเยือนเอเชียกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันเป็นพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งที่สุดของโตเกียว
ทาคาอิจิยกย่องความพยายามของทรัมป์ในการหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา และความสำเร็จทางประวัติศาสตร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนของเขาในข้อตกลงกาซา
"ดิฉันปรารถนาที่จะตระหนักถึงยุคทองใหม่ของความเป็นพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ที่ซึ่งเราทั้งสองจะแข็งแกร่งขึ้นและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น" เธอกล่าว
ทั้งสองฝ่ายยังได้ลงนามข้อตกลงที่มุ่งสร้างความยืดหยุ่นและความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญและแร่ธาตุหายาก
ในเดือนนี้ รัฐบาลปักกิ่งได้ประกาศข้อจำกัดที่ครอบคลุมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแร่ธาตุหายาก ซึ่งทำให้ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 100% เพื่อเป็นการตอบโต้
หลังจากพบกับทาคาอิจิ ทรัมป์ได้ไปพบครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่เคยโดนเกาหลีเหนือลักพาตัวไปเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยกล่าวว่า "สหรัฐฯ อยู่เคียงข้างพวกคุณเสมอ" หลังจากพวกเขาขอความช่วยเหลือในการค้นหาคนในครอบครัว
หลังจากปฏิเสธมานานหลายปี เกาหลีเหนือยอมรับในปี 2002 ว่าได้ส่งสายลับไปลักพาตัวชาวญี่ปุ่น 13 คน
ทรัมป์เดินทางถึงโตเกียวในวันจันทร์ และจะมีการประชุมที่เกาหลีใต้กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน ซึ่งอาจช่วยบรรเทาความตึงเครียดจากสงครามการค้าเขย่าโลก
ผู้เจรจาจากปักกิ่งและวอชิงตันต่างยืนยันว่าได้ตกลงกรอบการทำงานระหว่างสองประเทศขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว
ที่โตเกียว การพบปะของทรัมป์และทาคาอิจิมุ่งเน้นไปที่ความมั่นคงและการค้าระหว่างชาติพันธมิตร
ในด้านความมั่นคง ญี่ปุ่นซึ่งเคยรักษาสันติภาพมาอย่างยาวนานกำลังใช้ท่าทีทางทหารที่เข้มแข็งมากขึ้น ขณะที่ความสัมพันธ์กับจีนกำลังแย่ลง
ทาคาอิจิกล่าวว่ารัฐบาลของเธอจะบรรลุเป้าหมายในการใช้จ่าย 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในด้านการป้องกันประเทศในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดถึง 2 ปี
สหรัฐอเมริกาซึ่งมีกำลังทหารประมาณ 60,000 นายในญี่ปุ่น ต้องการให้โตเกียวใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งอาจเท่ากับ 5% ของ GDP ที่สมาชิกนาโตให้คำมั่นไว้เมื่อเดือนมิถุนายน
นอกจากการพบปะกับทาคาอิจิแล้ว ทรัมป์ยังได้กล่าวสุนทรพจน์บนเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ซึ่งจอดอยู่ที่ฐานทัพเรือโยโกสุกะ
เขายังมีกำหนดรับประทานอาหารค่ำกับผู้นำธุรกิจ ซึ่งน่าจะรวมถึงประธานบริษัทโตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่
ทั้งนี้ สินค้าญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่นำเข้าสู่สหรัฐอเมริกาถูกเก็บภาษี 15% ซึ่งน้อยกว่าที่เคยถูกขู่ว่าจะเก็บภาษี 25% ในตอนแรก
แต่การจัดเก็บภาษีนำเข้าดังกล่าวยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ ในเดือนกันยายนลดลง 24% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ภายใต้ข้อตกลงการค้าเดือนกรกฎาคมที่ทำเนียบขาว ญี่ปุ่นคาดว่าจะลงทุน 550,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา
ทรัมป์มีกำหนดพบกับสี จิ้นผิง ในวันพฤหัสบดีนี้ที่เกาหลีใต้ เพื่อหารือแบบตัวต่อตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีวัย 79 ปี กลับมาดำรงตำแหน่งอีกวาระในเดือนมกราคม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ศุภจี’ ยํ้า ดีลเจรจาภาษีทรัมป์ ยังไม่เปลี่ยนแปลง สหรัฐฯยังไม่ปรับเงื่อนไข
ที่ทำเนียบรัฐบาล นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีการค้าสหรัฐฯ ว่า ยัง

