เสียชีวิตแล้วเกือบ 50 ราย เหตุพายุเฮอริเคนเมลิสซาถล่มแคริบเบียน

ยอดผู้เสียชีวิตจากเฮอริเคนเมลิสซาเพิ่มขึ้นเกือบ 50 ราย หลังจากพายุรุนแรงพัดถล่มหมู่เกาะแคริบเบียนและกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เบอร์มิวดา

ภาพมุมสูงของอาคารที่ถูกทำลายหลังจากพายุเฮอริเคนเมลิสซาพัดผ่านบริเวณแม่น้ำแบล็ค เมืองเซนต์เอลิซาเบธ ประเทศจาเมกา เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม (Photo by Ricardo MAKYN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า พายุเฮอริเคนเมลิสซาพัดถล่มหมู่เกาะแคริบเบียนและกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เบอร์มิวดา โดยทิ้งยอดผู้เสียชีวิตไว้เกือบ 50 ราย

ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ (NHC) คาดการณ์ว่าน้ำท่วมในบาฮามาสจะลดลง แม้ว่าระดับน้ำสูงอาจยังคงอยู่ที่คิวบา, จาเมกา, เฮติ และสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน

พายุลูกนี้เป็นหนึ่งในพายุที่มีกำลังแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้และมีโอกาสเกิดขึ้นสูงกว่าปกติถึง 4 เท่า เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์

ศูนย์เฮอริเคนฯระบุว่า พายุกำลังก่อตัวในพื้นที่เบอร์มิวดาเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดี และเกาะนี้อยู่ภายใต้การเตือนภัยพายุเฮอริเคนที่มีความเร็วลมสูงสุดต่อเนื่องที่ 100 ไมล์ (155 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง

รัฐบาลเรียกร้องให้ประชาชนใช้มาตรการป้องกันทุกอย่างเพื่อรับมือพายุที่ยังคงมีกำลังแรงอยู่

เมลิสซาพัดถล่มทั้งจาเมกาและคิวบาด้วยพลังมหาศาล ประชาชนกำลังประเมินความสูญเสียและดูเหมือนเส้นทางการฟื้นตัวนั้นต้องใช้เวลานาน

"ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุเฮอริเคนเมลิสซาที่ได้รับการยืนยันแล้วอยู่ที่ 19 ราย รวมถึง 9 รายในเวสต์มอร์แลนด์ และ 8 รายในเซนต์เอลิซาเบธ ซึ่งทั้งสองแห่งตั้งอยู่ในเขตปกครองทางตะวันตกของเกาะแคริบเบียนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก" ตามการระบุของดานา มอร์ริส ดิกสัน รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศ

การสื่อสารและการเดินทางยังคงหยุดชะงักในจาเมกาและคิวบา และการประเมินความเสียหายอย่างครอบคลุมอาจต้องใช้เวลาหลายวัน

ในเฮติซึ่งเป็นประเทศยากจน หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของประเทศกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่ายอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 30 ราย, มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คน และสูญหายอีก 20 คน

หน่วยงานฯระบุว่าบ้านเรือนกว่า 1,000 หลังถูกน้ำท่วม และประชาชนราว 16,000 คนต้องอยู่ในศูนย์พักพิง

ทั้งนี้ ในคิวบาที่กำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ผู้คนต้องดิ้นรนฝ่าถนนที่ถูกน้ำท่วมและบ้านเรือนพังทลายเรียงราย

พายุพัดถล่มหน้าต่าง, สายไฟและการสื่อสารเคลื่อนที่ล้มระเนระนาด หลังคาบ้านและกิ่งไม้หัก

เฟลิเซีย คอร์เรอาซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนลา ทรัมปา กล่าวกับเอเอฟพีว่า "เมลิสซาฆ่าพวกเราเพราะมันทำให้เราพังพินาศ พวกเรากำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนักอยู่แล้ว ตอนนี้แน่นอนว่าพวกเราแย่ลงกว่าเดิมมาก"

ทางการคิวบากล่าวว่ามีผู้อพยพประมาณ 735,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดซานติอาโก เด คิวบา, โฮลกิน และกวนตานาโม

ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาได้ระดมทีมรับมือภัยพิบัติพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัย เพื่อลงพื้นที่ช่วยเหลือในสาธารณรัฐโดมินิกัน, จาเมกา, เฮติ และบาฮามาส

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ยังได้กล่าวถึงรัฐบาลฮาวานาซึ่งเป็นศัตรูทางอุดมการณ์ โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วนแก่ประชาชนชาวคิวบาที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคน

รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศจัดสรรเงินทุนฉุกเฉิน 2.5 ล้านปอนด์สำหรับภูมิภาคนี้ และยังระบุว่าได้เช่าเหมาลำเที่ยวบินจำนวนจำกัดเพื่อช่วยเหลือพลเมืองอังกฤษให้เดินทางออกจากพื้นที่ประสบภัย

ในจาเมกา เดนนิส ซูลู ผู้ประสานงานประจำสหประชาชาติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมลิสซาได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อโครงสร้างพื้นฐาน, ทรัพย์สิน, ถนนหนทาง และการเชื่อมต่อเครือข่าย

เจ้าหน้าที่ระบุว่าการยืนยันรายงานผู้เสียชีวิตเป็นเรื่องยาก เนื่องจากข้อจำกัดในการเข้าถึงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก และประชาชนบางส่วนยังไม่สามารถติดต่อครอบครัวและคนที่รักได้

เฮอริเคนเมลิสซาทำลายสถิติปี 1935 ในฐานะพายุที่มีความรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยพัดขึ้นฝั่งในตอนที่พัดถล่มจาเมกาเมื่อวันอังคาร ตามข้อมูลของสำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา

ไซมอน สตีลล์ เลขาธิการบริหารด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า พายุขนาดยักษ์เช่นนี้เป็นเครื่องเตือนใจอันโหดร้ายถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเร่งดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในทุกด้าน.

เพิ่มเพื่อน