ยุติชัตดาวน์ประวัติศาสตร์! ทรัมป์ลงนามร่างกฎหมายเดินหน้ารัฐบาล

โดนัลด์ ทรัมป์ลงนามร่างกฎหมายที่ยืดเยื้อ เพื่อยุติการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลอันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งกินเวลานานถึง 43 วัน และทำให้คนงานหลายแสนคนไม่ได้รับค่าจ้าง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (กลาง) โชว์ร่างกฎหมายที่ลงนามเพื่อเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลกลางอีกครั้ง ณ ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน เป็นอันยุติการชัตดาวน์รัฐบาล 43 วันซึ่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ (Photo by Brendan SMIALOWSKI / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2568 กล่าวว่า ภาวะชัตดาวน์อันยาวนานกว่า 43 วันของสหรัฐฯ สิ้นสุดลงแล้วหลังการลงนามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลวอชิงตันเดินหน้าต่อได้

แม้พรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะยังคงเล่นเกมกล่าวโทษกันอย่างดุเดือดต่อการชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ แต่การเดินหน้าทำให้คนงานหลายแสนคนจะได้รับค่าจ้างและมีงบประมาณต่อไปสำหรับโครงการรัฐอีกมากมาย

สภาผู้แทนราษฎรที่นำโดยพรรครีพับลิกันลงมติส่วนใหญ่ตามแนวทางของพรรคฯเพื่ออนุมัติแพ็คเกจที่วุฒิสภาผ่านวาระมาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งจะอนุญาตให้เปิดทำการหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลกลางอีกครั้ง ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนมากเดือดดาลกับสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นการยอมจำนนของผู้นำพรรคตนเอง

ทรัมป์โจมตีพรรคเดโมแครตอย่างรุนแรงขณะลงนามร่างกฎหมายดังกล่าวในห้องทำงานรูปไข่ โดยกระตุ้นให้ชาวอเมริกันจดจำความวุ่นวายนี้ไว้เมื่อลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่จะเป็นการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในอีกหนึ่งปีข้างหน้า

"วันนี้ เรากำลังส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเราจะไม่ยอมจำนนต่อการรีดไถ" ทรัมป์กล่าว ท่ามกลางเสียงเชียร์จากสมาชิกพรรครีพับลิกัน รวมถึงไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร

งบประมาณชุดนี้ครอบคลุมการก่อสร้างทางทหาร, กิจการทหารผ่านศึก, กระทรวงเกษตร และรัฐสภา จนถึงฤดูใบไม้ร่วงหน้า และส่วนราชการส่วนที่เหลือจนถึงสิ้นเดือนมกราคม

ข้าราชการพลเรือนที่ถูกพักงานราว 670,000 คนจะกลับมาทำงาน และจำนวนใกล้เคียงกันที่ยังคงทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินกว่า 60,000 คน จะได้รับเงินเดือนย้อนหลัง

ข้อตกลงนี้ยังช่วยฟื้นฟูพนักงานรัฐบาลกลางที่ถูกทรัมป์ไล่ออกระหว่างการปิดหน่วยงาน ขณะที่การเดินทางทางอากาศที่หยุดชะงักทั่วประเทศจะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ

ทรัมป์กล่าวหาพรรคเดโมแครตอย่างผิดๆ ว่าทำให้ประเทศเสียหาย 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าผลกระทบทางการเงินทั้งหมดจากการปิดหน่วยงานยังไม่สามารถระบุได้ แต่สำนักงานงบประมาณรัฐสภาประเมินว่าผลกระทบดังกล่าวทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจสูญเสียไป 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์

แม้ว่าผลสำรวจความคิดเห็นที่ผานมาจะแสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับพรรคเดโมแครตตลอดช่วงการเผชิญหน้ากับรัฐบาล แต่พรรครีพับลิกันกลับถูกมองอย่างกว้างขวางว่าทำได้ดีกว่าตั้งแต่ที่ผลสรุปออกมา

เป็นเวลากว่า 5 สัปดาห์ที่พรรคเดโมแครตยืนกรานปฏิเสธที่จะอนุมติงบให้รัฐบาล เว้นแต่ทรัมป์จะตกลงขยายระยะเวลาเครดิตภาษีในยุคการระบาดใหญ่ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนสามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้

นอกจากนี้ ชัยชนะจากการเลือกตั้งหลายรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยิ่งทำให้พรรคเดโมแครตมีกำลังใจมากขึ้นและกลับมามีจุดมุ่งหมายในชีวิตอีกครั้ง เพราะมั่นใจในความนิยมที่ชี้ว่าพรรคฯกำลังเดินถูกทาง

แต่การที่กลุ่มสมาชิกวุฒิสภาสายกลางจำนวน 8 คนได้แยกตัวออกจากกลุ่มใหญ่และหันไปบรรลุข้อตกลงกับพรรครีพับลิกันซึ่งเสนอให้มีการลงคะแนนเสียงในสภาสูงเกี่ยวกับเงินอุดหนุนด้านการดูแลสุขภาพ ทำให้ปลดล็อกภาวะชะงักงันนั้นจนรัฐบาลกลางกลับมาเดินหน้าต่อได้ในวันนี้

พรรคเดโมแครตกำลังเผชิญความยากลำบากอย่างหนักหน่วงกับการสูญเสียจุดยืนที่แข็งกร้าวที่พังทลายลงโดยไม่ได้รับอะไรกลับมา

ผู้นำพรรคเดโมแครตโต้แย้งว่า แม้ข้อเรียกร้องด้านการดูแลสุขภาพของพวกเขาจะไม่ค่อยได้รับการรับฟังมากนัก แต่พวกเขาก็สามารถฉายแสงสปอตไลท์ไปยังประเด็นที่พวกเขาหวังว่าจะผลักดันให้พรรคฯคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026 ได้

"ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้ยกระดับประเด็นวิกฤตการดูแลสุขภาพของพรรครีพับลิกันสำเร็จ และเราจะไม่ถอยหนี" ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวกับสื่อ

แต่ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาของเดโมแครตกำลังเผชิญกับกระแสต่อต้านจากฐานเสียงฝ่ายก้าวหน้าที่แตกแยก เนื่องจากเขาไม่สามารถรักษาความสามัคคีของสมาชิกเอาไว้ได้ โดยมีสมาชิกพรรคฯจำนวนหนึ่งเรียกร้องให้เขาพ้นจากตำแหน่ง.

เพิ่มเพื่อน