เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ ทรัมป์ปกป้องเจ้าชายซาอุฯกรณีฆาตกรรมคาช็อกกี

โดนัลด์ ทรัมป์ต้อนรับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบียอย่างอบอุ่นสู่ทำเนียบขาว และปกป้องพันธมิตรสำคัญผู้นี้จากกรณีการสังหารนักข่าวจามัล คาช็อกกีในปี 2018

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา สนทนาอย่างออกรสกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ณ ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน (Photo by Brendan SMIALOWSKI / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดทำเนียบขาวต้อนรับการเสด็จเยือนของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย

ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียเสด็จมาพร้อมคำมั่นสัญญาที่จะลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ และเป็นการเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุสังหารนักข่าวจามัล คาช็อกกีในปี 2018 โดยเจ้าชายทรงตรัสว่ามรณกรรมของคาช็อกกีนั้น "เป็นเรื่องที่เจ็บปวด" และ "เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่"

ทรัมป์เองก็ร่วมยืนยันว่าผู้นำซาอุดีอาระเบียโดยพฤตินัย "ไม่รู้อะไรเลย" เกี่ยวกับการสังหารคอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ หลังจากต้อนรับเจ้าชายด้วยเครื่องบินรบล่องหน F-35 ซึ่งเขาได้ให้สัญญาว่าจะขายให้กับซาอุฯ

การประเมินข่าวกรองของสหรัฐฯ ในปี 2021 สรุปว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงสั่งการปฏิบัติการสังหารคาช็อกกีซึ่งถูกสังหารและชำแหละภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในกรุงอิสตันบูลของตุรเคีย

แต่เจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียระบุว่าผู้ลงมือคือสายลับที่ทุจริต

การสังหารในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์ก่อให้เกิดวิกฤตทางการทูตในขณะนั้น แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันอย่างชัดเจนว่าขณะนี้เขาต้องการมองข้ามเรื่องนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย

ทรัมป์แสดงอาการโกรธนักข่าวในห้องทำงานรูปไข่ที่ถามเจ้าชายเกี่ยวกับการการฆาตกรรมดังกล่าว และตำหนิว่านักข่าวที่ถามคำถามนั้นทำให้แขกชาวซาอุดีอาระเบียอับอายขายหน้า

"มีเรื่องเกิดขึ้น แต่เจ้าชายทรงไม่รู้อะไรเลย คุณไม่จำเป็นต้องทำให้แขกของเราอับอายด้วยการถามคำถามแบบนั้น" ทรัมป์กล่าว

ในโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ฮานัน เอลาเตอร์ ภรรยาม่ายของคาช็อกกี ได้ออกมาตอบโต้ความคิดเห็นของทรัมป์ว่า "ไม่มีเหตุผลใดที่สามีของฉันต้องถูกฆ่า"

เธอยังได้ฝากไปยังเจ้าชายซาอุดีอาระเบียว่า "มาพบฉัน, ขอโทษ และชดเชยให้ฉัน" สำหรับการฆาตกรรมสามีของเธอ

ทรัมป์ วัย 79 ปี ทุ่มสุดตัวเพื่อสร้างความประทับใจให้กับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด วัย 40 ปี ด้วยการแสดงทหารม้าเดินขบวนและยิงกระสุนปืนใหญ่ต้อนรับเมื่อเสด็จมาถึงทำเนียบขาว

ทรัมป์กล่าวถึงเจ้าชายแห่งซาอุดีอาระเบียว่าเป็น "เพื่อนที่ดีมาก" และยกย่องเจ้าชายว่าน่าทึ่งมาก ทั้งในด้านสิทธิมนุษยชนและทุกสิ่งทุกอย่าง

จากนั้น เจ้าชายทรงเอาใจทรัมป์ด้วยการประกาศว่าพระองค์จะเพิ่มเงินลงทุนให้มากกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่ได้สัญญาไว้กับทรัมป์เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เยือนราชอาณาจักรในเดือนพฤษภาคม

"เราสามารถประกาศได้ว่าเราจะเพิ่มเงินลงทุนจาก 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ" เจ้าชายทรงตรัส

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ทั้งสองประเทศยังเตรียมที่จะลงนามข้อตกลงหลายฉบับเกี่ยวกับการป้องกันประเทศ, พลังงาน และปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงข้อตกลงเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือด้านนิวเคลียร์สำหรับพลเรือน

ทรัมป์กล่าวว่าเขาได้ผลักดันให้เจ้าชายโมฮัมเหม็ดฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิสราเอลผ่านข้อตกลงอับราฮัม โดยมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนการหยุดยิงอันเปราะบางระหว่างอิสราเอลและฮามาสในฉนวนกาซาให้เป็นสันติภาพในภูมิภาคที่ยั่งยืนยาวนานยิ่งขึ้น

ฝ่ายซาอุดีอาระเบียกล่าวว่าต้องการเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จทางการทูตอันเป็นเอกลักษณ์ของทรัมป์ตั้งแต่ช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก แต่ต้องมีเส้นทางที่ชัดเจนสู่การเป็นรัฐปาเลสไตน์เสียก่อน

ขณะเดียวกัน ทรัมป์ย้ำถึงความตั้งใจที่จะขายเครื่องบินรบล่องหน F-35 ที่ซาอุดีอาระเบียใฝ่ฝัน แม้จะมีความกังวลจากอิสราเอลและคำเตือนจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่าจีนอาจขโมยเทคโนโลยีนี้ไป

พิธีเฉลิมฉลองจะดำเนินต่อไปในช่วงบ่ายวันนี้ ขณะที่เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำกาลาดินเนอร์ให้กับผู้นำซาอุดีอาระเบีย โดยคริสเตียโน โรนัลโด นักฟุตบอลชื่อดังชาวโปรตุเกส ซึ่งเล่นในซาอุดีอาระเบีย จะเข้าร่วมงานดังกล่าวที่ทำเนียบขาวด้วย

ทั้งนี้ เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับทรัมป์และครอบครัวตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงการให้คำมั่นสัญญาการลงทุนกับมหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ผู้ผันตัวมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ.

เพิ่มเพื่อน