ประธานาธิบดีไต้หวันจะนำเสนองบประมาณกลาโหมเพิ่มเติม 40,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 8 ปี ขณะที่รัฐบาลไทเปกำลังพยายามยับยั้งการรุกรานของจีนที่อาจเกิดขึ้น

ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันจัดงานแถลงข่าวเรื่องแผนปฏิบัติการเพื่อการปกป้องประชาธิปไตยและความมั่นคงแห่งไต้หวัน ณ อาคารสำนักงานประธานาธิบดีในกรุงไทเป เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน (Photo by I-Hwa Cheng / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันและรัฐบาลของเขาจะเสนอให้มีการอนุมัติงบประมาณกลาโหมเพิ่มเติม 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐตลอดระยะเวลา 8 ปี เพื่อเตรียมรับมือการรุกรานจากจีนที่อาจเกิดขึ้นวันใดวันหนึ่ง
ไต้หวันได้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่แรงกดดันทางทหารของจีนทวีความรุนแรงขึ้น แต่รัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ผลักดันให้ไต้หวันดำเนินการมากขึ้นเพื่อปกป้องตนเอง
ไล่ ชิงเต๋อกล่าวว่า ภายในปี 2027 กองทัพตั้งเป้าที่จะมีความพร้อมรบร่วมในระดับสูงเพื่อต่อต้านจีน ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เคยอ้างถึงก่อนหน้านี้ว่าเป็นกรอบเวลาที่เป็นไปได้สำหรับการโจมตีของจีนต่อเกาะแห่งนี้
ผู้นำไต้หวันกล่าวในการแถลงข่าวหลังจากประกาศแผนการใช้จ่าย 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในบทความแสดงความคิดเห็นของวอชิงตันโพสต์ว่า "เป้าหมายสูงสุดคือการสร้างขีดความสามารถด้านการป้องกันดินแดนที่จะช่วยปกป้องไต้หวันให้ดำรงประชาธิปไตยได้อย่างถาวร"
จีนคอมมิวนิสต์ไม่เคยปกครองไต้หวัน แต่รัฐบาลปักกิ่งอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตน และขู่ว่าจะใช้กำลังเพื่อยึดคืน
กระทรวงต่างประเทศของจีนออกมาเตือนล่าสุดว่า "ความพยายามของไต้หวันในการต่อต้านการรวมชาติและแสวงหาเอกราชด้วยวิธีการทางทหารจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ"
การประกาศของไล่ ชิงเต๋อเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลโตเกียวและปักกิ่งกำลังเผชิญความขัดแย้งทางการทูตที่ยืดเยื้อมานานหลายสัปดาห์ จากคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ที่ระบุว่าญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงทางทหารหากไต้หวันถูกโจมตี
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำไต้หวันกล่าวว่า เขายินดีกับแผนการใช้จ่ายของรัฐบาลไทเปและเรียกร้องให้พรรคการเมืองฝ่ายค้านหาจุดร่วมในการส่งเสริมการป้องกันดินแดน
เรย์มอนด์ กรีน ผู้อำนวยการสถาบันอเมริกันในไต้หวัน ซึ่งเป็นสถานทูตโดยพฤตินัยของรัฐบาลวอชิงตัน กล่าวว่า "ไม่ว่าสิ่งที่คุณให้ความสำคัญจะเป็นการรักษาประชาธิปไตยและเศรษฐกิจแบบตลาดของไต้หวัน, การส่งเสริมเงื่อนไขสำหรับการเจรจาข้ามช่องแคบไต้หวัน หรือการรักษาการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ การเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันตนเองของไต้หวันถือเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่จำเป็น"
ไล่ ชิงเต๋อกล่าวว่าการใช้จ่ายเพิ่มเติมดังกล่าวจะนำไปใช้ในการซื้ออาวุธใหม่จากสหรัฐฯ และเสริมสร้างความสามารถของไต้หวันในการทำสงครามแบบอสมมาตร (Asymmetrical warfare)
เขากล่าวว่าการจัดซื้อไม่ได้ผูกติดกับการเจรจาภาษีศุลกากรที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าเป้าหมายหลักคือ การแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไต้หวันในการป้องกันตนเอง
"เรามุ่งหวังที่จะเสริมสร้างการยับยั้งโดยการใส่ต้นทุนและความไม่แน่นอนที่มากขึ้นในการตัดสินใจของจีนแผ่นดินใหญ่เกี่ยวกับการใช้กำลัง" ผู้นำไต้หวันกล่าวในวอชิงตันโพสต์
ความคิดเห็นของเขายังเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ อนุมัติขายชิ้นส่วนและส่วนประกอบอาวุธมูลค่า 330 ล้านดอลลาร์ในเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของไล่ ชิงเต๋ออาจประสบปัญหาในการได้รับการอนุมัติงบประมาณที่เสนอโดยรัฐสภา ซึ่งพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) อันเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักที่สนับสนุนความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีน มีอำนาจควบคุมวงเงินงบประมาณด้วยความช่วยเหลือจากพรรคประชาชนไต้หวัน
เจิ้งลี่เหวิน ประธานพรรคก๊กมินตั๋งซึ่งการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของเธอถูกขัดขวางโดยข้อกล่าวหาเรื่องการแทรกแซงของจีน เคยคัดค้านแผนการใช้จ่ายด้านกลาโหมของไล่ ชิงเต๋อมาก่อน
เจิ้งเตือนเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ไล่ ชิงเต๋อกำลังเล่นกับไฟและเสี่ยงที่จะทำให้ช่องแคบไต้หวันกลายเป็นถังดินปืน
ไล่ ชิงเต๋อซึ่งเป็นผู้นำพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) เคยวางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมประจำปีเป็น 5% ภายในปี 2030
รัฐบาลไทเปยังเสนอที่จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเป็น 949,500 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 3.32% ของ GDP ในปีหน้า
แผนการใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ประกาศเมื่อวันพุธนี้จะครอบคลุมตลอดระยะเวลา 8 ปี และสูงกว่า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่สมาชิกสภานิติบัญญัติอาวุโสของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าได้เปิดเผยต่อสำนักข่าวเอเอฟพีก่อนหน้านี้
ไล่ ชิงเต๋อกล่าวว่าเงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนา "T-Dome" ซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบหลายชั้น เพื่อปกป้องกองกำลังรบของไต้หวัน, โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ และอาคารพลเรือนจากขีปนาวุธของจีน
กระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ขีปนาวุธโจมตีแม่นยำพิสัยไกล, ระบบต่อต้านโดรน และขีปนาวุธต่อต้านขีปนาวุธ อยู่ในรายการสิ่งของที่ต้องจัดซื้อเช่นกัน
ซู จื่อหยุน ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากสถาบันวิจัยความมั่นคงและการป้องกันแห่งไทเป กล่าวว่าแผนการใช้จ่ายนี้คื"สิ่งที่ไต้หวันต้องการ เพราะ"เสรีภาพไม่ใช่ของฟรี"
แต่หม่า เหวินชุน สมาชิกรัฐสภาพรรคก๊กมินตั๋ง กล่าวว่า การเสริมสร้างการป้องกันดินแดนไม่ใช่การตะโกนคำขวัญหรือเพียงแค่ซื้ออาวุธเพิ่ม
หม่ากล่าวว่า การเกณฑ์และรักษากำลังพลไว้เป็นประเด็นเร่งด่วนและสำคัญกว่ามากสำหรับกองทัพ
"ในอนาคต เราอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่มีบุคลากรเหลืออยู่เพื่อใช้งานอาวุธเหล่านี้" เขากล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สถานทูตจีน' หวัง 'ไทย-กัมพูชา' ใช้กลไกทวิภาคีหาทางออก เลี่ยงความรุนแรง
เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับประเด็นไทย–กัมพูชา


