ทางการฮ่องกงจับกุมผู้ต้องสงสัย 14 คนในการสืบสวนเหตุไฟไหม้ครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และตรวจสอบพบตาข่ายที่ไม่ได้มาตรฐานติดอยู่ภายนอกอาคาร

ชาวฮ่องกงวางดอกไม้แสดงความอาลัย ณ อนุสรณ์สถานชั่วคราวหน้าอาคารอพาร์ตเมนต์ Wang Fuk Court หลังเกิดเหตุไฟไหม้รุนแรงในเขตไทโปกลางสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม (Photo by Peter PARKS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2568 กล่าวว่า ในการสืบสวนเหตุไฟไหม้ครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษของฮ่องกง ล่าสุดทางการตรวจพบว่ามีตาข่ายที่ไม่ได้มาตรฐานติดอยู่ภายนอกอาคารพักอาศัยที่ถูกเผาผลาญนานกว่า 40 ชั่วโมง และมีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 14 คน
ยอดผู้เสียชีวิตที่มากจนน่าตกใจได้เพิ่มเป็น 151 รายแล้ว หลังจากพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ก่อให้เกิดความโศกเศร้าอย่างมากมายทั่วทั้งเกาะ
เหตุไฟไหม้อาคารที่พักอาศัยที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลกนับตั้งแต่ปี 1980 เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่ Wang Fuk Court ในเขตไทโป (Tai Po) ทางตอนเหนือ
เปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั่วอาคารอพาร์ตเมนต์ซึ่งถูกหุ้มด้วยนั่งร้านไม้ไผ่, ตาข่ายป้องกัน และแผ่นโฟม ที่เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงอาคารทั้งหมด อันส่งผลกระทบต่อห้องชุดเกือบ 2,000 ห้อง
เจ้าหน้าที่ประกาศว่า ตัวอย่างตาข่าย 7 จาก 20 ตัวอย่างที่เก็บมาจากอาคารที่พังยับเยิน 4 หลัง ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากอัคคีภัย
"ตอนนี้เราเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากตาข่ายนิรภัยที่ไม่ได้มาตรฐานทนไฟ ประกอบกับการติดแผ่นโฟมซึ่งเป็นสาเหตุของไฟไหม้ครั้งนี้" คริส ถัง รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงกล่าวในการแถลงข่าว
หน่วยงานตรวจสอบปราบปรามการทุจริตของฮ่องกงและตำรวจได้ร่วมกันสืบสวนและจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 14 คน โดย 13 คนในจำนวนนี้ต้องสงสัยว่าฆ่าคนโดยไม่เจตนา
เอริค ชาน รองผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงใช้คำเรียกผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ว่า "น่าอับอาย" และ "เจ้าเล่ห์" โดยกล่าวว่าคนเหล่านั้นกระทำการโดยเจตนาและมีการวางแผน
เขากล่าวว่าผู้ต้องสงสัยได้นำตาข่ายที่ไม่ได้มาตรฐานมาปะปนกันเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และนำไปซ่อนไว้ในสถานที่ที่คนทั่วไปไม่สามารถเก็บตัวอย่างได้ง่าย
ตำรวจฮ่องกงระบุว่า พวกเขาได้เสร็จสิ้นการค้นหาในอาคารที่ได้รับผลกระทบ 5 แห่ง จากทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 151 ราย จาก 146 รายในวันก่อนหน้า
"เราไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก" ซัง ชุก-ยิน ตัวแทนตำรวจกล่าวในการแถลงข่าว
ทั้งนี้ จากยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีการระบุตัวตนแล้ว 104 ราย
ซังกล่าวเสริมด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า "ศพบางส่วนถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านแล้ว" ซึ่งหมายความว่าร่างของผู้สูญหายบางรายอาจไม่มีวันได้พบเจอ
มีรายงานว่าศพถูกพบทั้งภายในห้องพัก, โถงทางเดิน และตามบันได โดยกระบวนการค้นหาศพที่เหลือยังคงดำเนินต่อไป
มีชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิต 1 ราย และชาวอินโดนีเซีย 9 ราย ตามรายงานของสถานกงสุลแต่ละรัฐ ขณะที่ชาวอินโดนีเซีย 30 คนยังอยู่ในสถานะสูญหาย
ครอบครัวของผู้เสียชีวิตบางส่วนได้เดินทางกลับไปยังอาคารเกิดเหตุเพื่อเริ่มพิธีศพแบบดั้งเดิม ซึ่งคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในวันอังคาร
จนถึงคืนวันจันทร์ มีครัวเรือนมากกว่า 1,900 ครัวเรือนลงทะเบียนขอรับเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง ขณะที่ประชาชนราว 2,400 คนต้องใช้บริการที่พักฉุกเฉินของรัฐบาล
ความโศกเศร้าโศกหลั่งไหลเข้ามาอย่างมากมาย ผู้ร่วมไว้อาลัยได้ต่อแถวยาวเหยียดในย่านไทโป และหลั่งไหลไปยังสวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้กับอาคารที่ถูกไฟไหม้เพื่อวางดอกไม้และข้อความไว้อาลัย
ข้อความบางส่วนเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ โดยมีข้อความหนึ่งระบุว่า "หวังว่าการตายของคุณจะไม่สูญเปล่า ความจริงต้องปรากฏเพื่อประโยชน์ของพวกคุณ"
มีรายงานว่า ไมลส์ กวน นักศึกษาวัย 24 ปีคนหนึ่ง ถูกตำรวจจับกุมในข้อหา "มีเจตนาปลุกปั่น" หลังจากแจกใบปลิวเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบกรณีเหตุไฟไหม้ดังกล่าว
คำร้องออนไลน์ที่มีข้อเรียกร้อง 4 ข้อของกวน ซึ่งรวมถึงข้อเรียกร้องให้มีการสอบสวนโดยอิสระ มีผู้ลงชื่อมากกว่า 10,000 คนภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ก่อนที่เนื้อหาทั้งหมดจะถูกลบออกไป
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีอีก 2 คน รวมถึงเคนเนธ เจิง อดีตสมาชิกสภาเขต ก็ถูกตำรวจจับกุมเช่นกัน
เมื่อบ่ายวันจันทร์ มีคนเห็นกวนออกจากสถานีตำรวจด้วยรถแท็กซี่ และไม่มีการยืนยันว่าเขาถูกจับกุมอย่างเป็นทางการหรือไม่ ขณะที่เจิงโพสต์บนเฟซบุ๊กว่าเขากลับบ้านแล้วโดยได้รับการประกันตัว
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับรายงานการจับกุมในข้อหาปลุกปั่น รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงกล่าวว่ามีความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้องทางออนไลน์เกิดขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพียงเพื่อคุกคามความมั่นคงของชาติ
"ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เหมาะสม รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย แต่รายละเอียดปฏิบัติการไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐ" คริส ถังกล่าวกับผู้สื่อข่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั่วไทยยังได้รับลมหนาวแต่อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา
กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าในลักษณะทั่วไป


