น้ำท่วมฉับพลันในเมืองชายฝั่งของโมร็อกโกคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 37 ราย ขณะที่ทางการเร่งปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย

ชาวโมร็อกโกมองดูซากรถและเศษซากปรักหักพังอื่นๆ หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันในเมืองซาฟี บริเวณชายฝั่งที่อยู่ห่างจากกรุงราบัต ไปทางใต้ประมาณ 300 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม (Photo by AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2568 กล่าวว่า เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันในเมืองชายฝั่งของโมร็อกโก คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 37 ราย
โมร็อกโกซึ่งประสบภัยแล้งอยู่บ่อยครั้ง มักเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรง แต่เหตุการณ์น้ำท่วมในเมืองซาฟีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดในรอบอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษ
กระแสน้ำโคลนเชี่ยวกรากได้พัดพารถยนต์และถังขยะออกจากถนนในเมืองซึ่งอยู่ห่างจากกรุงราบัตไปทางใต้ประมาณ 300 กิโลเมตร
ผู้รอดชีวิต 14 คนกำลังได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง และ 2 คนอยู่ในห้องไอซียู ตามรายงานล่าสุดของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
โรงเรียนปิดทำการอย่างน้อย 3 วัน, บ้านและธุรกิจอย่างน้อย 70 แห่งในใจกลางเมืองเก่าถูกน้ำท่วม ขณะที่โคลนและเศษซากต่างๆ อุดตันถนนหนทาง
เมื่อน้ำลดลง เหลือไว้เพียงภาพโคลนและรถยนต์ที่พลิคว่ำ ผู้คนเฝ้าดูหน่วยป้องกันภัยพลเรือนและชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันเก็บกวาดซากปรักหักพัง
โมร็อกโกกำลังเผชิญกับภัยแล้งอย่างรุนแรงเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน และปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนที่สุดของราชอาณาจักรในแอฟริกาเหนือแห่งนี้
ในอดีต เคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันคร่าชีวิตผู้คนหลายร้อยรายในโมร็อกโกเมื่อปี 1995 และอีกหลายสิบรายในปี 2002
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้พายุมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากบรรยากาศที่อุ่นขึ้นกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น และทะเลที่อุ่นขึ้นสามารถเร่งระบบสภาพอากาศได้.

