นาจิบ ราซัก ยื่นขอกักบริเวณที่บ้านไม่สำเร็จ ยืนโทษจำคุกคดีฉ้อโกง 1MDB

นาจิบ ราซัก อดีตผู้นำมาเลเซีย พ่ายแพ้ในการยื่นขอเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักบริเวณในบ้าน ขณะที่อีกหนึ่งคดีฉ้อโกง 1MDB กำลังจะตัดสินในสัปดาห์นี้

นาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ถูกจำคุก (กลาง) เดินทางมายังศาลสูงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาอนุญาตให้เขาถูกกักบริเวณในบ้านแทนการถูกคุมขังในเรือนจำกาจัง (Photo by MOHD RASFAN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม 2568 กล่าวว่า นาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียพ่ายแพ้การยื่นขอเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักบริเวณในบ้าน ก่อนการตัดสินคดีอีกคดีหนึ่งในสัปดาห์นี้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีฉ้อโกง 1MDB

อดีตผู้นำวัย 72 ปี กำลังรับโทษจำคุก 6 ปีในข้อหาทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของมาเลเซีย 1MDB ซึ่งก่อให้เกิดการสอบสวนในหลายประเทศ

ทนายความของเขาได้โต้แย้งว่า คำสั่งที่อ้างว่าได้รับมาจากอดีตพระมหากษัตริย์ของมาเลเซีย หรือที่เรียกว่า "พระราชทานเพิ่มเติม" นั้น อนุญาตให้จำเลยสามารถรับโทษจำคุกที่เหลืออยู่ที่บ้านได้

อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาอลิซ โลเก ยี ชิง ของศาลสูงกัวลาลัมเปอร์ ไม่เห็นด้วย โดยกล่าวว่า "พระราชทานเพิ่มเติม" นั้นไม่ใช่คำสั่งที่ถูกต้อง ศาลจึงไม่สามารถออกคำสั่งให้กักบริเวณในบ้านได้

"ไม่มีบทบัญญัติทางกฎหมายใด ๆ ในมาเลเซียสำหรับการกักบริเวณในบ้าน ดังนั้นการขอพิจารณาคดีจึงถูกยกเลิก" ผู้พิพากษาระบุ

อดีตผู้นำซึ่งสวมชุดสูทสีเทาและเสื้อเชิ้ตสีขาว แสดงความผิดหวังเมื่อผู้พิพากษาอ่านคำตัดสิน

ทนายความของเขากล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการพิจารณาคดีว่า นาจิบจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน และอดีตนายกรัฐมนตรีผิดหวังอย่างมากกับคำตัดสิน

นาจิบ ราซัก ถูกตัดสินจำคุก 12 ปีเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 ในการพิจารณาคดีครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับเงินประมาณ 42 ล้านริงกิต (9.9 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น) ที่ยักยอกมาจากบริษัทในเครือของ 1MDB ชื่อ SRC International Sdn Bhd

ต่อมาโทษจำคุกถูกลดลงกึ่งหนึ่งโดยคณะกรรมการอภัยโทษ

เขากำลังเผชิญกับคำตัดสินอีกครั้งในสัปดาห์นี้จากการพิจารณาคดีแยกต่างหากที่เชื่อมโยงกับเรื่องอื้อฉาวทางการเงินอันนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งปี 2018 ของเขา

คำตัดสินที่จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ถือเป็นคดีหลักของนาจิบ เขาเผชิญข้อหาใช้อำนาจในทางที่ผิด 4 กระทงเพื่อยักยอกเงินประมาณ 2,280 ล้านริงกิตจากกองทุน 1MDB รวมถึงข้อหาฟอกเงินอีก 21 กระทง

อัยการกล่าวว่า นาจิบ ราซักใช้อำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาของ 1MDB ในขณะนั้น เพื่อยักย้ายเงินจำนวนมากจากกองทุนไปยังบัญชีส่วนตัวของเขาเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว

ฝ่ายอัยการได้นำเสนอหลักฐานทางการเงิน, เอกสาร และคำให้การจากพยานมากกว่า 50 ปาก ขณะที่ทนายฝ่ายจำเลยกล่าวโทษโยนผิดให้โลว์ แท็ก โจ (โจ โลว์) ซึ่งเป็นนักธุรกิจคนสนิทของนาจิบและอยู่ระหว่างการหลบหนี

โลว์ถูกมองว่าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังแผนการปล้นกองทุนเพื่อการลงทุนของมาเลเซีย และนำเงินที่ได้มาใช้จ่ายไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์หรู, เครื่องบินส่วนตัว, เรือยอชต์ ไปจนถึงงานศิลปะราคาแพง รวมถึงภาพวาดของโมเนต์และแวนโกะห์

อดีตผู้นำมาเลเซียอาจต้องรับโทษจำคุกเพิ่มขึ้นอีกนาน หากถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาอื่น ๆ ในวันศุกร์นี้ และนั่นจะเป็นอีกหนึ่งความเสียหายต่ออิทธิพลที่หลงเหลืออยู่ของเขาภายในพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของมาเลเซีย คือ พรรคอัมโน (UMNO)

ทั้งนี้ การใช้อำนาจโดยมิชอบแต่ละครั้งมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี และปรับสูงสุดห้าเท่าของจำนวนเงินสินบน

ข้อกล่าวหาว่าเงินที่ยักยอกไปใช้ในการซื้อของฟุ่มเฟือยมีบทบาทสำคัญในการทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งขับไล่นาจิบและพรรคอัมโนที่ครองอำนาจมายาวนานในปี 2018

นาจิบได้ขอโทษสำหรับเรื่องอื้อฉาว 1MDB ที่เกิดขึ้นในระหว่างดำรงตำแหน่ง แต่ยืนยันว่าเขาไม่รู้เรื่องการโอนเงินที่ผิดกฎหมายจากกองทุนของรัฐที่ปัจจุบันยุบไปแล้ว

เรื่องอื้อฉาว 1MDB สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของมาเลเซียในต่างประเทศ และก่อให้เกิดการสอบสวนในสหรัฐอเมริกา, ลักเซมเบิร์ก, สวิตเซอร์แลนด์ และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่กล่าวหาว่ามีการฟอกเงิน.