ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนบางตาเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้งที่ถูกจำกัดอย่างเข้มงวดของเมียนมา โดยรัฐบาลทหารจัดขึ้นเพื่อแสดงภาวะประชาธิปไตยหลังการรัฐประหารเมื่อ 5 ปีก่อนซึ่งเป็นต้นเหตุของสงครามกลางเมือง

มิน อ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐบาลทหารของเมียนมายืนอยู่ในคูหาเพื่อลงคะแนนแบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ หน่วยเลือกตั้งในกรุงเนปยีดอ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม (Photo by Sai Aung MAIN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม 2568 กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 5 ปีของเมียนมาเริ่มขึ้นแล้วในระยะแรกตามโรดแมปของรัฐบาลทหารที่จะเปิดการลงคะแนนเสียงเป็นหลายช่วง
แม้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่มากนักเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้งที่ถูกจำกัดอย่างเข้มงวด แต่รัฐบาลทหารผู้ปกครองเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยหลังจากที่พวกเขาโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเมื่อ 5 ปีก่อนซึ่งเป็นต้นเหตุของสงครามกลางเมืองจนถึงปัจจุบัน
อองซานซูจี อดีตผู้นำพลเรือนยังคงถูกคุมขัง ขณะที่พรรคของเธอซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากได้ถูกยุบและไม่ได้เข้าร่วมการเลือกตั้งครั้งนี้
นักรณรงค์, นักการทูตตะวันตก และหัวหน้าฝ่ายสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ต่างประณามการเลือกตั้งที่จัดขึ้นเป็นระยะๆ นานหนึ่งเดือน โดยอ้างว่ากระบวนการเลือกตั้งนั้นเต็มไปด้วยพันธมิตรทางทหาร ท่ามกลางการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างรุนแรง
พรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา (Union Solidarity and Development Party) ที่สนับสนุนกองทัพ คาดว่าจะได้รับชัยชนะในกลุ่มเสียงที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งนักวิจารณ์กล่าวว่าจะเป็นการกลับมาของระบอบการปกครองแบบเผด็จการทหารอีกครั้ง
"เรารับประกันว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม" มิน อ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐบาลทหารกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงเนปยีดอที่ซึ่งเขาไปใช้สิทธิ์หลังจากเปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
"การเลือกตั้งนี้จัดโดยกองทัพ เราไม่อาจปล่อยให้ชื่อเสียงของเราเสื่อมเสียได้" เขากล่าว
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประชากรประมาณ 50 ล้านคนกำลังเผชิญกับสงครามกลางเมือง และจะไม่มีการเลือกตั้งในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏที่ลุกขึ้นต่อต้านการปกครองของกองทัพ
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต่อแถวยาวเหยียดอยู่นอกหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งกองทัพประกาศให้เป็นโมฆะในอีกไม่กี่เดือนต่อมาหลังจากโค่นล้มอองซานซูจีและยึดอำนาจ
แต่ในครั้งนี้ นักข่าวและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งมีจำนวนมากกว่าผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ณ หน่วยเลือกตั้งใจกลางกรุงย่างกุ้ง ใกล้กับเจดีย์สุเลอันงดงามซึ่งเป็นสถานที่จัดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่หลังการรัฐประหาร
ท่ามกลางผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าจำนวนเล็กน้อยที่ทยอยออกมาใช้สิทธิ์ในรอบแรกจากทั้งหมดสามรอบ ชาวเมียนมา วัย 45 ปีคนหนึ่งแสดงความเห็นปฏิเสธคำวิจารณ์จากนานาชาติ
"มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันก็มีคนชอบและไม่ชอบอยู่เสมอ" เขากล่าว
ที่หน่วยเลือกตั้งอีกแห่งหนึ่งใกล้บ้านร้างของอองซานซูจี ชาวเมียนมาผู้มาใช้สิทธิ์คนแรก กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมากและจะนำสิ่งที่ดีที่สุดมาสู่ประเทศ
"สิ่งสำคัญอันดับแรกควรเป็นการฟื้นฟูสถานการณ์ที่ปลอดภัยและสงบสุข" ชายวัย 63 ปีกล่าวกับเอเอฟพี
แต่โดยรวมแล้วมีผู้มาใช้สิทธิ์เพียงประมาณ 100 คนเท่านั้นในสองหน่วยเลือกตั้งในช่วงชั่วโมงแรกของการเปิดทำการ ตามการนับของเอเอฟพี
ช่วงก่อนการเลือกตั้ง ไม่มีการชุมนุมสาธารณะที่คึกคักเหมือนที่อองซานซูจีเคยทำ และคณะรัฐบาลทหารได้ทำการโจมตีอย่างหนักก่อนการเลือกตั้งเพื่อยึดคืนดินแดน
"ผมไม่คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศนี้ได้" ผู้พลัดถิ่นจากความขัดแย้งหลังรัฐประหารคนหนึ่งกล่าว
"ผมคิดว่าการโจมตีทางอากาศและการกระทำโหดร้ายต่อบ้านเกิดของเราจะยังคงดำเนินต่อไปแม้หลังการเลือกตั้งแล้วก็ตาม" เขากล่าวในพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยึดครองในตำบลเปกอน รัฐฉาน
ทั้งนี้ในประวัติศาสตร์หลังได้รับเอกราช กองทัพได้ปกครองเมียนมาเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่จะมีช่วงเวลา 10 ปีที่รัฐบาลพลเรือนเข้ามาสานต่อการบริหารด้วยความหวังและการปฏิรูป
แต่หลังจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของอองซานซูจีเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่สนับสนุนกองทัพในการเลือกตั้งปี 2020 มิน อ่อง หล่ายก็ยึดอำนาจด้วยการรัฐประหาร โดยอ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง
ในขณะที่กองทัพปราบปรามการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย นักเคลื่อนไหวจำนวนมากจึงออกจากเมืองไปต่อสู้ในฐานะกองโจรเคียงข้างกองทัพชนกลุ่มน้อยที่มีอิทธิพลมานานในพื้นที่ชายขอบของเมียนมา
ขณะเดียวกัน อองซานซูจีกำลังรับโทษจำคุก 27 ปีในข้อหาที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนมองว่าเป็นการใส่ร้ายทางการเมือง
เนื่องจากพรรคการเมืองส่วนใหญ่จากการเลือกตั้งปี 2020 รวมถึงพรรคของอองซานซูจี ได้ถูกยุบไปแล้ว เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรีจึงระบุว่า 90% ของที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วจะตกเป็นขององค์กรที่ไม่มีชื่ออยู่ในบัตรเลือกตั้งวันอาทิตย์นี้ โดยเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่จะไม่ยอมให้มีการลงคะแนนแบบเขียนชื่อผู้สมัครเอง หรือบัตรเสีย
ปัจจุบันคณะรัฐบาลทหารกำลังดำเนินคดีกับบุคคลมากกว่า 200 คน ในข้อหาละเมิดกฎหมายที่เข้มงวดซึ่งห้ามการขัดขวางการเลือกตั้ง รวมถึงการประท้วงหรือการวิพากษ์วิจารณ์
ผู้แทนของสหประชาชาติระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่อนาคตของเมียนมาจะต้องถูกกำหนดผ่านกระบวนการที่เสรี, เป็นธรรม, ครอบคลุม และน่าเชื่อถือ ซึ่งสะท้อนถึงเจตจำนงของประชาชน
"การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมของความรุนแรงและการปราบปรามอย่างชัดเจน" โวลเกอร์ เตืร์ก หัวหน้าฝ่ายสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หลังจากวันนี้ การลงคะแนนรอบที่สองจะจัดขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนรอบที่สามและรอบสุดท้ายในวันที่ 25 มกราคม แต่คณะรัฐบาลทหารยอมรับว่าการเลือกตั้งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเขตเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรเกือบหนึ่งในห้าของพื้นที่ประเทศ.

