พรรคการเมืองหลักของเมียนมาที่สนับสนุนกองทัพ อ้างชัยชนะอย่างท่วมท้นในรอบแรกของการเลือกตั้ง แม้องค์กรเฝ้าระวังประชาธิปไตยเตือนว่าการเลือกตั้งที่รัฐบาลทหารจัดขึ้นจะยิ่งทำให้การปกครองโดยกองทัพแข็งแกร่งขึ้น

แฟ้มภาพ ขิ่น ยี ประธานพรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเมียนมา กล่าวปราศรัยในการหาเสียงเลือกตั้งที่กรุงย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน (Photo by Sai Aung MAIN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม 2568 กล่าวว่า กองทัพเมียนมายึดอำนาจพลเรือนด้วยการรัฐประหารเมื่อปี 2021 แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้เปิดให้ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งแบบแบ่งเป็นหลายรอบซึ่งจะกินเวลาทั้งหมด 1 เดือน โดยพวกเขาให้คำมั่นว่าจะคืนอำนาจให้กับประชาชน
พรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา (Union Solidarity and Development Party) ซึ่งให้การสนับสนุนกองทัพ ได้อ้างชัยชนะจากการเลือกตั้งดังกล่าว
"เราชนะที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 82 ที่นั่งในเขตการปกครองที่นับคะแนนเสร็จแล้ว จากทั้งหมด 102 ที่นั่ง" สมาชิกอาวุโสของพรรคฯระบุ
ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าพรรคนี้ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าเป็นตัวแทนพลเรือนของกองทัพ ได้รับที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า 80% จากที่นั่งทั้งหมดที่เปิดให้ลงคะแนนในวันอาทิตย์
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเสริมว่า พรรคฯชนะในทุกเขตการปกครองทั้ง 8 แห่งในกรุงเนปยีดอ
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 พรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนาพ่ายแพ้ให้กับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของอองซานซูจี ซึ่งถูกยุบหลังจากรัฐประหารและไม่มีชื่ออยู่ในบัตรเลือกตั้งครั้งล่าสุด
สตรีผู้ได้รับรางวัลโนเบลถูกควบคุมตัวตั้งแต่การรัฐประหาร ซึ่งเป็นต้นเหตุของสงครามกลางเมืองจนถึงปัจจุบัน
นักรณรงค์, นักการทูตตะวันตก และหัวหน้าฝ่ายสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้ประณามการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยอ้างถึงการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างรุนแรง และรายชื่อผู้สมัครที่เต็มไปด้วยพันธมิตรทางทหาร
"เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่พรรคสหภาพสามัคคีฯจะครองเสียงข้างมาก" มอร์แกน ไมเคิลส์ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศกล่าว
"การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่น่าเชื่อถือ พวกเขาโกงการเลือกตั้งล่วงหน้าโดยการแบนพรรคการเมืองต่างๆ ทำให้แน่ใจว่าบางคนจะไม่ไปลงคะแนนเสียง หรือหากไปลงคะแนนเสียงก็จะถูกข่มขู่ให้ลงคะแนนเสียงในแบบที่ต้องการ" เขากล่าวกับเอเอฟพี
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการยังไม่ได้รับการประกาศโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งสหภาพเมียนมา และกำหนดการเลือกตั้งยังมีอีกสองรอบคือวันที่ 11 และ 25 มกราคม
พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดซึ่งปกครองประเทศด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จตลอด 5 ปีที่ผ่านมา กล่าวว่ากองทัพสามารถไว้วางใจให้ส่งมอบอำนาจคืนให้กับรัฐบาลพลเรือนได้
"เรารับประกันว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม เพราะกองทัพเป็นผู้จัดการเลือกตั้ง เราไม่สามารถปล่อยให้ชื่อเสียงของเราเสื่อมเสียได้" เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงเนปยีดอ
การเลือกตั้งในวันอาทิตย์มีกำหนดจัดขึ้นใน 102 เมืองจากทั้งหมด 330 เมืองของประเทศ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดในสามรอบของการลงคะแนนเสียง
แต่ท่ามกลางสงคราม กองทัพยอมรับว่าการเลือกตั้งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเขตเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรเกือบหนึ่งในห้า.

