
“คณิต” เผยแผนส่งมอบพื้นที่“ไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน”คืบ 98.11% คาดครบ 100% ม.ค.65 ย้ำโอนแอร์พอร์ตลิงก์ รอสรุปภายใน 3 เดือน ด้านซีพีจ่ายมัดจำแล้ว 10% เข้าบริหารวันแรกราบลื่นไม่กระทบการใช้บริการของประชาชน
26 ต.ค.2564 นายคณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)ว่า โครงการดังกล่าว เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ (EEC Project list) ที่ได้ดำเนินการในด้านต่างๆ ต่อเนื่อง โดยรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินก้าวหน้าต่อเนื่อง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ส่งมอบพื้นที่พร้อมก่อสร้างของโครงการช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภาให้ บริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด แล้ว 98.11% ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร (กม.) คิดเป็นพื้นที่ 3,513 ไร่ 1 งาน 3 ตารางวา
ทั้งนี้ เอกชนคู่สัญญา ได้ทยอยเข้าเตรียมการก่อสร้างแล้วตั้งแต่ปลายปี 2563 แล้ว ประกอบด้วย การสร้างถนน และสะพานชั่วคราวของโครงการ การสร้างโรงหล่อชิ้นส่วนทางวิ่งรถไฟ การสร้างบ้านพักคนงาน โดย รฟท. จะส่งมอบพื้นที่ที่เหลืออีก 1.89% ภายใน ม.ค. 2565 และเมื่อเอกชนคู่สัญญาตรวจรับพื้นที่ทั้งหมดแล้ว คาดว่า รฟท. จะออกหนังสือแจ้งเริ่มงานก่อสร้างอย่างเป็นทางการ (NTP) ประมาณ มี.ค. 2565 ซึ่งยังเป็นไปตามแผน ดังนั้นยังไม่ต้องรีบขอแบงก์ในตอนนี้ และกว่าจะขอได้คือเดือนพ.ย.2565 ต้องใช้เงินกู้ประมาณแสนกว่าล้านบาท เป็นงบการก่อสร้างจากลาดกระบังถึงอู่ตะเภา
นายสุพรรณ กล่าวถึงกรณีบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ได้เข้าดำเนินการบริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นั้น จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้โดยสารลดลงจากระยะที่ทำสัญญาไว้ ประมาณ 7-8 หมื่นคน/วัน เหลือเพียง 1-2 หมื่นคน/วัน หรือบางวัน 9 พันคน/วัน ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่คาดการณ์มาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้จะส่งมอบให้เอกชน รฟท. รับขาดทุนมาโดยตลอด และต้องให้มีการถ่ายโอนการดำเนินการตามกำหนด เนื่องจาก รฟท.ไม่ได้จัดเตรียมงบประมาณไว้ล่วงหน้า
“ดังนั้น คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) จึงได้ให้นโยบายว่า ต้องหาทางแก้ไขโดยไม่ให้กระเทือนต่อประชาชนผู้โดยสาร ซึ่งวันที่ 20 ต.ค. 2564 รฟท. และเอกชนคู่สัญญา จึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อให้บริหารสัญญาร่วมลงทุน ในการแก้ไขปัญหาโครงการฯ เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ให้เอกชนเข้ารับดำเนินการ แอร์พอร์ต เรลลิงก์ และให้มีบริการได้อย่างต่อเนื่อง”นายสุพรรณ กล่าว
สำหรับบันทึกข้อตกลงเมื่อเอกชนเข้ารับดำเนินการนับจากวันที่ 24 ต.ค. 2564 ตามกำหนดการที่วางไว้ โดยเอกชนคู่สัญญารับผิดชอบค่าใช้จ่ายรวมถึงบุคลากรปฏิบัติงานทั้งหมด รับผิดชอบความเสี่ยงทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานที่ได้รับมอบหมาย และการดำเนินการอื่นใด เพื่อทำให้การเดินรถไฟและซ่อมบำรุงรักษาระบบแอร์พอร์ต เรลลิงก์เป็นไปตามมาตรฐานดัชนีชี้วัด(KPI)ที่ รฟท. กำหนด ซึ่งก่อนการเข้ารับดำเนินการเอกชนได้ลงทุนไปแล้วกว่า 1,100 ล้านบาท ในการดำเนินการปรับปรุงระบบ และบริการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ รวมถึงฝึกอบรมพนักงานปฏิบัติการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ลงนามสัญญาร่วมลงทุน จึงมีความพร้อมด้านเทคนิคและบุคลากร
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ รฟท. ยังเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสาร และรายได้ทั้งหมด ไม่โอนรายได้ให้เอกชนในทันที แต่จะโอนให้เมื่อแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จ ทั้งนี้จะให้เอกชนนำค่าโดยสารดังกล่าวไปหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากกำไรต้องส่งคืน รฟท. ดังนั้น รฟท. จึงไม่ต้องรับภาระขาดทุน นับตั้งแต่ที่มีการโอนแอร์พอร์ต เรลลิงก์ อีกต่อไป โดยเมื่อปีที่ผ่านมา รฟท ขาดทุนประมาณ 600 ล้าน และในวันที่ลงนามบันทึกข้อตกลง เอกชนคู่สัญญาได้ชำระเงินจำนวน 1,067.11 ล้านบาท คิดเป็น 10% สิทธิร่วมลงทุนในแอร์พอร์ต เรลลิงก์จำนวน 10,671.09 ล้านบาท ให้แก่ รฟท. เพื่อเป็นหลักประกันว่า จะดำเนินการอย่างเคร่งครัดในช่วงที่อยู่ระหว่างหาแนวทางการแก้ไขปัญหา
“บันทึกข้อตกลงนี้ มีระยะเวลา 3 เดือน เป็นการเจรจาหาทางออกร่วมกัน โดยรัฐต้องไม่เสียประโยชน์ และเป็นธรรมกับเอกชน โดยในการเจรจาจะดำเนินการโดยคณะทำงาน ที่แต่งตั้งโดย รฟท. และคณะกรรมการกำกับเพื่อนำเสนอ รฟท. กพอ. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป”นายสุพรรณ กล่าว
ทั้งนี้ ทางเอกชนได้เข้าดำเนินการ ตามบันทึกข้อตกลงแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2564 และการดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่พบปัญหาอุปสรรคใดๆ ในการให้บริการประชาชน โดย รฟท. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดพร้อมกันนี้เอกชนได้เสนอการลงทุนพัฒนาแอร์พอร์ต เรลลิงก์ เป็นจำนวนเงิน 3,000 ล้านบาท ในการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยรัฐไม่เสียประโยชน์ และเอกชนได้รับความเป็นธรรม สำหรับการร่วมลงทุนรัฐและเอกชนในอีอีซี สู่ต้นแบบรัฐประหยัดงบประมาณ ดึงเงินเอกชนร่วมพัฒนาประเทศโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในอีอีซี พร้อมเป็นตัวอย่างของการร่วมทุนรัฐและเอกชน เพื่อประหยัดงบประมาณ และนำเงินทุนภาคเอกชนมาร่วมในการพัฒนาประเทศ

นายคณิต กล่าวว่า ในการร่วมทุนคือทั้ง 2 ฝ่าย รัฐและเอกชนเข้ามาร่วมรับความเสี่ยงด้วยกันโดยเอกชนนำเงินทุนมาลงทุนด้วย ต่างกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่เอกชนรับจ้างรัฐบาล ซึ่งรัฐลงเงินจ้างเอกชนทั้งหมด และรัฐรับความเสี่ยงแต่ฝ่ายเดียวหากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ไม่ได้คาดมาก่อนการลงนามสัญญาดังจะเห็นได้จากการที่รัฐขยายเวลาส่งมอบงานและยกเว้นค่าปรับในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทั่วไปให้กับผู้รับจ้างเมื่อเกิดโควิด-19 ในการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน จึงจำเป็นต้องมีความเข้าใจร่วมกันเป็นพื้นฐานที่จะเจรจาหาทางออกในกรณีสุดวิสัยที่ไม่คาดมาก่อน และนำไปสู่การแก้ไขสัญญาภายใต้ความเข้าใจร่วมกันให้โครงการประสบความสำเร็จโดยรัฐและเอกชนไม่เสียเปรียบซึ่งกันและกัน
อย่างไรก็ตามกรณีโควิด-19 ซึ่งอาจเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจคาดการณ์มาก่อนที่จะทำสัญญา ซึ่งรัฐบาลออกมาตรการกำหนดให้ธุรกิจ และประชาชนหยุดการเดินทางเป็นระยะๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้จำนวนผู้โดยสารแอร์พอร์ต เรลลิงก์ และรายได้ลดลงเป็นจำนวนมาก นำไปสู่ การเจรจาเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดอย่างเป็นธรรมโดยไม่มีฝ่ายใดเสียเปรียบ แต่ยอมรับว่าเอกชนยอมเสียเปรียบพอสมควร รายได้ทั้งหมดต้องจ่ายค่าใช้จ่ายไปเรื่อยๆไม่น้อยกว่าเดือนละ 100 ล้านบาท โดยในช่วง3 เดือนนี้จะพยายามหาข้อตกลงให้ได้ ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาเจรจาในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม กรณีโครงการร่วมทุนอื่นๆ ใน EEC ไม่จำเป็นต้องนำมาสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาเช่นกรณีแอร์พอร์ท ลิงก์ เพราะ โครงการท่าเรือมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา:เมืองการบินภาคตะวันออก กำลังจะเริ่มก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จใน 4 ปี ผลกระทบจากโควิดคงหมดไปแล้ว ส่วนโครงการท่าเรือแหลมฉบัง คาดว่าจะลงนามได้ภายในต้นเดือนพ.ย.นี้ โดยได้พิจารณาผลกระทบเหล่านี้ในสัญญาไว้แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซีพี เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ช่วยชาติยามวิกฤต “สุภกิต เจียรวนนท์” ประธานกรรมการ นำทัพซีพีอาสาลงพื้นที่หาดใหญ่ มอบถุงกำลังใจผ่านกองทัพเรือ พร้อมเดินหน้า ‘ฟื้นคน-ฟื้นชุมชน-ฟื้นเศรษฐกิจ’ หลังน้ำท่วมใต้
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เดินหน้าภารกิจช่วยเหลือและฟื้นฟูภาคใต้ต่อเนื่อง ภายใต้นโยบายของ “3 ประธาน” - นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร - ที่ย้ำชัดว่าในยามที่ประเทศเผชิญภัยพิบัติ ซีพีจะต้องเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของสังคมไทย โดยใช้ศักยภาพขององค์กรสนับสนุนภาครัฐและชุมชนให้ยืนหยัดได้โดยเร็วที่สุด
ซีพีอาสา หนุนโรงครัวกว่า 55 จุด ส่งอาหารปรุงสุก-ถุงยังชีพ เร่งคลายวิกฤตปากท้อง ช่วยผู้ประสบภัยใต้หลังน้ำลด
เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี โดย “ซีพีอาสา” ผนึกกำลังทุกบริษัทในเครือเดินหน้าภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหลังน้ำลด ซึ่งประชาชนจำนวนมากเพิ่งออกจากบ้านหลังถูกตัดขาดหลายวัน ทำให้ขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ซีพีอาสาจึงเร่งระดมกำลังสนับสนุนวัตถุดิบ อาหารปรุงสุก และถุงยังชีพ เพื่อคลายความหิวและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน
'เครือซีพี'ทุ่ม100ล้าน หนุนไทยจัดซีเกมส์-อาเซียนพาราฯ2025 รวม7กลุ่มสร้างSoft Powerกีฬา
เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี พร้อมบริษัทในเครือ ได้แก่ ซีพีเอฟ, ซีพี ออลล์, ซีพี แอ็กซ์ตร้า, ทรู คอร์ปอเรชั่น, ทรูวิชั่นส์, ทรูมันนี่ และอเมซ (Amaze Super App) ประกาศทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท สนับสนุนการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในการจัดการแข่งขัน ซีเกมส์ และอาเซียนพาราเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ตอกย้ำบทบาทของภาคเอกชนไทยที่มีนโยบายสนับสนุนด้านการกีฬามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในโอกาสนี้ได้รวมพลังจาก 7 กลุ่มธุรกิจในเครือ จัดงาน “ซีพี ร้อยเรียงใจ พาไทยคว้าชัย ซีเกมส์ และอาเซียนพาราเกมส์ 2025”
ส.หมากล้อมฯ-ซีพี3บริษัท จัดลุยไถ2025 เชื่อมสัมพันธ์นักหมากล้อม ชิงรางวัลรวมกว่า6.5แสนบาท
สมาคมกีฬาหมากล้อมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (ซีพีเอฟ), บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด (พีซีจี) และ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาหมากล้อม “ศึกลุยไถ 2025” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนฝีมือและประสบการณ์ รวมถึงส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักหมากล้อมจากทั้ง 3 บริษัท ชิงถ้วยเกียรติยศและเงินรางวัลรวมกว่า 650,000 บาท
ซีพีทั่วโลกพร้อมใจถวายคำปฏิญาณ ยึดมั่นจงรักภักดีชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 2568
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซีพี จัดพิธีครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องใน วันพระราชทานธงชาติไทย ประจำปี 2568 โดยมีคณะผู้บริหารและพนักงานเครือเจริญโภคภัณฑ์ และกลุ่มธุรกิจในเครือจากทั่วทุกมุมโลก ร่วมประกาศคำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ผู้ทรงพระราชทาน “ธงไตรรงค์” อันเป็น สัญลักษณ์สูงสุดแห่งเอกราชและความสามัคคีของชาติไทย
เครือซีพี-ซีพีเอฟ เสิร์ฟนวัตกรรมอาหารปลอดภัยมาตรฐานอวกาศที่งาน Thailand-China Cooperation Expo 2025
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และบริษัท เจริญโภคIภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมงาน Thailand-China Cooperation Expo 2025 ฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น สร้างรากฐานขับเคลื่อนการเติบโตในทุกมิติของสองประเทศ


