
'จุลพันธ์' ซัด 3 เจ้าสัวรวยเละ รัฐช่วยปกปิด ASF ระบาด 'ประภัตร' แจงไม่มีอหิวาต์หมู มีแค่โรค PRRS แฉกักตุนจนราคาหมูแพง โวยฉวยโอกาสขึ้นสินค้าตัวอื่นไม่ถูกต้อง
20 ม.ค.2565 - ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาเป็นประธาน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) โดยนายจุลพันธ์ กล่าวว่า ประเทศเพื่อนบ้านของไทยเกิดการแพร่ระบาดของโรค แต่ประเทศไทยเป็นประเทศไข่แดงที่ไม่ติด ผลคือการส่งออกหมูทั้งหมูเป็นและหมูตายถีบขึ้น 300% ประโยชน์ตกที่เจ้าสัวรายใหญ่ 3 เจ้า อยากถามว่านี่คือสาเหตุที่รัฐปกปิดข้อมูล เพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใช่หรือไม่ คนเดือดร้อนทั้งประเทศ ผู้ได้ประโยชน์มีเพียงหยิบมือเดียว บีบผู้เลี้ยงสุกรรายเล็กให้ตาย เอื้อรายใหญ่ให้เข้มแข็ง ให้สามารถควบคุมราคาหมู ปั่นราคาได้สูงบนคราบน้ำตาประชาชน
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า มีผู้เลี้ยงรายย่อยรายหนึ่งปล่อยคลิปว่าขายหมูได้ในราคา 60 บาท วันนี้ชัดเจนว่าผู้เลี้ยงรายดังกล่าวทำคอนแท็กฟาร์มมิ่ง แปลว่าบริษัทใหญ่ซื้อเนื้อหมูได้ในราคา 60 บาท แต่ทำไมวันนี้ราคาหมูหน้าเขียงถึงอยู่ที่ 280 บาท ถามว่าราคานี้มาได้อย่างไร ในฐานะที่เป็น ส.ส. และรัฐบาล จะไม่ทำอะไรเลยหรือเพื่อประชาชน ในการกักตุนหรือเอารัดเอาเปรียบของนายทุน
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาเราส่งสุกรตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งผลแลปออกมาว่าไม่พบ ASF แต่พบโรคระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินหายใจสุกร (PRRS) แทน ซึ่งอยากทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน ส่วน โรค ASF เรามาเจอกันตอนปี 2565 ที่มีการสำรวจอย่างจริงจังแล้วพบที่โรงฆ่าสัตว์ที่จังหวัดนครปฐม ยืนยันว่าตนเองและรัฐบาลไม่มีเจตนาปกปิด เพราะเป็นเรื่องเสียหายทั้งระบบ พบแล้วไม่ประกาศ ทั่วโลกก็ไม่เอาด้วย
“ที่บอกว่าวันนี้คนเลี้ยงหมูรายเล็กรายน้อยหมดตัว เหลือแต่รายใหญ่ เพราะเขามีทุนดูแลหมูได้นั้นถูกต้อง และในปี 2563 มีการส่งออกหมูจำนวนมาก แต่วันนี้หมูในประเทศโดยเฉลี่ยมี 19 ล้านตัว มีผู้เลี้ยง 190,000 ราย แบ่งเป็นรายย่อย 180,000 ราย รายกลาง 3,000 ราย รายใหญ่ 200 ราย โดยประมาณ วันนี้ ครม. อนุมัติงบประมาณ 1,017 ล้านบาทแก้ไขปัญหา ผมเห็นใจนายกฯ ที่รับแรงปะทะอยู่คนเดียว ทั้งเรื่องหมูและสินค้าราคาแพง เอาไปผูกกับหมูหมด ผมว่าไม่ถูก”รมช.เกษตรฯ ระบุ
นายประภัตร ชี้แจงด้วยว่า สำหรับข้อมูลที่มีการเปิดเผยว่าหมูตาย 5-6 ล้านตัวนั้น ได้ดูตัวเลขรายงานสุกรในประเทศแล้ว ขอชี้แจงว่าไม่จริง ไม่มีตัวเลขว่าหมูขาด คิดว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นบางอย่าง ซึ่งไม่อยากพูดว่ามีการกักตุน แต่มีข้อมูลที่น่าสนใจ พบว่าปลายเดือน ธ.ค. 2564 เข้าเดือน ม.ค.2565 ต้นทุนเลี้ยงหมูผิดปกติอยู่ที่ 91.85 บาท ราคาขายหน้าฟาร์ม 110 บาทต่อกิโลกรัม และราคาหน้าเขียงอยู่ที่ 215 บาท ซึ่งราคาหน้าเขียงก็คำนวณจากกรมการค้าภายใน สรุปคือ ราคาหมูแพง หมูตายเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุเท่านั้น
ในตอนท้ายนายจุลพันธุ์ท้าให้ขุดศพหมูขึ้นมาตรวจอีกครั้ง เชื่อว่าเจอโรค ASFแน่นอน อย่างไรก็ดีการปกปิดข้อมูลดังกล่าวมีการปกปิดอย่างเป็นระบบ นอกจากนั้นในส่วนของราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้น เชื่อว่ามีผู้ได้ประโยชน์จากผู้ค้าที่เก็บสต๊อกเนื้อหมู และพร้อมจะพาไปแหล่งที่เก็บสต๊อกเนื้อหมู ไม่ใช่ไปตรวจสต๊อกที่โรงเนื้อแกะและเนื้อวัว ซึ่งนายประภัตรระบุว่า “ไม่ได้แกล้งเซ่อ แต่ตรวจไม่เจอจริง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ
‘พาณิชย์’ จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ช่วยเกษตรกรกระจายมะพร้าวน้ำหอม นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน
กรมการค้าภายในจับมือสถานีบริการน้ำมัน 4 รายใหญ่ “พีที โออาร์ บางจาก ซัสโก้” รับซื้อมะพร้าวน้ำหอมจากเกษตรกรในพื้นที่แหล่งผลิตภาคกลาง นำแจกเป็นของสมนาคุณให้กับผู้เติมน้ำมัน ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมาณมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง ดีเดย์ช่วงหยุดยาว 4-6 ธ.ค.นี้ หรือจนกว่าของจะหมด


