เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะอะไร ?

เมื่อช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสไปร่วมงานใหญ่สองงานที่อยากขอมาแชร์ให้ผู้สนใจด้านนโยบายสาธารณะได้ช่วยกันคิดต่อว่าเราจะช่วยกันให้ประเทศและสังคมก้าวต่อไปอย่างไรกันดี

งานประชุมแรกเป็นงานประจำปีของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยที่ถือเป็นสมาคมที่มีชื่อเสียงและผลงานอย่างมากด้านการพัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดเอ็มเอไอ และบริษัทที่ไม่จดทะเบียนนับพันบริษัทที่เป็นสมาชิกประเภทนิติบุคคล มีกรรมการ ผู้บริหารและกรรมการอิสระอีกจำนวนหลายพันคนที่เข้ารับการอบรม โดยมีการเปิดหลักสูตรจำนวนมากโดยเฉพาะด้าน ESG และความยั่งยืน การต่อต้านคอร์รัปชัน เป็นต้น แต่ถ้าได้พิจารณาจำนวนกรรมการของบริษัทต่างๆเหล่านั้นทั้งหมดแล้ว ตัวเลขทางสถิติพบว่าในบรรดาผู้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการนับพันๆ คนนั้น ยังไม่มีบริษัทฯ ใดที่มีกรรมการอิสระเป็นคนพิการแม้แต่คนเดียว จึงต้องช่วยกันนำไปคิดต่อว่าคนพิการที่มีรวมจำนวนประมาณกว่า 4.2 ล้านคนทั้งประเทศนั้น ทำไมจึงไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มีคุณสมบัติและความสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการอิสระ (Independent Director) ได้ซึ่งมีตัวเลขว่าในต่างประเทศทางตะวันตกนั้นมีคนพิการจำนวนมากที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการในบริษัทใหญ่ๆ ได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ถูกเลือกปฏิบัติทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกทั้งถ้านำเอาสถิติเรื่องความร้ายแรงของคอร์รัปชันมาแสดงด้วยแล้ว ประเทศไทยถูกจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perception Index) ประจำปี 2567 ในอันดับที่ 107 จากประเทศต่างๆ รวม 180 ประเทศโดยมีคะแนน 34 คะแนนจาก 100 และสอบตกมาตลอดนับเป็นหลายสิบปี และอยู่อันดับหลังเวียดนาม มาเลเซียและอินโดนีเซีย สอดคล้องกับการจัดอันดับความสามารถด้านการศึกษาที่เราได้อันดับ 107 เช่นกัน ซึ่งเป็นอันดับ 8 ในอาเซียนและยังตามหลังประเทศลาวด้วย  ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”เพราะเราอยู่ข้างหลังในหลากหลายสถิติมากอยู่แล้ว

อีกงานหนึ่งเป็นงานระดับสากลที่จัดโดย United Nation-ESCAP ด้านการพัฒนาคนพิการในหัวข้อ Asia-Pacific Regional Forum on Digital Transformation and the Future of Work for Persons with Disabilities โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคนพิการจากหลากหลายประเทศในภาคพื้นเอเซียและ  แปซิฟิค ซึ่งมีหัวข้อสำคัญด้านการพัฒนาให้คนพิการได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีที่อยากนำเสนอเป็นข้อคิดสำคัญดังนี้

1.สิทธิตามกฎหมาย (Legal Right)  ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มีกฎหมายรับรองภายใต้รัฐธรรมนูญและโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Convention on the Rights of Persons with Disabilities) ภายใต้การกำกับขององค์กรสหประชาชาติ หรือที่มีตัวย่อเรียกว่า “CRPD” โดยเน้นการเปิดโอกาสให้คนพิการได้มีโอกาสได้ทำงานโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ (Non-discrimination) และต้องมีการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสมเหตุสมผล (Reasonable Accommodation) รวมถึงการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เหล่านั้น (Accessibility) โดยสามารถอ้างอิงได้ว่า CRPD ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องออกกฎหมายพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ที่หลายๆ ภาคส่วนจะมักมองแต่เฉพาะการจ้างงานหรือการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตามมาตรา 33 34 และ 35 โดยมีอัตราบังคับการจ้างงานคนพิการ 1 คนต่อลูกจ้าง 100 คน ซึ่งถ้าจ้างไม่ได้ก็ต้องส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งภาคเอกชนส่วนใหญ่ก็นิยมส่งเงินเข้ากองทุนฯ แทนการจ้างงานด้วยเหตุผลง่ายๆ เพียงว่าสถานที่ทำงานไม่พร้อม ทักษะและความรู้ไม่พร้อม หรือยังมีตำแหน่งว่าง โดยเฉพาะการจ้างงานคนพิการโดยภาครัฐที่ทำการจ้างได้เพียงประมาณ 1 ใน 4 ของจำนวนเกือบ 20,000 ตำแหน่ง

2.เจตจำนงทางการเมือง (Political Will) ซึ่งย่อมหมายถึงภาวะผู้นำที่มุ่งมั่นให้เกิดความเสมอภาค (Equality) และความครอบคลุมถ้วนทั่ว (Inclusiveness) ให้คนพิการได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพตนเองและเป็นการเพิ่มทักษะด้านดิจิทัลให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตามมีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านก็ยังได้กล่าวถึงโอกาสในการเข้าถึงดิจิทัล (Digital Divide) การเรียนรู้ทางดิจิทัล (Digital Literacy) โอกาสในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก (Accessibility) รวมไปถึงความสามารถและโอกาสของคนพิการในการสามารถใช้ชีวิตและการอยู่ได้ด้วยตนเอง (Independent Living) ดังนั้นจึงถือได้ว่าการพัฒนาคนพิการได้ก้าวสู่การเป็นคณะกรรมการในบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือแม้กระทั่งการต่อต้านคอร์รัปชันหรือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้กับเยาวชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศของเรายังอยู่ท้ายตารางจนไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลังอีก และยังไม่นับความเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอดที่กำลังจะมาถึงในอีกห้าปีข้างหน้า

จึงขอเสนอบทความนี้ชวนให้คิดต่อว่าประเทศเราจะก้าวข้ามอุปสรรคและความท้าทายข้างต้น (ทั้งหมด) ได้อย่างไร?

คอลัมน์ พิจารณ์นโยบายสาธารณะ กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

เทวัญ อุทัยวัฒน์
กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ลั่นทีมเศรษฐกิจไม่ได้มานั่งเท่ๆ แต่มาฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักลงทุน

'นายกฯ' เร่งสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน - เศรษฐกิจ หลังได้ทีมมีความรู้ ความสามารถ ปลอดครอบงำการเมือง ยัน ใช้เวลา 4 เดือน แก้ปัญหาประเทศ ลั่นไม่มีมานั่งเท่ๆ กินกาแฟฟรี

'อนุทิน' รับแถลงนโยบาย 29 ก.ย.เพื่อลุยนโยบายคนละหนึ่ง

'อนุทิน' หวังแถลงนโยบาย 29 ก.ย.นี้ เพื่อผลักดันงบปี 68 ดันโครงการคนละครึ่ง ดักคอคนเล่นการเมืองหวังให้โครงการนี้ตกไป บอกไม่มีทาง ขอทุกคนสนับสนุน เพราะเป็นผลงานร่วมกันไม่ใช่ของรัฐบาลฝ่ายเดียว

เหตุผลที่ต้องมางาน ผ้าเปลี่ยนโลก Craft for Change 2025 ที่พาราไดซ์ พาร์ค

กลับมาอีกครั้งกับงาน “ผ้าเปลี่ยนโลก Craft for Change 2025” ยกเสน่ห์ผ้าไทยสู่ใจกลางศรีนครินทร์ ที่ พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค งานนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวสุดล้ำจากชุมชนทั่วไทย

สภาสูงอัดตลาดหลักทรัพย์ฯปล่อยผีชอร์ตเซลเอื้อต่างชาติ!

กมธ.ไอซีที วุฒิสภากังขาตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาตรการส่งเสริมโรบอทเทรดและการขายชอร์ตเซล จวกยับไม่ยอมฟังเสียงค้าน ซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ดิ่งเหวลงไปอีก เปิดช่องให้ต่างชาติเอาเปรียบนักลงทุนไทย

นายกฯ ระดมสมองปลุกตลาดหุ้นไทย

นายกรัฐมนตรี เชิญ ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าพบเพื่อหารือสถานการณ์และความคืบหน้าการดำเนินมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน