
ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่เพียงเทคโนโลยีแห่งอนาคต แต่เป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดความสามารถในการแข่งขันและทิศทางการพัฒนาของทุกประเทศ การก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและทัดเทียมนานาชาติได้นั้น จำเป็นต้องมี “ยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติ” ที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
บทความนี้ขอเสนอแนวทางและกลยุทธ์ผ่าน “4 เสาหลักเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับการพัฒนา AI ของประเทศไทย เพื่อให้ผู้มีอำนาจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม
เสาหลักที่ 1: ข้อมูล (Data) – เส้นเลือดใหญ่ของระบบนิเวศ AI ไทย
หาก AI คือสมอง ข้อมูลก็เปรียบเสมือน “เส้นเลือดใหญ่” ที่หล่อเลี้ยงสมองนั้นให้เติบโตและชาญฉลาด การจะสร้าง AI ที่เข้าใจบริบทสังคมไทยได้อย่างลึกซึ้ง เราจำเป็นต้องมี “สินทรัพย์ข้อมูลแห่งชาติ (National Data Asset)” ที่เป็นของเราเอง เพื่อก้าวข้ามภาวะข้อมูลกระจัดกระจายและสร้างอธิปไตยทางข้อมูล (Data Sovereignty)
ข้อเสนอ:
จัดตั้ง “องค์กรกลางข้อมูลแห่งชาติ (National Data Authority)” ในรูปแบบรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอิสระ เพื่อทำหน้าที่รวบรวม จัดการ และยกระดับข้อมูลให้เป็นชุดข้อมูลคุณภาพสูงที่พร้อมใช้งาน (AI-Ready Data) ในมิติเชิงยุทธศาสตร์ เช่น:
- ชุดข้อมูลภาษาและวัฒนธรรมไทย: เพื่อสร้าง AI ที่สื่อสารภาษาไทยได้อย่างเป็นธรรมชาติ เข้าใจนัยยะและบริบททางสังคม
- ชุดข้อมูลสาธารณสุขและการแพทย์: เพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยวินิจฉัยโรคและวางแผนทรัพยากรสาธารณสุขได้อย่างแม่นยำ
- ชุดข้อมูลการเกษตรอัจฉริยะ: เพื่อยกระดับภาคเกษตรกรรมของประเทศให้มีความแม่นยำและได้ผลผลิตสูงขึ้น
กลไกการดำเนินงาน: องค์กรนี้จะใช้กลไกการรวบรวมข้อมูลทั้งจากภาครัฐ (Mandate) และภาคเอกชน (Incentivize) ผ่านกระบวนการทำให้ข้อมูลนิรนาม (Anonymization) อย่างเข้มงวด ก่อนจะจัดสรรให้เข้าถึงในหลายระดับ ตั้งแต่ระดับสาธารณะเพื่อการเรียนรู้ ไปจนถึงระดับพาณิชย์ผ่านพื้นที่ทดลองที่ปลอดภัย (Sandbox) เพื่อสร้างนวัตกรรมควบคู่กับการรักษาความปลอดภัยสูงสุด
เสาหลักที่ 2: แหล่งทุน (Funding) – เครื่องยนต์ขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนา
นวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกต้องการกลไกการสนับสนุนทางการเงินที่ชาญฉลาด มีวิสัยทัศน์ และทำงานอย่างมืออาชีพ การให้ทุนแบบเดิมไม่เพียงพอที่จะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับการพัฒนา AI ของประเทศได้อีกต่อไป
ข้อเสนอ:
จัดตั้ง “กองทุนเพื่อการพัฒนาและวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AI Development and Research Fund)” ให้เป็น “เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Engine)” ของระบบนิเวศ โดยมีคณะกรรมการบริหารที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน
กลไกการดำเนินงาน:
- รูปแบบการให้ทุนที่หลากหลาย: ตั้งแต่ทุนวิจัยพื้นฐาน (Seed Grants) สำหรับแนวคิดใหม่ๆ ไปจนถึง “ทุนขยายผลเชิงพาณิชย์ (Scale-up Matching Fund)” ที่กองทุนจะร่วมลงทุนกับภาคเอกชน เพื่อคัดกรองโครงการที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์และดึงดูดเม็ดเงินจากภายนอก
- การติดตามและวัดผล (KPIs): ความสำเร็จของกองทุนจะวัดจาก “ผลกระทบที่สร้างขึ้น” เช่น จำนวนสิทธิบัตร, มูลค่าการลงทุนร่วมจากเอกชน, จำนวนการจ้างงานทักษะสูง, และท้ายที่สุดคือมูลค่าทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรม AI ที่มีต่อ GDP ของประเทศ
เสาหลักที่ 3: ทิศทางเชิงกลยุทธ์ (Strategic Direction) – กำหนดเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาชาติ
การพัฒนา AI ของไทยต้องเริ่มต้นจาก “ปัญหา” ไม่ใช่เริ่มต้นจาก “เทคโนโลยี” เงินทุนที่มหาศาลจะไร้ค่าหากไม่ถูกนำไปใช้อย่างมีทิศทางเพื่อแก้ปัญหาที่แท้จริงของประเทศ
ข้อเสนอ:
กำหนด “ภารกิจ AI แห่งชาติ (National Missions)” ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็น “จุดปวด (Pain Points)” ของประเทศอย่างตรงเป้า ตัวอย่างภารกิจเช่น:
- ภารกิจที่ 1: “AI เพื่อความโปร่งใสและประสิทธิภาพภาครัฐ”: พัฒนา AI เพื่อตรวจจับความผิดปกติในการจัดซื้อจัดจ้าง, ช่วยร่างสัญญาที่รัดกุม, และเป็นผู้ช่วยประชาชนในการติดต่อราชการ
- ภารกิจที่ 2: “AI เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของ SMEs”: สร้างเครื่องมือ AI ราคาถูกและใช้งานง่ายสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อช่วยทำการตลาด, จัดการบัญชี, และบริหารสต็อกสินค้า
- ภารกิจที่ 3: “AI เพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุข”: สร้างระบบเตือนภัยโรคระบาด และพัฒนา AI ช่วยวินิจฉัยโรคเบื้องต้นสำหรับโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล
การกำหนดทิศทางเช่นนี้ จะทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม
เสาหลักที่ 4: การส่งเสริมการใช้งานและการจัดซื้อจัดจ้าง (Adoption & Procurement) – สร้างตลาดให้ AI ของคนไทย
นวัตกรรมที่ดีที่สุดในโลกจะล้มเหลวหากไม่มี “ตลาด” รองรับ การสนับสนุนที่สำคัญที่สุดคือการที่ภาครัฐต้องเปลี่ยนบทบาทจาก “อุปสรรค” มาเป็น “ลูกค้าคนสำคัญที่สุด” เพื่อสร้างอุปสงค์ภายในประเทศ
ข้อเสนอ:
ปฏิรูประบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เป็น “กลไกนำร่องตลาด (Market Launcher)” สำหรับผลิตภัณฑ์ AI ของคนไทย
- จัดตั้ง “ศูนย์ส่งเสริมการประยุกต์ใช้ AI ภาครัฐ (Government AI Adoption Center)”: ทำหน้าที่เป็น “พี่เลี้ยง” ให้กับหน่วยงานรัฐ, จัดทำ “บัญชีนวัตกรรม AI ไทย” เพื่อลดขั้นตอนการจัดซื้อ, และทำโครงการนำร่องเพื่อพิสูจน์ผลลัพธ์
- ปฏิรูปกฎระเบียบ: กำหนด “โควต้าการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ AI ไทย” ในงบประมาณภาครัฐ, ปรับปรุงเกณฑ์การพิจารณาให้คะแนนพิเศษกับบริษัทไทย, และส่งเสริมการจัดซื้อโดยเน้นผลลัพธ์ (Outcome-Based Procurement)
นโยบายนี้จะสร้างวงจรเชิงบวกที่ทรงพลัง: เมื่อบริษัท AI ไทยมีรายได้ ก็จะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
บทสรุป: จากยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ
เสาหลักทั้ง 4 นี้ทำงานสอดประสานกันเป็นระบบนิเวศที่สมบูรณ์: ข้อมูล เป็นวัตถุดิบ, แหล่งทุน เป็นพลังขับเคลื่อน, ทิศทางเชิงกลยุทธ์ เป็นเข็มทิศนำทาง และ การจัดซื้อจัดจ้าง เป็นตลาดที่หล่อเลี้ยงให้เติบโต การผลักดันนโยบายเหล่านี้ให้เกิดขึ้นจริง จะเป็นการวางรากฐานให้อธิปไตยทางดิจิทัลของชาติ และเป็นบันไดขั้นสำคัญที่จะนำพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้อย่างสง่างาม
คอลัมน์ พิจารณ์นโยบายสาธารณะ กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ดร .มนต์ศักดิ์ โซ่เจริญธรรม
กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ภราดร’ ชูระบบดิจิทัล-Ai ยกระดับปกป้องผู้หญิงและเด็ก
นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐ
รัฐเร่งส่งเสริมยกระดับความสามารถ ด้วยนวัตกรรมอุตสาหกรรมหุ่นยนต์
โฆษกรัฐบาลเผย รัฐเร่งส่งเสริมยกระดับความสามารถด้วยนวัตกรรมอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 1 ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต


