ผลไต่สวนศาลฎีกาฯ ทักษิณชั้น 14 ถ้าทำไม่ถูกต้อง การพักโทษมีปัญหา นพ.วรงค์ - 'ผมเชื่อว่าหนี'

จากข้อเท็จจริงที่ฟังการไต่สวนด้วยตัวเองมาทั้งหมด อย่างน้อยการอยู่ รพ.ตำรวจ 180 วันไม่สมเหตุสมผล...เรื่องนี้หากสมมุติศาลฎีกาฯ มองว่าที่มีการกระทำไปไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามกฎหมาย การพักโทษมีปัญหาแน่นอน และการขอพระราชทานอภัยลดโทษก็มีปัญหาแน่..วันที่ 9 ก.ย. การที่ให้ ผบ.เรือนจำพิเศษฯ ไปด้วย ก็สมมุติว่าหากไม่สมเหตุสมผลในการอยู่ รพ.ตำรวจ 180 วัน เท่ากับคุณเลี่ยงการติดคุก ก็เอากลับไปติดคุก..พูดกันเล่นๆ วันนี้ต่อรองไม่มีใครกล้า ผมเชื่อว่าหนี

วันที่ 9 ก.ย. 2568 นี้แล้ว ที่จะรู้ผลการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ทำการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่อง การบังคับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าเป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่ ในกรณีของ "ทักษิณ ชินวัตร" หรือที่เรียกกันว่าการไต่สวนคำร้องคดีป่วยทิพย์ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยศาลฎีกาฯ ออกหมายเรียกผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร  นายมานพ ชมชื่น และทักษิณ ชินวัตร จำเลย มาฟังคำสั่งในวันที่ 9 ก.ย. จากที่ผ่านมาซึ่งมีการไต่สวนคดีไป 7 นัด ไม่เคยเรียกนายทักษิณมาให้ศาลฎีกาฯ ไต่สวนแต่อย่างใด

“นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี  ซึ่งเป็นบุคคลที่เข้าไปฟังการไต่สวนคดีดังกล่าวที่ห้องพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเกือบทุกนัด” กล่าวถึงการไต่สวนคดีชั้น 14 และวิเคราะห์ผลทางคดีไว้ว่า การไต่สวนของศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.เป็นการไต่สวนวันสุดท้าย โดยไต่สวนพยานที่ฝ่ายจำเลยเสนอต่อศาลฎีกาฯ ให้เรียกมาไต่สวน คือนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี

...สิ่งที่น่าสนใจในภาพใหญ่ ผมคิดว่าการไต่สวนเมื่อ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา นายทักษิณไม่ได้ค่อยได้ประโยชน์เท่าใด แต่คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือนายวิษณุ อย่างในการไต่สวนที่นายวิษณุกล่าวถึงนักโทษที่ติดคุก มีการพูดถึงนักโทษที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ที่เราก็พอเข้าใจได้เพราะเขาบอกว่าเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องดูเรื่องความปลอดภัย  มีการยกตัวอย่างนายราเกซ สักเสนา อดีตผู้ต้องหาคดีธนาคารบีบีซี นายวิษณุบอกต่อศาลว่าที่เดินทางไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเมื่อ 22 ส.ค. 2566 (วันที่ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทยและไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร) ก็เพื่อไปดูเรื่องเหล่านี้ ไปดูเรื่องความปลอดภัย

"นพ.วรงค์ ที่เกาะติดเรื่องชั้น 14" มาตลอดกล่าวอีกว่า ประเด็นที่น่าสนใจตามการเบิกความของนายวิษณุ พบว่าได้บอกต่อศาลฎีกาฯ ว่าได้เคยมีการประชุมเจ้าหน้าที่ ในกรณีเผื่อว่านายทักษิณเกิดมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินตอนกลางดึก เลยมีการประชุมกันว่าหากมีการเจ็บป่วยต้องนำตัวไปส่งที่ใด

สิ่งที่ผมค้างคาใจคือ มีการเผื่อไว้ตั้งแต่แรกเลยหรือ ซึ่งเขาอ้างว่าเนื่องจากนักโทษรายนี้มีประวัติการเจ็บป่วยสมัยอยู่ต่างประเทศ มีโรคเก่าประมาณร่วมสิบโรค ก็เลยสมมุติหรือเผื่อว่าหากมีอะไรวิกฤตขึ้นมาจะต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องส่งไปที่ไหน มีการดูแลอย่างไรบ้าง และในช่วงการไต่สวนดังกล่าวก็มีประเด็นว่าเขา (นายวิษณุ เครืองาม) บอกต่อศาลว่า ช่วงประมาณช่วงเที่ยงคืนได้รับโทรศัพท์จากปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่านายทักษิณถูกส่งตัวไป รพ.ตำรวจ ซึ่งเขาคิดว่ามีแพทย์จาก รพ.ราชทัณฑ์มาดูแลแล้ว

ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นการให้ปากคำที่ไม่ตรงกัน หากจำได้ นักโทษรายนี้ (นายทักษิณ) ไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์หรือพยาบาลจาก รพ.ราชทัณฑ์ มีแค่พยาบาลเวรดูแล ดังนั้นการให้ปากคำของนายวิษณุจึงขัดแย้งกับพยานปากอื่น และศาลยังได้สอบถามอีกว่า ที่ส่งตัวไปเป็นการส่งตัวไปด้วยเงื่อนไขตามมาตราใด กฎหมายอะไร ก็มีการอ้างมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์

ประเด็นนี้ผมขอให้ข้อสังเกตว่า ศาลมีการซักถามอยู่เรื่อยๆ ว่า ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มาตรา 55 การส่งตัวนักโทษไปรักษาตัวนอกเรือนจำจะมีอยู่สองกรณี คือกรณีที่พูดง่ายๆ ภาษาชาวบ้านคือรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา หรือต้องการส่งตัวไปเพื่อให้รักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศาลก็ถามว่าแล้วส่งตัวไปนอกเรือนจำด้วยเงื่อนไขใด ก็อ้างว่ารักษาแล้วอาการไม่ทุเลา แต่ผมขอให้ข้อสังเกตว่าหากฟังการไต่สวนพยานทุกปาก จะพบว่ายังไม่เคยมีการรักษาเลย พยาบาลเวรเพียงแค่ให้ออกซิเจน แม้คืนนั้นจะอ้างว่ามีอาการต่างๆ แต่จะพบว่ายังไม่ได้เจอแพทย์ ยังไม่ได้รับการรักษา แค่ให้ออกซิเจนเพราะเกรงว่าจะเป็นโรคหัวใจ หรือแม้แต่ส่งตัวไป เพื่อจะให้ได้เจอแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ปรากฏว่าแพทย์ที่ดูแลกลายเป็นหมอผ่าตัดสมอง ไม่ใช่หมอโรคหัวใจ กว่าจะได้เจอหมอโรคหัวใจก็ผ่านไปแล้ว 36 ชั่วโมง

...นอกจากนี้นายวิษณุเบิกความต่อศาลฎีกาฯ ว่า เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ (ลดโทษ) ตนเองไม่รู้เรื่อง ไม่รู้หนังสือผ่านไปทางไหน ตัวเองไม่รู้เรื่อง โดยองค์คณะฯ ก็ได้ไต่สวนนายวิษณุว่า ที่ได้เจอกับนายทักษิณที่สถานพยาบาลในเรือนจำพิเศษฯ มีอุปกรณ์ทางการแพทย์เยอะหรือไม่ นายวิษณุบอกว่าไม่เห็น ศาลก็ถามอีกว่านักโทษ (นายทักษิณ) แต่งตัวอย่างไร นายวิษณุก็ตอบว่าใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงขาสั้น

"เท่าที่ผมฟังมาทั้งหมดในภาพใหญ่ การไต่สวนของศาลฎีกาฯ ศาลท่านต้องการแสวงหาข้อเท็จจริง ถึงเหตุผลในการส่งตัวนักโทษว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ และต้องการแสวงหาข้อเท็จจริงว่า การที่อยู่ รพ.ตำรวจถึง 180 วันสมเหตุสมผลหรือไม่ และต้องการแสวงหาข้อเท็จจริงว่า คนที่เกี่ยวข้องมีการให้ข้อมูลที่ตรงกันหรือไม่ และศาลฎีกาฯ พูดชัดเจนว่าเรื่องข้อกฎหมายไม่ให้มีการไต่สวน เพราะศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง

 หากดูตรงนี้ประเด็นเรื่องเหตุผลในการส่งตัว ผมก็มองว่ากล้อมแกล้มยัง 50-50 ว่าสมเหตุผลหรือไม่ แต่ที่บอกว่ารักษาแล้วไม่ทุเลา หรือต้องการส่งตัวไปให้เจอแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่จะพบว่ายังไม่ได้มีการรักษาตัวเลย"

...ในส่วนของ รพ.ราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครก็บอกว่า อยู่ติดกันกับเรือนจำพิเศษฯ ห่างกันสองร้อยเมตร มีอะไรก็แล้วแต่ก็ต้องส่งไป รพ.ราชทัณฑ์ แล้วหลังจากนั้น รพ.ราชทัณฑ์ก็จะส่งต่อไปอีกที แต่รายนี้ไม่ผ่าน รพ.ราชทัณฑ์ เอาเฉพาะเหตุผลในการส่งตัวก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาลฎีกาฯ แต่ผมดูแล้วมันกล้อมแกล้ม แต่เหตุผลในการอยู่ รพ.ตำรวจ 180 วันไม่มีเหตุผล เพราะนักโทษรายนี้ไปแค่ รพ.ตำรวจ 2 วันอาการก็ทุเลาหมดแล้ว ที่ศาลไต่สวนถามแพทย์ที่มาจากหลายส่วน ทุกปากตอบสอดคล้องกันว่าหากอาการเป็นแบบนี้ให้กลับบ้านได้ หรือแม้แต่มีอาการที่เกิดขึ้นระหว่างอยู่ รพ.ตำรวจ เช่น นิ้วล็อก หรือผ่าตัดเอ็นที่ไหล่ นิ้วล็อกก็เป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน นัดหมายได้ และผ่าตัดเส้นเอ็นที่ไหล่ก็ไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน และพวกนี้นิ้วล็อก ผ่าตัดฉีดยาชาเสร็จกลับบ้านได้ ส่องกล้องผ่าตัดเส้นเอ็นที่ไหล่ใส่ไหมเสร็จก็กลับบ้านได้ ภาพรวมนักโทษรายนี้ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ รพ.ตำรวจ 180 วัน

อย่างที่สงสัยว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือด การไต่สวนก็มีการให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูคำสั่งรักษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็บอกคนเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ทำไมไม่ตรวจเอนไซม์ว่าหัวใจขาดเลือดหรือเหตุใด ไม่มีการเอกซเรย์ปอดที่มันขัดแย้งกับอาการ แล้วหมอเขาดูแล้วอาการสองวันก็กลับได้ คือกลับไปอยู่เรือนจำ แต่หากกลับไปแล้วมีปัญหาค่อยส่งกลับมา หรือมีปัญหาเรื่องเอ็นที่ไหล่ ผ่าตัดเสร็จก็กลับได้ หรืออยู่จนตัดไหม เพราะฉะนั้นในภาพรวมที่อยู่ต่อเนื่อง 180 วัน ไม่สมเหตุสมผล

จุดตายป่วยทิพย์ชั้น 14  นอน180 วัน ไม่มีเหตุผลรองรับ

"นพ.วรงค์" กล่าวว่า จากข้อเท็จจริงที่ผมฟังการไต่สวนด้วยตัวเองมาทั้งหมด อย่างน้อยการอยู่ รพ.ตำรวจ 180 วันไม่สมเหตุสมผล และเชื่อว่ายังไงมันอาจจะส่งผลให้เงื่อนไขการพักโทษหลังผ่านไป 180 วันมีปัญหา

ผมเชื่อว่าที่ศาลฎีกาฯ นัดหมายให้มาฟังคำสั่งวันที่ 9 ก.ย. เวลาสิบโมงเช้า และย้ำว่ากระบวนการหากไม่ได้รับหมายศาล ให้ไปดำเนินการปิดหมายศาล และให้ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต้องมาศาลฎีกาฯ ผมว่าสนุก ได้ลุ้น ก็คือวันที่ 9 ก.ย.จบ การที่ให้ ผบ.เรือนจำฯ ไปด้วย ก็สมมุติว่า หากไม่สมเหตุสมผลในการอยู่ รพ.ตำรวจ 180 วัน เท่ากับคุณเลี่ยงการติดคุก ก็เอากลับไปติดคุก แล้วมันจะถูกโยงไปเรื่องอื่นอีกเยอะ ผมถึงบอกว่าไต่สวนครั้งที่แล้ว 25 ก.ค.ตอกฝาโลง แต่ครั้งนี้ส่งขึ้นเมรุเอาไปเผาแล้ว

 ผมค่อนข้างมั่นใจ เพราะผมตามตลอด ผมจับประเด็นได้ ศาลย้ำตลอดว่าศาลแสวงหาข้อเท็จจริงได้ ซึ่งการแสวงหาข้อเท็จจริง เช่นเรื่องการส่งตัว เรื่องการอยู่ต่อเนื่องที่ รพ.ตำรวจ ข้อเท็จจริงมันมีอยู่แค่นี้เอง คือสมควรอยู่ รพ.ตำรวจยาวนาน 180 วันหรือไม่ แต่แพทย์ที่มาไต่สวนเกือบทุกปากยืนยันสองวันก็กลับออกไปได้ 

เรื่องนี้หากสมมุติศาลมองว่า ที่มีการกระทำไปไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามกฎหมาย การพักโทษก็มีปัญหาแน่นอน และการขอพระราชทานอภัยลดโทษก็มีปัญหาแน่ และถ้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ 2 วันก็ควรกลับไปที่ รพ.ราชทัณฑ์หรือที่เรือนจำ การยื่นถวายฎีกาที่ต้องจำคุกก่อนก็จะเป็นประเด็นอีก จึงไม่แปลกที่พอฟังนายวิษณุระหว่างการไต่สวน แล้วบอกว่าการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษไม่รู้เรื่องเลย ไม่ได้ผ่านตน ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะ go so big จะขยายไปอีก หากสมมุติศาลฎีกามองว่าเป็นปัญหาเรื่องอื่นจะตามมาอีกเยอะ

-บางคนคิดว่านายทักษิณจะหนี หากรู้ตัวว่าไม่รอด?

ใจผมก็เทไปทางด้านนั้น พูดกันเล่นๆ วันนี้ต่อรองไม่มีใครกล้า ผมเชื่อว่าหนี ผมกลับมองอย่างนั้น เพราะวันที่ 22 ส.ค.ที่ศาลอาญาจะตัดสินคดี 112 ผมก็แปลกใจที่ทำไมเขา (ทักษิณ-จำเลย) ตัดชื่อพยานจำเลยออกไปเยอะมาก หรือเพื่อต้องการให้คดีมันจบเร็วหรือไม่ เพราะเขาอาจดูแล้ว เขามีโอกาสรอดสูง อันนี้เราวิเคราะห์กันเฉยๆ ผิดถูกค่อยว่ากัน แล้วอ้างว่าจะไปพูดคุยเรื่องธุรกิจ เรื่องเศรษฐกิจประเทศ (เดินทางไปต่างประเทศ) นั่นแหละอาจจะไปแล้ว ไม่รู้จะกลับหรือไม่

"ผมว่าสถานการณ์ตอนนี้ใกล้ถึงจุดเปลี่ยนของประเทศ และต้องยอมรับว่าปัญหาสงครามที่เกิดขึ้น ก็ทำให้คนไทยรู้สึกว่าเหมือนไม่มีรัฐบาล ไม่เชื่อมั่นรัฐบาล และสิ่งที่เกิดขึ้นกับแพทองธารและทักษิณ เชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศ ก็ขอให้ประชาชนรอติดตาม ตอนนี้คนไม่เชื่อรัฐบาลแล้ว เพราะเขาเดินผิดมาหลายเรื่อง"

ขณะเดียวกัน "นพ.วรงค์" ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อ 30 ก.ค. หลังเดินทางไปร่วมรับฟังการไต่สวนคดีชั้น 14 นัดสุดท้าย ที่ห้องพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ โดยมีเนื้อหาดังนี้

...วันนี้เป็นการไต่สวนอาจารย์วิษณุ เครืองาม พยานของนายทักษิณ และเป็นการไต่สวนครั้งสุดท้าย มีประเด็นที่น่าสนใจ

1.อาจารย์วิษณุยอมรับว่า การดูแลนักโทษในเรือนจำไม่เท่ากัน เขายังยกตัวอย่างนายราเกซ สักเสนา, นายวิโรจน์ นวลแข โดยอ้างเพื่อความปลอดภัย

2.ที่น่าแปลกใจ มีการประชุมในกรณีที่นักโทษรายนี้ป่วยหนักจะทำอย่างไร โดยอ้างว่านักโทษเคยมีประวัติเจ็บป่วยหลายโรคที่ต่างประเทศ และได้มีการพูดถึงจะต้องไปโรงพยาบาลใดถ้าเจ็บป่วย มีการอ้างมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ซึ่งศาลท่านได้ถามย้ำว่า ปกติแล้วมาตรานี้ใช้ส่งนักโทษ จะมีเหตุผลสองเหตุผลที่ส่งตัวคือ รักษาแล้วอาการไม่ทุเลาและต้องการพบผู้เชี่ยวชาญ จะใช้เหตุผลใด ฟังคำชี้แจงว่าเพราะอาการน่าเป็นห่วง

3.อาจารย์ได้รับรายงานว่า นักโทษมีอาการหนัก ส่งตัวไป รพ.ตำรวจประมาณเที่ยงคืนของคืน 22 ส.ค. 2567 อาจารย์ก็บอกว่ามีแพทย์หรือพยาบาลจาก รพ.ราชทัณฑ์มาดูแล้ว (ซึ่งขัดแย้งจากพยานปากอื่นที่ไม่มีแพทย์หรือพยาบาล จาก รพ.ราชทัณฑ์มาดูแลเลย ยกเว้นพยาบาลเวรในเรือนจำ)

4.อาจารย์วิษณุบอกว่า ไปพูดคุยกับนักโทษทักษิณในสถานพยาบาล ไม่มีอุปกรณ์แพทย์ ใส่เสื้อยืดขาว กางเกงขาสั้น ไม่แน่ใจสีดำหรือน้ำตาล

5.อาจารย์วิษณุไม่รู้เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ

ฟังการให้ปากคำของอาจารย์วิษณุ ไม่เป็นคุณต่อนักโทษ เหมือนพยายามที่จะแยกตัวเองออกมา บางครั้งพูดวกวน ศาลนัดฟังคำสั่งศาลวันที่ 9 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่น่าสนใจนัดหมายจำเลยและผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาด้วย.     

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้

‘วรงค์’ จี้เลิกหลักสูตรผู้บริหาร ชี้กลายเป็นวงเชื่อมผลประโยชน์ไม่ใช่พัฒนาประเทศ

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ควรยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารจากหลายภาคส่วน