อนุสรี ทับสุวรรณ โอกาสใหม่ โอกาสของคนไทย แม้เปิดตัวช้า แต่พร้อมทำศึกเลือกตั้ง

...จตุพร บุรุษพัฒน์ หัวหน้าพรรคโอกาสใหม่ คือคนที่ทำงานเป็นนักบริหาร รู้ระบบ...ประเทศจะแก้ระบบอะไรต่างๆ มันต้องเดินด้วยระบบราชการ เพราะฉะนั้นถ้าเอาคนที่รู้เรื่องระบบบริหารราชการมาเริ่มต้นทำงาน บวกด้วยมืออาชีพด้านธุรกิจ ด้านการเงิน การธนาคาร การต่างประเทศ คิดว่ามันก็เป็นการผสมผสาน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ดีสำหรับพรรคโอกาสใหม่ได้...

"พรรคโอกาสใหม่" เป็นพรรคการเมืองซึ่งก่อนหน้านี้ถูกจับตามองอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นพรรคจัดตั้งใหม่ ที่มีข่าวว่ากลุ่มการเมืองภายใต้การนำของ "สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" จะนำทีม สส.ในสังกัด ที่อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ  (รทสช.) ย้ายออกไปอยู่ด้วย โดยมีกระแสข่าวทางการเมืองว่ามี "นายทุนพลังงาน" คอยให้การสนับสนุนการจัดตั้งพรรค แต่แล้วข่าวดังกล่าวก็เงียบหายไป จนกระทั่งต่อมา ดีลเกิดพลิก เพราะสุชาติหรือเสี่ยเฮ้งพาลูกทีมย้ายไปพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แทน จนทำให้แวดวงการเมืองมองกันว่า  พรรคโอกาสใหม่คงจะยุติบทบาทนับจากนั้น

อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าเมื่อ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา พรรคโอกาสใหม่มีการจัดประชุมใหญ่ โดยมีวาระสำคัญคือ การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่างลง  และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ซึ่งที่ประชุมเลือก "จตุพร บุรุษพัฒน์ อดีต รมว.พาณิชย์, อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ" เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกันนี้พรรคประกาศพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งในปีหน้า 2569

"ไทยโพสต์" สัมภาษณ์พิเศษ "ดร.อนุสรี ทับสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่" ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองทั้งในฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร เช่น เป็นอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ, อดีตเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร, อดีตเลขานุการ รมว.การต่างประเทศ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นต้น ทั้งนี้เหลือเวลาอีกไม่นานก็จะมีการยุบสภาแล้ว การขับเคลื่อนพรรคโอกาสใหม่เพื่อเตรียมเข้าสู่ศึกเลือกตั้งในปีหน้าจะทันการณ์หรือไม่ บรรทัดต่อจากนี้คือบทสัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าว

เราเริ่มด้วยการขอให้ "ดร.อนุสรี รองหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่" เล่าถึงเส้นทางการเมืองของตัวเอง ก่อนจะมาเป็นรองหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่โดยสังเขป ซึ่งก็มีการให้ข้อมูลกับเราว่า หลังเรียนจบการศึกษาก็ได้เข้ารับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นเวลา 17 ปี โดยในช่วงอยู่กระทรวงการต่างประเทศทำงานเป็นเลขานุการ รมว.การต่างประเทศ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (ยุครัฐบาลชวน หลีกภัย) ซึ่งในช่วงดังกล่าว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่เป็นอดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่เราเรียนหนังสืออยู่ตอนปริญญาตรีที่ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ช่วงดังกล่าว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เป็น รมช.ต่างประเทศ ซึ่งด้วยความที่ ดร.สุรินทร์และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์อยู่พรรคการเมืองเดียวกัน (พรรคประชาธิปัตย์) ก็ทำให้ทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดี

และเมื่อ ดร.สุรินทรพ้นจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เราที่เป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศก็ย้ายไปประจำการอยู่ที่ฮ่องกง พอกลับมาทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.และได้รับเลือกตั้ง ทางอาจารย์สุขุมพันธุ์ก็อยากทำเรื่องมิติของกรุงเทพมหานคร ให้เป็นมหานครของอาเซียน ก็เลยลาออกจากราชการมาทำงานกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และเมื่อเป็นผู้ว่าฯ กทม.ครบวาระและลงสมัครเป็นสมัยที่สอง ก็เข้าไปช่วยงานทำหน้าที่เป็นเลขานุการเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้งร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งท่านก็ได้รับเลือกตั้งให้เข้าไปเป็นผู้ว่าฯ กทม. สมัยที่สอง

 ...แต่ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น มีการรัฐประหารเมื่อปี 2557 ทำให้ต่อมาก็ได้ไปทำงานกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร.ที่เป็น รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ พล.ต.อ.อดุลย์เห็นว่าเรามีประสบการณ์ด้านการต่างประเทศและรู้เรื่องท้องถิ่น ซึ่งตอนนั้นมีเรื่องเกี่ยวกับแฟลตดินแดง บ้านริมคลอง ทางพล.ต.อ.อดุลย์มีแนวคิดว่าการเข้าทำไปเรื่องนี้ ไม่อยากใช้วิธีการของตำรวจในการหาทางออกกับชาวบ้าน แต่อยากใช้วิธีการเจรจาทางการทูต เราก็เลยต้องเข้าเจรจากับชุมชนแฟลตดินแดง บ้านริมคลอง

จนต่อมาเมื่อมีการเลือกตั้งในปี 2562 ทางลุงกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็มาชักชวนให้ไปเป็นผู้อำนวยการพรรคของรวมพลังประชาชาติไทย และลงสมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 ที่หลังการเลือกตั้งก็ได้เข้าไปเป็นสส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคหนึ่งสมัย โดยพรรครวมพลังประชาชาติไทยได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งช่วงแรกพรรคได้รับผิดชอบกระทรวงแรงงาน ทางเราก็ได้เข้าไปเป็นประธานอนุกรรมาธิการแรงงาน ของสภาผู้แทนราษฎร จึงทำให้อยู่ในแวดวงด้านแรงงานไปเลยโดยปริยาย เลยทำให้รู้เรื่องกฎหมายแรงงาน แล้วก็ทำร่าง พ.ร.บ.กฎหมายแรงงาน และร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับเรื่องแรงงานนอกระบบ ทั้งหมดข้างต้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน ก็ทำให้รู้จักนักการเมืองและเครือข่ายต่างๆ มากขึ้น

จากนั้นเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งในปี 2566 ก็ไดัรับการชักชวนจากนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคภูมิใจไทยต้องการปักธงในกรุงเทพมหานคร ก็เข้าไปช่วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่คุ้นเคยกันสมัยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นหัวหน้าทีม กทม.ของภูมิใจไทยในเวลานั้น เพื่อสร้าง สส.กทม.ให้พรรคภูมิใจไทยให้ได้ แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ต่อมาก็ลาออกจากพรรคภูมิใจไทย ไปศึกษาปริญญาเอกที่คณะผู้นำสังคมการเมืองและธุรกิจที่มหาวิทยาลัยรังสิต จนจบปริญญาเอกเมื่อเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยทำดุษฎีนิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องการเพิ่มทักษะให้แรงงานสูงวัยมีศักยภาพในเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มีการนำระบบ AI ไปฝึกงานคนสูงอายุ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องช่วยเหลือคนกลุ่มเปราะบาง คนตัวเล็กในสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างไร ก็เลยคิดว่าถ้าเราจะมาทำงานการเมือง เราอยากจะมาช่วยกลุ่มคนกลุ่มนี้ให้มันเกิดขึ้นได้จริง

...ต่อมาได้พบกับรุ่นพี่สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ คือท่านฉัตรชัย พรหมเลิศ ก็ได้คุยกัน ท่านฉัตรชัยก็แนะนำว่าควรทำดู และพอดีท่านรู้จักรุ่นน้องคนหนึ่งที่จะมาเป็นผู้นำของพรรคโอกาสใหม่ คือท่านจตุพร บุรุษพัฒน์ อดีต รมว.พาณิชย์, อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ก็เป็นรุ่นพี่สิงห์ดำ ก็เลยเป็นทางของการเชื่อมจากความเป็นสิงห์ดำด้วยกัน แล้วก็มาคิดกันว่าพรรคโอกาสใหม่ หลังจากที่มีเรื่องวุ่นวายการย้ายเข้าย้ายออก แต่ช่วงที่มีการย้ายไปย้ายออกของรัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่เป็นกลุ่ม สส.กลุ่มใหญ่ กลุ่ม 18 คน ตรงนั้นเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร เราเข้ามาทำงานที่พรรคโอกาสใหม่แบบจริงจังในช่วง ที่ทั้ง 18 คนดังกล่าวไปอยู่กับทีมรัฐบาลภูมิใจไทย หลังจากนั้นเราถึงเข้าไปทำงานกับพรรคโอกาสใหม่เต็มตัว ก็ต้องการทำให้พรรคโอกาสใหม่เกิดขึ้นได้จริง แต่อาจด้วยการที่เราทำงานกันแบบเงียบๆ ก็ทำให้มีคนคิดกันว่า พรรคโอกาสใหม่จากที่เคยมีข่าวตอนแรกในการตั้งพรรค คนก็คิดว่าคงไม่มีการทำแล้ว แต่ความจริงพวกเราทำงานกันอยู่ทุกวัน คิดกันทุกวัน ชวนคนกลุ่มต่างๆ มาร่วมงานกัน จนเป็นจุดเริ่มต้นของการที่มีการประกาศเปิดตัวพรรคโอกาสใหม่เมื่อ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่เป็นการเปิดตัวครั้งแรก

"ดร.อนุสรี รองหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่" ยืนยันว่า เรื่องของนโยบายพรรคในการเสียงเลือกตั้งมีความพร้อม โดยพรรคมีนโยบาย 14 ยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ทั้งเรื่องสังคม, นวัตกรรม, เศรษฐกิจปากท้อง, เทคโนโลยี, นโยบายเกี่ยวกับเรื่องด้านความมั่นคง เรามีครอบคลุมทุกด้าน

ที่สำคัญในเรื่องของผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคโอกาสใหม่อยากคัดเลือกคนที่มีความสุจริต ถือเป็นข้อแรก และต้องไม่มีปัญหาเรื่องชื่อเสียง รวมถึงเป็นคนที่ผ่านการทำงานมาหลากรุ่นหลายวัย หลายประสบการณ์ แต่ที่สำคัญไม่ใช่ว่าเป็นเด็กที่เดินจบการศึกษามา แล้วมาบอกว่าจะทำอะไรต่างๆ แต่อย่างน้อยต้องเคยผ่านการทำงาน และพบว่าอะไรคือสิ่งที่เขาอยากเห็น อยากได้ เราก็จะเปิดโอกาสให้คนที่อายุน้อยๆ ได้เข้ามาทำงานกับพรรคด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นคนที่ผ่านการทำงานมาแล้ว เรามีคนอายุ 30 ต้นๆ ที่เขาเคยทำงานธุรกิจ หรือเคยทำงานเป็นนักสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ก็เข้ามาช่วยทำงานกัน

เรื่องของนโยบายพรรคโอกาสใหม่ที่จะเป็นจุดแข็งในการหาเสียงเลือกตั้ง พรรคก็มีทุกด้านอย่างด้านสังคม สิ่งแวดล้อม คือการที่ทำให้ทุกคนตื่นมาแล้วมีความหวัง เขามีโอกาสใหม่ในชีวิตในทุกๆ ด้าน ตื่นเดินออกมาจากบ้าน  อากาศบริสุทธิ์ สิ่งแวดล้อมดี เดินทางสะดวก มีระบบนวัตกรรมเข้ามาช่วย เรามีคิดถึงเรื่องระบบที่เรียกว่าบัตรดิจิทัลไลฟ์การ์ด เพราะปัจจุบันแพลตฟอร์มมีเยอะแยะไปหมด แต่ละกระทรวงต่างฝ่ายต่างมีแพลตฟอร์ม แต่ต่อไปถ้าเรามีแค่บัตรใบเดียวแล้วทำให้เชื่อมโยงข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาล สิทธิประโยชน์ของเขาต่างๆ ผูกกันกับเรื่องของบัตรประชาชนฐานข้อมูลต่างๆ เราคิดจะเอาเรื่องนี้เข้ามาใช้ในเรื่องของชีวิตของคน แล้วก็เรื่องอาชีพให้โอกาสคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนตัวเล็กหรือธุรกิจเอสเอ็มอี  ที่เขามีประสบการณ์ข้อจำกัดเรื่องการไม่มีทุน ก็ต้องไปดูว่าจะทำให้เกิดระบบอะไรที่จะช่วยให้เขาเดินต่อไปได้ อาจจะมีการยกเว้นภาษีในระยะเวลาที่ให้เขาพอจะลืมตาอ้าปากได้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน ส่วนคนที่มีหนี้ ไม่มีใครอยากเป็นหนี้แล้วถูกฟ้องล้มละลาย จนทำให้ชีวิตเขามอดไหม้ไปหมด มันต้องมีการแก้ของเรื่องระบบหนี้สิน ขณะเดียวกันก็ต้องมีการหาโอกาสให้เขาได้มีโอกาสทำงาน มีรายได้เพิ่มแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีวินัยทางการเงิน แต่จะทำอย่างไรให้เขาใช้หนี้ตามกำลังที่เขาสามารถทำได้ ตรงนี้ก็จะต้องมาดูแลในเรื่องพวกนี้

แล้วที่สำคัญคือ สินค้าบางอย่างที่เราขายไม่ได้ เราจะทำยังไงให้เกิดการขายได้ ทำไมเราไม่มีแพลตฟอร์มของไทย ทุกกระทรวงมีแพลตฟอร์มตัวเองหมด แต่ไม่มีแพลตฟอร์มของไทยเอง แต่ให้แพลตฟอร์มต่างชาติเข้ามามีผลประโยชน์ในประเทศไทยเรา แล้วเราก็เก็บภาษีอะไรก็ยังไม่ค่อยได้ มันต้องมีระบบอันนี้ขึ้นมา ช่วยให้กับประเทศเราด้วย

เมื่อถามถึงบทบาทในพรรคโอกาสใหม่ โดยเฉพาะกับการรับผิดชอบพื้นที่เลือกตั้งกรุงเทพมหานคร จะมีแนวนโยบายอะไรในเบื้องต้น "ดร.อนุสรี รองหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่" กล่าวว่า คนชอบพูดว่ากรุงเทพมหานคร เปรียบเสมือนเมืองหลวงของประเทศไทย เพราะฉะนั้นคนกรุงเทพฯ มีความต้องการเยอะแยะไปหมด เราก็ต้องดูว่าปัญหา กทม.ที่มีหลากหลาย ซึ่งปัญหาหลายอย่างของกรุงเทพฯ ก็มีท้องถิ่นคือ กรุงเทพมหานครรับผิดชอบอยู่และทำแล้ว แต่บางอย่างในรูปแบบของรัฐบาล มันต้องมีการเชื่อมโยงและประสานกันได้ในการแก้ปัญหาบางเรื่อง เพราะว่าบางอย่างท้องถิ่นเองก็ไม่สามารถทำได้ ต้องร่วมกันได้กับภาครัฐบาล ให้โอกาสคนกรุงเทพฯ มากขึ้น ในแง่ของเรื่อง เช่น ให้เขาขายของได้มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเสียเงินมาก มีพื้นที่ตรงส่วนใด เช่นสวนสาธารณะของทุกเขต  ก็นำพื้นที่ตรงนั้นมาทำพื้นที่ให้คนขายของได้ เปิดโอกาสให้คนสามารถไปใช้พื้นที่ขายของได้ โซนกรุงเทพฯ ที่มี 6  โซนจะเปลี่ยนโซนบางส่วนให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจอย่างไรได้บ้าง เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์

...อย่างเช่น กรุงเทพฯ โซนตะวันออก ทำเป็นตลาดสินค้าฮาลาลให้กับนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวมุสลิม เพราะอย่างที่เรามีแหล่งพื้นที่อาหารอร่อยๆ ย่านคนจีน คนก็จะมาแถวสัมพันธวงศ์ คนรู้จักกันว่าหากอยากหาอาหารอร่อยๆ ต้องไปแถวนั้น แต่ต่อไปถ้าเป็นคนต่างชาติที่เป็นมุสลิม ก็ให้มีโซนอาหารที่ได้มาตรฐานอาหารฮาลาลที่พื้นที่แถวกรุงเทพโซนตะวันออก เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องคิดแล้วต้องทำให้แต่ละโซนของกรุงเทพมหานคร มีอัตลักษณ์ของแต่ละโซน แล้วก็สร้างเศรษฐกิจให้เกิดการเพิ่มเงินในกระเป๋าของเขาให้มากขึ้น

หวังดันพรรคโอกาสใหม่ ปักธง-ชิงคะแนนสนาม กทม.

ถามถึงว่า พื้นที่เลือกตั้งกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ซึ่งกระแสเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เห็นได้จากเลือกตั้งปี 2566 ที่พรรคก้าวไกลเกือบกวาดหมดทุกเขตใน กทม. แล้วทางพรรคโอกาสใหม่จะเข้าไปหาเสียงอย่างไร แล้วหวังผลการเลือกตั้งในส่วนใดมากกว่ากันระหว่าง สส.เขตหรือคะแนนปาร์ตี้่ลิสต์ "รองหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่" กล่าวว่า เราหวังทุกคะแนน อย่างเรื่องตัวบุคคล เราก็อยากจะคัดเลือกคนดี คนตั้งใจทำงาน มาทำงานให้แก่พี่น้องประชาชน เราเลือกคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้วย ไม่ใช่มาวิจารณ์กันอย่างเดียว คนที่พูดวิจารณ์ปัญหาต่างๆ ถูกต้องแล้ว แต่ต้องเลือกคนที่ลงมือทำได้ด้วย ในขณะเดียวกันในเรื่องของกระแสสำหรับการตัดสินใจของคนกรุงเทพฯ ก็คิดว่าคน กทม.อยากได้คนดี คนทำงาน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครพูดในสิ่งที่เขาตรงใจเท่ากับบางพรรค แต่หากวันนี้พรรคโอกาสใหม่พูดในสิ่งที่คน กทม.รู้สึกว่ามันใช่ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาของคน กทม.อย่างแท้จริง เราไม่ต้องมาพูดเรื่องปัญหาที่มีอยู่มากมาายเพราะคนรู้อยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือจะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งพรรคโอกาสใหม่มีมืออาชีพเข้ามาทำงานจริงๆ

-จากที่เคยมีประสบการณ์เลือกตั้งในพื้นที่ กทม.มาก่อน คิดว่าเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ผลที่ออกมาจะแตกต่างจากตอนปี 2566 หรือไม่ ที่บางพรรคการเมืองเกือบแลนด์สไลด์ชนะทั้งหมด?

คิดว่าตอนนี้ทิศทางการเมืองมันอาจจะมีอะไรที่ทำให้คนกรุงเทพฯ อาจจะเปลี่ยนวิธีการเลือก คิดว่าคนน่าจะคิดมากขึ้น ในการที่จะเลือกใครในการกาบัตรเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ซึ่งบางครั้งก็คิดด้วยซ้ำไปว่าโหวตโนอาจจะมาก แต่ถ้ามาฟังโหวตจากพรรคโอกาสใหม่ หรือถ้าเรียกชื่อเล่น "พรรค โอเคไหม" เพราะว่าถ้าจำง่ายๆ โอกาสใหม่ สะกดภาษาอังกฤษคือ OKARDMAI ถ้าจำให้ง่ายๆ เพราะพรรคการเมืองที่มีคำว่าใหม่มีอยู่เยอะ เช่น พรรคความหวังใหม่ ไทยก้าวใหม่ อนาคตใหม่ แต่ถ้าพรรคโอกาสใหม่ ถ้าชื่อเล่นมันก็จำง่าย คือ "โอเค ไหม" โอกาสใหม่คือพรรคโอเค เพราะฉะนั้นเลือกพรรคโอกาสใหม่โอเคไหม ก็จะจำเราได้ง่าย

-การที่พรรคโอกาสใหม่ไม่ได้มี สส.ในสภา ทั้งฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน การหาเสียงมันก็อาจจะลำบาก  ยิ่งมีเวลาน้อยในการหาเสียงทำให้คนรู้จักพรรค?

ถ้าเรามาอยู่ในสนามเลือกตั้ง มันก็ต้องต่อสู้กันเต็มที่  ด้วยคุณสมบัติของคนที่มี และด้วยคุณสมบัติของพรรคที่มี นโยบายที่เราคิดว่าตอบโจทย์คนไทยทุกคน

ขณะเดียวกันหัวหน้าพรรคเรา (จตุพร บุรุษพัฒน์) อาจจะดูนุ่มนวล อาจจะไม่ได้ดูหวือหวา ไม่ได้มีชื่อในลักษณะของการเป็นนักการเมืองมาก่อน แต่จตุพร บุรุษพัฒน์ หัวหน้าพรรคโอกาสใหม่ คือคนที่ทำงาน เป็นนักบริหาร รู้ระบบ

ประเทศจะแก้ระบบอะไรต่างๆ มันต้องเดินด้วยระบบราชการ เพราะฉะนั้นถ้าเอาคนที่รู้เรื่องระบบบริหารราชการมาเริ่มต้นทำงาน บวกด้วยมืออาชีพด้านธุรกิจ ด้านการเงิน การธนาคาร การต่างประเทศ คิดว่ามันก็เป็นการผสมผสาน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ดีสำหรับพรรคโอกาสใหม่ได้

 -เสียงวิจารณ์ว่าพรรคโอกาสใหม่ กรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรค ส่วนใหญ่เป็นอดีตข้าราชการประจำ ถูกมองว่าเป็นพรรคข้าราชการ ออกแนวอนุรักษนิยม?

เราเป็นพรรคการเมืองที่ตั้งมาเพื่อจะให้บริหารลักษณะของพรรคให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่คนที่เป็นรัฐมนตรีก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาจากคนของพรรคทุกคน เรามีคนอื่นที่จะต้องเข้ามาเป็นผู้ที่มีความรู้ มีชื่อเสียงในเรื่องฝีมือในการปฏิบัติงาน ที่จะเข้ามาพรรคโอกาสใหม่อีก เรายังมีคนอื่นๆ ที่จะมาเข้าร่วมกับพรรคโอกาสใหม่อีก ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดคนของพรรคโอกาสใหม่ทั้งหมดเลย

-หากจะมีนักการเมือง กลุ่มการเมืองอื่นๆ สนใจเข้ามาที่พรรคโอกาสใหม่ มีเงื่อนไขหรือการคัดสรรอย่างไรหรือไม่ เช่นเป็นกลุ่มบ้านใหญ่บางจังหวัด?

เราไม่ได้ปิดกั้น แต่คนที่มาอยู่บ้านใหม่กับเราที่บ้านหลังใหม่หลังนี้ กับพรรคโอกาสใหม่ เราก็อยากจะเลือกคนที่เข้ามาอยู่กับเรา ซึ่งต้องเป็นคนที่อยู่กับเราแล้วเรารู้สึกเราก็ไม่อึดอัด รู้สึกสบายใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย การจะอยู่บ้านร่วมกันมันต้องอยู่ด้วยกันด้วยการที่คนก็ต้องมีนิสัยแบบเดียวกัน มีวัฒนธรรมการคิดแบบเดียวกัน

เพราะฉะนั้นใครที่คิดแบบเรา เป็นคนที่ชอบการทำงาน มือสะอาด มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว พรรคโอกาสใหม่ไม่มีปฏิเสธ แต่อย่ามีอะไรที่เรารู้สึกว่า คนข้างนอกมองเข้ามาที่พรรคโอกาสใหม่แล้วรู้สึกไม่สบายใจกับบ้านหลังนี้ของเรา

-คาดหวังกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นอย่างไร อย่างน้อยต้องมีสักกี่ที่นั่งหลังการเลือกตั้ง?

ตัวเลขเป็นเรื่องที่คาดเดายาก แต่ที่สำคัญที่สุดเราก็หวังว่าอย่างน้อยที่สุด กรุงเทพมหานครต้องมี สส.หลังการเลือกตั้ง และบางพื้นที่เช่นภาคกลางต้องได้ อย่างน้อย 4 ภาคของประเทศไทยน่าจะต้องมี สส.ของพรรคโอกาสใหม่ที่เป็น สส.เขต และเราก็คาดหวังกับ สส.บัญชีรายชื่อเช่นกัน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมี สส.บางกลุ่มมาร่วมงานกับพรรคโอกาสใหม่นั้น ถ้าเขาเป็นคนที่ทำงาน เป็นคนที่ทำให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ประชาชนรัก และมีประวัติที่คนทั่วไปฟังแล้วสบายใจ ที่จะมั่นใจว่าเขาจะเข้ามาทำงานในฝ่ายบริหารได้ เราก็ยินดีที่จะเปิดประตูรับ แต่ถ้าคนทั่วไปบอกว่าไม่ใช่ มีความระแวง ทางพรรคก็คงต้องคิดมากเหมือนกันว่า เราจะเปิดรับสมาชิกหรือเราจะอยู่กันแบบที่เราสบายๆ ใจกันแบบนี้หรือไม่ ซึ่งพรรคโอกาสใหม่เองเป็นพรรคตั้งใหม่ ขณะที่ตอนนี้ก็มีหลายพรรคการเมืองที่เป็นพรรคใหญ่เกือบทั้งนั้น เรายังไม่กล้าบอกหรอกว่าเราจะได้กี่เสียง แต่เรามั่นใจว่าถ้าเราตั้งใจทำในสิ่งที่ดี สิ่งที่เราพูดออกไปกับประชาชนหลังจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งเราก็จะเพิ่มการสื่อสารกับประชาชนให้รู้ถึงความตั้งใจของเรา นโยบาย ยุทธศาสตร์ของเรามากขึ้น เราเชื่อว่าคะแนนของพรรคโอกาสใหม่ก็จะค่อยๆ มีมากขึ้น โดยหากมาถามในช่วงก่อนการเลือกตั้ง คิดว่าก็พอจะประเมินตัวเลขได้

โอกาสใหม่-พร้อมคุยกับทุกขั้ว ไม่ตั้งป้อมเป็นศัตรูกับใคร

-มองสถานการณ์การเมืองตอนนี้อย่างไร เพราะปัจจุบันก็มีการมองกันว่าการเมืองมีสามขั้ว (แดง-น้ำเงิน-ส้ม)?

พรรคโอกาสใหม่เราไม่ได้มองว่าเราเป็นขั้วไหน และไม่ได้มองด้วยว่าเราเป็นสีอะไร เรามองว่าเราเป็นพรรคการเมืองที่จะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชน เราเป็นพรรคที่คุยกับทุกพรรคการเมืองได้ เราเป็นพรรคที่ไม่เป็นศัตรูกับใคร เพียงแต่ว่าเราเป็นพรรคที่มีจุดยืนคือ หนึ่ง-เทิดทูนสถาบัน 2.เศรษฐกิจปากท้องประชาชนต้องดี 3.มีความทันสมัยในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม 4.ทุกคนอยู่ได้ด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเราก็มองว่าทุกพรรคการเมืองก็คิดกันแบบนี้ แต่ใครจะทำได้จริง ไม่ใช่แค่ว่าพูดหรือแค่โฆษณาอย่างเดียว แต่พรรคโอกาสใหม่สามารถมีคนที่คิดแล้วทำได้จริง

-เรื่องของทุนที่จะสนับสนุนพรรค มีความเข้มแข็งมากแค่ไหนในการที่จะนำพาพรรคโอกาสใหม่ต่อจากนี้?

คือถ้าเป็นทุน ก็คิดว่าพรรคการเมืองก็ต้องมีผู้สนับสนุนพรรคตามกฎหมายพรรคการเมือง มันก็ต้องมีโอกาสที่คนอยากจะมาสนับสนุนพรรค หากว่าพรรคโอกาสใหม่ตอบโจทย์ในการที่คนอยากมาสนับสนุน บริษัทหรือทุน รายใดที่เขาคิดว่าเราตอบโจทย์ เขาก็อาจจะอยากสนับสนุนเรา ประชาชนก็อาจอยากมาสนับสนุนเรา เงิน 10 บาท 20 บาท ถ้าเขาอยากจะเป็นเจ้าของพรรคจากการเป็นสมาชิกพรรค นี่ก็คือทุนของเราแล้ว

เราไม่ได้มองว่าต้องปิดกั้นคำว่ามีใครหรือทุนที่ไหนจะมาสนับสนุน เพราะทุกพรรคการเมืองมีคนสนับสนุนอยู่แล้ว หลายพรรคก็คือมีบริษัทธุรกิจที่อยากสนับสนุนพรรคการเมืองกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพรรคเรายึดถือว่าขอให้ประชาชนที่มาสนับสนุนเรา เป็นสมาชิกพรรคเรา นี้คือฐานของทุนที่สำคัญที่สุด

-ที่ผ่านมาหลายพรรคการเมือง ตั้งพรรคกันมาตอนช่วงก่อนเลือกตั้ง สุดท้ายพอเสร็จจากการเลือกตั้งก็หายไป กลายเป็นพรรคการเมืองเฉพาะกิจ พรรคโอกาสใหม่จะเป็นพรรคการเมืองเฉพาะกิจหรือไม่ ที่พอจบการเลือกตั้งปีหน้าเสร็จ ต่อไปก็อาจไม่ทำต่อ?

เมื่อเราอยู่บ้านหลังใดก็ตาม ก็เหมือนเวลาที่ทุกคนอยู่บ้านหรือย้ายเข้าบ้านไหนก็ตาม ทุกคนก็ต้องคิดใช่ไหมว่าเราอยากอยู่บ้านหลังนั้นๆ ให้ยาวนานที่สุด เราอยากให้บ้านหลังนั้นอยู่คงทนถาวรไปกับเรา

เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อวันนี้มาสร้างบ้านหลังนี้ ไม่ได้คิดว่าพรรคการเมืองพรรคนี้จะล่มสลายหายไป อยากให้มีคนรุ่นต่อๆ ไป เพราะพรรคโอกาสใหม่ พรรคการเมืองนี้ วันข้างหน้าตัวหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือตัวเราเองที่ก็เป็นคนรุ่นเลข 5 กันแล้ว แต่ก็ยังมีคนรุ่นอายุเลข 4 เลข 3 เลข 2 คนอายุยี่สิบกว่าปีก็ยังอยู่  คนเหล่านี้เขาต้องสืบทอดพรรคโอกาสใหม่ต่อไป เชื่อว่าพรรคโอกาสใหม่คงจะต้องมีต่อไปเรื่อยๆ ไม่น่าจะล่มสลายไปกับการเลือกตั้งในปี 2569

เมื่อเราถามย้อนกลับไป เพื่อขอให้พูดถึงนโยบายที่คิดว่าเป็นนโยบายสำคัญของพรรคโอกาสใหม่ในการสื่อสารกับประชาชน หลักๆ มีอะไรบ้าง "อนุสรี รองหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่" กล่าวว่า ข้อแรกคือเรื่องสถาบันฯ แน่นอนที่สุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีสถาบันที่เป็นผู้ที่ดูแลประชาชนมาตลอดอยู่แล้ว ในหลายๆ ครั้งวิกฤตการณ์หลายๆ อย่างก็แสดงให้เห็นว่า พระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ยึดโยงจิตใจของคนไทยเรา เอาแค่วันนี้ก็แล้วกันว่า ถ้าเดินไปตามถนนต่างๆ เรายังรู้สึกดีเลยว่าคนไทยส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีดำสีขาว ที่ก็แสดงว่าสถาบันฯ อยู่ในใจของคนไทยทุกคน

เรื่องที่ 2 คือเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ที่สำคัญที่เราต้องมาแก้ไขตรงนี้ คนทำไมถึงจะรู้สึกว่าเขาต้องมีเงินที่ใช้ได้พอเพียงกับชีวิต ไม่ควรต้องพูดว่าเขาจะต้องมีเงินเท่าไหร่  ที่สำคัญที่สุดคือ รายได้ที่มีต้องพอกับสิ่งที่เขาต้องการที่จะใช้ให้ได้ สิ่งนี้คือโจทย์ใหญ่ที่เราต้องทำ รวมไปถึงการที่ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คำว่าคุณภาพชีวิตก็หมายถึงเรื่องการรักษาพยาบาล ที่เขาต้องมี การได้รับการรักษาที่เป็นความเท่าเทียมไม่เหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจดี การรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

และเรื่องที่ 3 คือเรื่องเกี่ยวกับเรื่องความยุติธรรม ที่ก็คือการที่ประชาชนได้รับการปฏิบัติทางกฎหมายที่เท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำผิดก็ต้องได้รับการตัดสินที่ไม่มีความเหลื่อมล้ำในเรื่องของทางกฎหมาย ความยุติธรรมต้องมี

-ถามแบบมองข้ามช็อตการเมืองไปเลย หลังเลือกตั้งหากพรรคโอกาสใหม่ได้ สส.มาสักจำนวนหนึ่ง แล้วพรรคที่ตั้งรัฐบาลเขาเสียงยังขาดอยู่ สมมุติเขาติดต่อมา พรรคโอกาสใหม่จะมีแนวพิจารณาอย่างไรหรือไม่  อย่างที่บอกว่าพรรคเน้นเรื่องสถาบันฯ แต่หากอย่างพรรคประชาชนที่เคยหนุนการแก้ไข 112 ติดต่อมา ถ้าแบบนี้จะไปร่วมงานด้วยได้หรือไม่?

การเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอน ใครจะคิดว่าวันนี้พรรคประชาชน จะเป็นคนเลือกพรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองที่บอกว่าเชิดชูสถาบันฯ เข้ามาเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ทางพรรคโอกาสใหม่ เราไม่ได้เป็นพรรคศัตรูกับใครอยู่แล้ว เราเป็นพรรคที่จะดูว่าคุณจะทำอะไรให้กับประชาชน ที่สำคัญก็คือว่า ถ้าเราไม่ใช่เป็นพรรคตัวเลือกที่ 1 เราคงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบอกว่าเราอยากจะไปร่วมอะไรกับใคร มันต้องขึ้นกับว่าเขาอยากจะร่วมกับเราด้วยหรือเปล่ามากกว่า แต่ถ้าเราเป็นพรรคที่เป็นพรรคที่เลือกคนได้ พรรคโอกาสใหม่มีเสียงมาเป็นอันดับหนึ่งแบบนั้น เราก็จะเลือกคนที่ตรงกับอุดมการณ์ของพรรคให้มากที่สุดในการมาร่วมรัฐบาล

-ก่อนหน้านี้ก็เคยมีความเคลื่อนไหวการตั้งพรรคโอกาสใหม่แล้วก็เงียบหายไป แต่ปัจจุบันเพิ่งมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ สาเหตุเกิดจากอะไร ทั้งตอนที่เงียบหายไปและที่เริ่มเปิดตัวช่วงนี้?

ที่พอพูดได้ก็คือเป็นเรื่องของสถานการณ์ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น การเมืองมันเปลี่ยนไปมาก อย่างที่ผ่านมาเราเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไปแล้ว 3 คน ในช่วงเวลาแค่เพียงไม่เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมาวิเคราะห์ว่ามันเกิดอะไร กับสังคมไทย มีปัญหาทั้งภายนอก ปัญหาภายใน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเราจะต้องมาประกาศว่าเรากำลังทำอะไรให้มันโด่งดังไป มันก็ไม่เหมาะ สู้เรามาคิดดูแล้วว่ามาทำพรรคใหม่กันเถอะ ที่มันตอบโจทย์ตอบใจประชาชน ทำกันแบบรอบคอบ สุขุม แล้วก็ค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำจนพร้อมแล้ว  วันนี้เราถึงไปประกาศตัวว่า ในปีหน้า 2569 พรรคโอกาสใหม่พร้อมเข้าสู่สนามการเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวเลือกหนึ่งของสังคมไทย ซึ่งช่วงที่เงียบไปก่อนหน้านี้ก็ด้วยสถานการณ์ทางการเมือง ที่มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องรู้สึกว่าเราจะออกมาทำอะไรได้ เพราะเราก็ยังไม่ได้มีตัวแทนที่เข้าไปทำงานในฝ่ายบริหาร มีช่วงสั้นๆ คือช่วงที่หัวหน้าพรรค จตุพร บุรุษพัฒน์ ไปเป็น รมว.พาณิชย์ เราก็พยายามอยากจะมีโครงการในการเพิ่มรายได้ เพิ่มเรื่องเกี่ยวกับเรื่องการค้าขายให้มากขึ้น แต่พอเราถูกหยุดไปจากตรงนั้น สิ่งที่เราคิดจะทำตรงนั้นเราเลยต้องมาคิดที่จะทำต่อ เพื่อที่จะเอากลับไปทำในปี 2569 ต่อ เราเลยต้องเงียบ เพราะว่ามันไม่ได้เหมาะในการที่เราจะออกมาพูดอะไร ในเมื่อเรายังไม่ได้มีหน้าที่อะไรเลย ไม่ได้มีตัวแทนอยู่ในสภา ไม่ได้มีตัวแทนอยู่ในฝ่ายบริหาร สู้เรามาคิดดีกว่าว่าเราจะทำอะไรให้กับประเทศในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเมื่อมีกรอบเวลาชัดเจนว่าจะมีการยุบสภาไม่เกิน 31 มกราคม 2569 ก็สู้มาเตรียมความพร้อมของพรรคโอกาสใหม่ เพื่อที่จะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นตัวเลือกให้กับประชาชนดีกว่า

-ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่ากลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น  จะออกจากรวมไทยสร้างชาติมาที่พรรคโอกาสใหม่ แต่ตอนนี้ไปอยู่ภูมิใจไทยแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง พรรคโอกาสใหม่กับกลุ่มนายสุชาติเป็นอย่างไร ยังมีสัมพันธภาพต่อกันหรือไม่?

            คิดว่าคนที่เป็นนักการเมือง ซึ่งเราจะได้ยินเสมอเลยว่า การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เพราะฉะนั้นเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุด คือวันนี้อาจจะรู้สึกขัดเขินที่จะมานั่งกอดคอกัน แต่วันข้างหน้าเชื่อว่า ถ้าเรามองว่าเราสามารถพูดคุยกันได้ในเรื่องทางการเมือง แล้วต่อไปถ้าพรรคการเมืองทั้งสองพรรคมีแนวคิดที่ตรงกัน ในเรื่องเกี่ยวกับการแก้ปัญหาบางอย่าง เมื่อดูการตอบโจทย์ตอนสุดท้าย คะแนนของประชาชนที่ออกมาตอนเลือกตั้งจะตอบได้เองว่า เราจะมาร่วมกันทำงานด้วยกันได้หรือไม่ คือก็จุดแค่นั้นเอง

"ดร.อนุสรี รองหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่" ยังกล่าวถึงการพิจารณาส่งตัวผู้สมัครลงเลือกตั้งว่า สำหรับในส่วนที่รับผิดชอบ คือพื้นที่กรุงเทพมหานครก็กำลังคัดสรรอยู่ยังได้ไม่ครบ ที่ต้องบอกตรงๆ ว่ายังมีคนที่อยากจะเข้ามากับเรา แต่เขายังอยู่ที่อื่นอยู่ แต่การคุยกันมันก็ต้องมีข้อตกลงระหว่างกัน ว่าหากมาอยู่กับพรรคเราแล้ว คุณต้องเป็นแบบนี้ๆ หรือเปล่า ก็ต้องดูกัน แล้วตัวเขาเองก็อาจจะต้องดูด้วยว่า พรรคโอกาสใหม่เองถูกกับจริตของเขาหรือเปล่าด้วยเหมือนกัน

            เพราะฉะนั้นเนี่ย ช่วงระหว่างนี้เชื่อว่ามันจะเกิดการย้ายเข้าย้ายออก ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาของพรรคการเมืองของคนที่เป็น สส. แต่มันขึ้นอยู่กับว่า พรรคเรากำหนดแนวทางไว้แล้วว่าเราต้องการแบบไหน เราก็จะเชิญคนแบบนั้นมาร่วมงาน มาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคต่อไป ซึ่งขอให้เชื่อว่าบางทีเพชรดีต่อให้อยู่ในตม แต่หากเราสามารถหามาได้มันก็อาจจะกลายเป็นยอดเพชรในยอดแหวนเรา เรื่องระยะเวลาที่เหลืออยู่ตอนนี้จึงไม่น่าจะเป็นอุปสรรค คนดียังมีอีกเยอะในสังคม แต่บางทีเขาอาจจะไม่ได้กล้าประกาศตัวออกมา ที่อาจไม่ใช่คนเด่นดังในสังคมตอนนี้ แต่ถ้าเราค้นพบเขา แล้วเราให้โอกาสเขา เพราะพรรคเราคือพรรคโอกาสใหม่ เราก็ต้องให้โอกาสคนใหม่ๆ เข้ามาทำงาน เลยคิดว่าไม่น่าจะยากสำหรับการที่จะหาคนเข้ามา

-ผลสำรวจของนิด้าโพลเกือบทุกครั้ง จะมีตัวเลขของพรรคการเมืองหรือแคนดิเดตนายกฯ ที่ประชาชน ตอบว่ายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครจากตัวเลือกที่มีอยู่?

เราก็เลยคิดว่านี่แหละคือโอกาสของเรา เพราะว่าก่อนหน้านี้พรรคยังไม่ได้เข้าสู่การเปิดตัว วันนี้เราจะเริ่มเช็กดูว่า เมื่อเราประกาศตัวแล้วว่าเราเป็นตัวเลือก เป็นชอยซ์หนึ่งของการเมืองไทย จะเป็นอย่างไร เราจะได้มาปรับกลยุทธ์ด้วยว่าหลังจากเปิดตัวไปแล้ว ผลโพลพรรคเองก็ต้องทำด้วยว่าจากนี้ไปอีกสักประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อดูว่าฟีดแบกคนต้องการอะไรจากเราบ้าง ขณะเดียวกันเราก็ต้องค่อยๆ ทำอะไรที่ตอบโจทย์กับประชาชน ที่หลังจากนี้ ก็ต้องมีการทำเรื่องของการที่ต้องเปิดตัวผู้สมัคร สส.บางกลุ่ม เช่นพื้นที่กรุงเทพฯ หรือเปิดตัวยุทธศาสตร์พรรค-เปิดตัวประธานยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นบิ๊กเนม เพื่อให้คนสังคมรับรู้ว่าพรรคโอกาสใหม่เรามีคนนี้ ทางพรรคก็จะมีการกำหนดแผนออกมาว่า จะมีการทยอยเปิดในช่วงไหนถึงจะเหมาะ เรื่องบิ๊กเนมของพรรคโอกาสใหม่มีแน่ บิ๊กเนมเศรษฐกิจก็มี เรื่องปัญหาน้ำท่วมเราก็มีบิ๊กเนมในเรื่องการแก้ปัญหา

"โอกาสใหม่ โอกาสของคนไทยที่ดีกว่าเดิม  โอกาสสำหรับคนไทยทุกคน" คือคำกล่าวปิดท้ายของ ดร.อนุสรี ที่สรุปนิยามความเป็นพรรคโอกาสใหม่ อีกหนึ่งพรรคการเมืองใหม่ในการเลือกตั้งปี 2569.

โดย วรพล กิตติรัตวรางกูร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รองนายกฯ สุชาติ เดินหน้ามาตรการเข้ม คุมโรงงานน้ำตาล-โรงไฟฟ้าชีวมวล ลดฝุ่น PM2.5 รับมือหมอกควันปี 2569

นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายสำคัญให้หน่วยงานในสังกัดเดินหน้าจัดการมลพิษเชิงรุก เพื่อรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในปี 2569

“สุชาติ” ประชุมคณะอนุกรรมการประจำภาคตะวันออก เร่งขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่เชิงบูรณาการ ปีงบประมาณ 2570

วันนี้ (4 ธันวาคม 2568) เวลา 14.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้