ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ บทบาทใหม่ บนถนนการเมือง หวั่นใช้ทุนเทาซื้อเสียงเลือกตั้ง!

คิดว่าน่าจะมีการใช้เงินซื้อเสียงมากในพรรคการเมืองที่ได้เงินมาจากสแกมเมอร์หรือได้เงินสีเทามา เพราะเงินพวกนี้มันได้มาง่าย แต่ว่ามันเป็นเงินบาป จะเป็นเงินที่สร้างปัญหาให้กับประเทศในระยะยาว เขาก็ทุ่มเต็มที่เพื่อให้ได้อำนาจรัฐ

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง ประเทศไทย"กรุงเทพมหานคร"เป็นอีกหนึ่งสนามเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศจับตามองกันว่าผลการเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 "พรรคประชาชน"ซึ่งตอนเลือกตั้งปี 2566 สมัยเป็น"พรรคก้าวไกล"กวาดส.ส.เขตไปถึง 32 ที่นั่งจาก 33 เขต มาครั้งนี้จะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมคือกวาดหมด 33 เขตหรือจะลดน้อยลงจากเดิม

และหนึ่งในว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต กทม.ของพรรคประชาชน ที่เปิดตัวแล้ว และตกเป็นที่สนใจของแวดวงการเมืองไม่น้อย นั่นก็คือ"ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์-เศรษฐกิจ การเงินการคลัง”ที่ผ่านตำแหน่งสำคัญในแวดวงวิชาการและการทำงานสำคัญต่างๆ มามากมาย เช่น อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย -อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต -อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย-อดีตกรรมการวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ -อดีตที่ปรึกษาการเงินการคลัง คณะกรรมการประกันสังคม  เป็นต้น

"ดร.อนุสรณ์-ซึ่งจะลงสมัครส.ส.กทม.เขตตลิ่งชัน-เขตทวีวัฒนา พรรคประชาชน"กล่าวถึงการตัดสินใจเข้าสู่ถนนการเมือง-การเลือกตั้งกับพรรคประชาชนในครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมาบ้านเมืองมีวิกฤติพร้อมกันหลายด้าน ผมก็คิดว่า ถ้าเราคิดว่าเรามีความพร้อม และสามารถที่จะเสียสละได้ ก็ควรจะเข้ามาเสนอตัวทำงานทางการเมืองเพราะว่า ปัญหาของการเมืองไทยมันเป็นอุปสรรคให้กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมาก เพราะหากการเมืองดี การเมืองมีเสถียรภาพ มีความมั่นคง ระบอบประชาธิปไตย มีความมั่นคงมีเสถียรภาพ ประเทศก็จะสามารถพัฒนาก้าวหน้าได้ดีกว่านี้ ที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาประชาชนจะดีกว่านี้มาก ๆ

..ที่ผ่านมา ก็มีคนชักชวนให้ไปทำงานทางการเมืองด้วยหลายครั้ง แต่ผมก็พยายามที่จะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องมีตำแหน่งทางการเมืองโดยตรง แต่ก็มีบทบาทในการเสนอความคิดในทางนโยบายรวมทั้งการทำหน้าที่ในฐานะกรรมการในระดับชาติในหลายคณะกรรมการ ซึ่งก็ถือว่าได้ทำประโยชน์ ตามสมควรแก่ตำแหน่งหน้าที่ที่ดำรงอยู่ เช่น ในการเข้าไปเป็นกรรมการสภาการศึกษา ก็ได้มีส่วนเป็นประธานยกร่างแผนการศึกษาชาติ หรือตอนเป็นบอร์ดธนาคาคแห่งประเทศไทยก็ได้เสนอหลายเรื่องซึ่งทำให้เป็นระบบที่พัฒนามาจนถึงปัจจุบันที่ทำให้ระบบการเงินการธนาคารของไทยได้ถูกยกระดับมาตรฐานขึ้นมาให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งมีส่วนร่วมในการเสนอให้มีการจัดตั้งสถาบันป๋วย อึ้งภากรณ์ -สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ้งภากรณ์ แต่ว่าข้อเสนอบางอย่างก็ไม่ได้มีการตอบสนองเช่นผมเสนอให้เงินบาทเป็นเงินสกุลหลักของอาเซียน หรือการใช้มาตรการหรือนโยบายการเงินหรือกลไกทางการเงินในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือแม้กระทั่งการใช้ระบบการเงินหรือมาตรการและนโยบายทางการเงิน ในการให้น้ำหนักในการดูแลแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้บางเรื่องที่เสนอก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจัง แล้วก็ยังมีบทบาทอื่น ๆ ที่ทำอยู่ เช่นล่าสุดไปเป็นที่ปรึกษาบอร์ดประกันสังคม ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบประกันสังคม มีความโปร่งใสในการบริหารจัดการมากขึ้น แล้วก็พอดีไปเป็นประธานพิจารณาการปรับสูตรชำนาญชราภาพให้มันเป็นธรรมมากขึ้นหรือสูตรแคร์ ตัวอย่างเหล่านี้คือสิ่งที่ได้ทำ

ซึ่งการที่ได้ทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ พบว่าถึงที่สุดแล้ว ข้อเสนอหลายอย่างสุดท้ายคนที่เคาะหรือตัดสินใจ ก็คือการเมืองหรือฝ่ายนโยบาย ก็เห็นว่า เราอาจจะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้มากกว่านี้ ถ้าสามารถเข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจในการตัดสินใจมากกว่าเดิม

ส่วนบทบาทของการเป็นนักวิชาการ ก็คือการเสนอความเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ การเสนอความเห็นเพื่อสร้างองค์ความความรู้ แต่ว่าก็ไม่มีอำนาจในการทำอะไร แล้วก็อย่างที่บอกข้างต้นประเทศไทยมีปัญหาวิกฤตการณ์หลายอย่างสะสม ซึ่งมันจำเป็นจะต้องมีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ในเกือบทุกมิติ การเข้ามาทำงานการเมืองก็หวังว่าจะมีโอกาสที่จะได้ทำการปฏิรูปเคลื่อนไหวปฏิรูปเปลี่ยนแปลงให้ให้ประเทศดีขึ้นในทุกมิติ

"ดร.อนุสรณ์"เปิดเผยว่าใช้เวลาในการตัดสินใจเข้าสู่การเมือง เมื่อช่วงเดือนก.ค.ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มีเหตุการณ์หลายอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็ทำให้คิดว่าจำเป็นที่จะต้องทำอะไรให้ให้บ้านเมืองโดยการอาสา ในขณะเดียวกันก็ได้สมัครเข้ารับการสรรหาคัดเลือกเป็นผู้ว่าฯธปท. ที่ก็หวังจะเข้าไปทำหน้าที่ในส่วนดังกล่าวแต่เมื่อไม่ได้ทำหน้าที่ซึ่งเราก็เคารพการตัดสินใจของคณะกรรมการสรรหาฯ ก็ทำให้หลังจากนั้น คิดว่าจะเข้าสู่การเมือง เพื่ออาสาเข้าไปทำประโยชน์ต่อไป เพราะเราไม่ได้หยุดนิ่งและเราก็ไม่เคยท้อแท้แม้แต่วันเดียวในความตั้งใจและความปรารถนาดีที่อยากจะทำอะไรให้ประเทศและสังคม

สำหรับการตัดสินใจเข้าสู่การเลือกตั้งกับพรรคประชาชนเพราะคิดว่าพรรคประชาชนน่าจะเป็นพรรคการเมืองที่ดีที่สุดในเวลานี้ผมขอใช้คำนี้ เพราะว่าไม่มี ปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น แล้วลักษณะของพรรคการเมือง พรรคประชาชนก็พยายามพัฒนาให้เป็นพรรคการเมืองของมวลชน หรือมีความเป็นสถาบัน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามันจะยั่งยืน ทั้งที่จริงๆก็มีพรรคการเมืองพรรคอื่นเขาก็เสนอให้ไปทำในสิ่งมันจะง่ายกว่านี้เยอะ คือเสนออะไรที่มันทำให้ชีวิตเราง่ายกว่านี้เยอะแต่เราก็เลือกที่จะอยู่กับพรรคประชาชน เพราะว่าผมไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานประโยชน์ของตัวเอง เราก็ต้องเลือก องค์กรหรือสถาบันที่มันจะเป็นกองหน้าของการเปลี่ยนแปลงประเทศหรือสังคมให้มันดีขึ้น

เมื่อถามว่าเหตุใดถึงเลือกลงสมัครส.ส.ระบบเขต เพราะดูจากประวัติการทำงานแล้วหลายคนมองว่าน่าจะขอลงสมัครระบบปาร์ตี้ลิสต์มากกว่าลงเขต "ดร.อนุสรณ์"ตอบคำถามนี้ว่าหากย้อนดูประวัติส่วนตัวของผม ในฐานะอดีตผู้นำนักศึกษาฯ ผมเป็นคนรณรงค์ให้ นายกรัฐมนตรีมาจากส.ส. คือนายกฯมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งในที่นี้ก็คือการลงเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง อันเป็นสิ่งที่ผมได้เคยแสดงความเห็นเอาไว้

เพราะฉะนั้นเมื่อผมเข้ามาทำงานการเมือง ผมก็อยากทำงานโดยที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง แต่ว่าในอีกใจหนึ่งและก็มีคนให้ความเห็นเยอะว่าโดยประสบการณ์และสิ่งที่ผมทำ ก็ควรจะอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อมากกว่า เพราะจะได้ทำงานด้านวิชาการและเรื่องของนโยบายได้เต็มที่มากกว่า แต่ผมคิดว่าการทำงานทางการเมือง เราต้องเริ่มต้นด้วยการเสียสละก่อน ถ้าเราไม่เสียสละเราเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง มันก็ยังไม่ใช่การตัดสินใจที่ดี ผมมาลงระบบเขตเพราะว่าผมก็ต้องการเสียสละตัวเองคือยอมเหนื่อยยอมลำบาก

..สำหรับการลงสมัครส.ส.กทม.ของพรรคประชาชน ผมเข้ามาตามกระบวนการ เพราะว่าการที่เราเราตัดสินใจเลือกพรรคประชาชน เพราะเราต้องการพรรคการเมืองที่เป็นสถาบัน เป็นพรรคของมวลชน เพราะฉะนั้นพรรคมีขั้นตอน มีระเบียบ-ระบบวางไว้อย่างไร แม้ผมจะรู้จักแกนนำพรรค แต่ผมก็ทำตามระบบเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้มีสิทธิ์พิเศษอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าพรรคประชาชน ก็มีวัฒนธรรมของการที่ทุกคนต้องมีความเสมอภาคเท่าเทียม เขาต้องการสร้างวัฒนธรรมสร้างระบบแบบนี้ เราก็รักษาตรงนี้ไว้ให้มันเกิดขึ้น

สนามเลือกตั้งกทม. ผันผวน-มีความไม่แน่นอนสูง

ถามความเห็นว่าประเมินสนามเลือกตั้งกทม.อย่างไรบ้าง เพราะเป็นที่รู้กันว่าสนามกทม.คาดการณ์ยาก เพราะเป็นสนามเลือกตั้งที่มีเรื่องของกระแสเป็นสำคัญ คนกทม.อาจตัดสินใจในช่วงโค้งสุดท้าย วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง "ดร.อนุสรณ์-ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.พรรคประชาชน"กล่าวตอบรับว่า ถูกต้อง สนามเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร เป็นสนามเลือกตั้งที่เรื่องของกระแสมีความสำคัญ แล้วกระแสก็วูบวาบคือมันขึ้นขึ้นลงลงได้จะมีความไม่แน่นอนสูง

ถามย้ำว่าผลเลือกตั้งปี 2566 สมัยเป็นพรรคก้าวไกล กวาดไปถึง 32 เขตจาก 33 เขต คนก็ยังมองว่ากระแสพรรคประชาชนยังดีอยู่ คิดว่าจะทำให้พรรคมีโอกาสชนะเลือกตั้งในกทม.ได้หรือไม่"ดร.อนุสรณ์"มองประเด็นนี้ว่า คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ในปี 2569 กับตอนเลือกตั้งปี 2566 มันก็ไม่เหมือนกัน คือเหตุปัจจัยมันเปลี่ยนแปลงหมด เมื่อเหตุปัจจัยมันเปลี่ยนแปลงหมด เราก็อย่าไปมั่นใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าทุกอย่างมันเป็นไปได้หมด เพราะฉะนั้น เราก็ทำในสิ่งที่คิดว่ามันดีที่สุด

เมื่อถามถึงจุดแข็งของพรรคประชาชนและสามแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคที่ประกาศชื่ออกมาแล้ว คืออะไรที่จะทำให้คนเลือกพรรคประชาชน "ดร.อนุสรณ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.พรรคประชาชน"ให้ความเห็นว่า พรรคประชาชนเป็นพรรคที่มีภาพของการเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ซึ่งแคนดิเดตนายกฯของพรรค ทั้งสามคน (ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ-ศิริกัญญา ตันสกุล-วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร)มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมาเสริมกันเป็นทีมงานที่ดี และหากได้คณะรัฐมนตรีที่มีความรู้ มีประสบการณ์ เป็นคนที่ดีมีคุณธรรมมันก็จะสร้างความเชื่อมั่นว่าพรรคประชาชน จะมีทีมบริหารประเทศที่ดีกับการที่มีคนที่มีความพร้อมที่จะบริหารประเทศ

-ที่บอกว่าอยากเข้าไปทำงานขับเคลื่อนเรื่องยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศ เพื่อต้องการทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยดีขึ้น มีความตั้งใจจะทำอะไร?

ผมเคยร่างเรื่องนี้ไว้นานแล้วตั้งแต่ก่อนจะมีรัฐประหารปี 2549 ตอนนั้นเราก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้ประเทศเป็นประเทศพัฒนาแล้วในอีก 25 ปีข้างหน้า ตอนนั้นตั้งเป้าไว้ก็คือปีพ.ศ. 2575 ซึ่งตอนที่เขียนได้ร่างเอาไว้ แต่ว่าไม่ได้ถูกดำเนินการต่อเนื่องจากว่ามันมีรัฐประหาร ที่ร่างไว้มี 10 ยุทธศาสตร์โดยเป้าหมายก็คือต้องการให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วในปี พ.ศ. 2575 ที่ก็คือในอีก 25 ปีจากตอนที่ร่างเอาไว้ แต่ยุทธศาสตร์ก็ต้องมีการปรับเรื่อยๆ

ซึ่งประเทศไทยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา มีรัฐประหารสองครั้ง มีการร่างรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ ขณะเดียวกัน ก็มีความขัดแย้งเรื่องสีเสื้อทางการเมือง เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง ประเทศก็เสียโอกาส ซึ่งผมไม่เชื่อในการแก้ไขปัญหาด้วยวิถีทางนอกประชาธิปไตย ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารไม่ว่าในรูปแบบไหนเพราะต้องการให้แก้ปัญหาในระบบแล้วก็ต้องการให้ประชาธิปไตยมันมีเสถียรภาพมั่นคงเข้มแข็ง ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างนั้น แล้วเรามีรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรี หรือมีคณะรัฐมนตรีที่มีคุณภาพสูงมีคุณธรรม มาจากประชาชน ประเทศไทยมันก็จะก้าวไปไกลกว่าตอนนี้มาก ซึ่งเราก็เสียโอกาสตรงนั้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเราก็เป็นประเทศพัฒนาแล้ว

และเมื่อมันไม่เป็นไปอย่างที่เราอยากจะให้เป็นแล้วตอนนี้ก็ยังมีปัญหาที่หนักหนาสาหัส เช่นทุนเทาจะยึดอำนาจรัฐ คนที่มีคดีมีประวัติที่อื้อฉาวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี โดยที่สังคมก็รู้สึกเฉย ๆ มันก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มันไม่ถูกต้อง แล้วหากคนที่ตัวเองมีความพร้อม มีความรู้ความสามารถแล้วไม่อาสาหรือไม่เสียสละเข้ามาอาสามากขึ้น มันก็จะเป็นแบบนี้ ประเทศไทยก็จะเหมือนเดิม อันนี้ก็คือสิ่งที่คิดว่าจะทำตรงนี้ แล้วก็หวังว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนเป็นประเทศร่ำรวยและประเทศพัฒนาแล้วในอีก 10 ปีข้างหน้า คือปีพ.ศ. 2579 ที่ตอนนี้ก็เขียนและคิดไว้แล้ว เพราะเราเป็นนักวิชาการด้วย เราเขียนทุกอาทิตย์ ก็คิดตลอด เราก็สะสมความคิดมาว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ว่าผมจะได้มีโอกาสทำหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะอยู่ที่ประชาชนและอยู่ที่พรรคด้วย ว่าพรรคเขาจะให้โอกาสขนาดไหน เพราะผมก็มาตามระบบ ไม่ได้มาลัดคิวใครทั้งนั้น ถ้าเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดี คนอื่นเอาไปทำก็ได้ ก็ขอให้มันประสบความสำเร็จเท่านั้นเอง แต่ผมในฐานะคนที่คิด ผมคิดละเอียดว่าจะทำยังไง จะแก้กฎหมายยังไง จะปรับระบบราชการอย่างไร ,จะดึงต่างประเทศ ดึงเอกชนมาช่วยอย่างไร คือมันไม่ใช่แค่ความฝันแต่เป็นสิ่งที่มีแผน มีรายละเอียดอยู่ระดับหนึ่ง สิ่งนี้ก็คือสิ่งที่ผมตั้งใจ

เมื่อถามว่าบทบาทที่ผ่านมาเห็นให้ความสำคัญกับเรื่องรัฐธรรมนูญมากเช่นกัน แต่ก็เห็นแล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังมีด่านต่างๆ เช่นเรื่องเสียงของสว.ที่ต้องเห็นชอบด้วยหนึ่งในสามเวลาโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคประชาชนคิดว่าจะนำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปหาเสียงได้หรือไม่ "ดร.อนุสรณ์"กล่าวตอบว่า ผมเชื่อในพลังของประชาชน ถึงที่สุดแล้วผมเชื่อในพลังของประชาชน ก็คือว่าถ้าเสียงของประชาชนและพลังของประชาชนมันมากพอ ต่อให้ผู้มีอำนาจบางส่วนจะทำในสิ่งที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงก็ตามในที่สุดเขาก็ต้องยอม ซึ่งเรื่องลักษณะแบบนี้ มันก็เกิดตัวอย่างหลายครั้งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพียงแต่ว่า มันก็ต้องให้บทเรียน เราต้องมีบทเรียนว่าอย่าปล่อยให้ไปถึงจุดนั้น ซึ่งบางทีมันอาจจะมีความรุนแรงสูญเสียได้ มันก็จะเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและไม่ได้ยึดหลักการที่ถูกต้องกับประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง

ก็เหมือนเหมือนเหตุการณ์พฤษภาฯ 35 ซึ่งมันไม่ควรเกิดเหตุการณ์พฤษภา 35 เพราะตอนนั้นที่มีการแบ่งเป็นพรรคเทพ พรรคมาร ซึ่งหากตอนนั้นพรรคมารยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีมาจากส.ส. ก็ไม่ต้องมีนองเลือด ไม่ต้องมีคนบาดเจ็บล้มตาย จนในที่สุดตอนนั้นเขาก็ต้องยอม

-หากผลการออกเสียงประชามติที่จะทำกันในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง หากผลประชามติออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผลการออกเสียงประชามติก็จะมีผลเป็นแรงผลักดันไปถึงสว.เองด้วย?

 ใช่ เพราะหากเขาไม่ยอมก็จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้ที่สร้างปัญหาให้กับประเทศ

ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ เราถามถึงว่าหากให้ประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งรอบนี้ คิดว่าจะเป็นอย่างไร จะมีการซื้่อเสียงกันเยอะหรือไม่ "ดร.อนุสรณ์"กล่าวว่า คิดว่าน่าจะมีการใช้เงินซื้อเสียงมากในพรรคการเมืองที่ได้เงินมาจากสแกมเมอร์หรือได้เงินสีเทามา เพราะเงินพวกนี้มันได้มาง่าย แต่ว่ามันเป็นเงินบาปจะเป็นเงินที่จะสร้างปัญหาให้กับประเทศในระยะยาว เขาก็ทุ่มเต็มที่เพื่อให้ได้อำนาจรัฐ

...เพราะฉะนั้นมันก็จะกลับไปสู่ประเด็นอันหนึ่งที่ผมตัดสินใจมาทำงานทางการเมืองก็คือผมไม่ต้องการให้ประเทศไทยเหมือนบางประเทศ อย่างโคลัมเบีย หรือเหมือนประเทศปานามาในยุคที่เงินขององค์กรหรืออาชญากรรมข้ามชาติมามีอิทธิพลต่อรัฐบาล คือไม่ต้องการให้เขายึดอำนาจรัฐ เพราะว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็คือประเทศไทยก็จะไม่มีอนาคต ระบบอะไรมันจะรวนไปหมด โอกาสของข้าราชการที่ดีมีความรู้ความสามารถก็จะไม่เกิดขึ้น จะไม่ได้อยู่ในในตำแหน่งที่สำคัญ เราเห็นปัญหาเห็นชัดอยู่แล้ว เพราะประเทศโดยรอบประเทศไทยก็เป็นแหล่งของธุรกิจผิดกฎหมาย

เพราะว่าทั้ง 2ประเทศ คือ เมียนมา กับกัมพูชามันเป็นระบอบอำนาจนิยมทั้งคู่ แม้กัมพูชามีเลือกตั้ง แต่มันเป็นการเลือกตั้งแบบหลอกหลอกหลอกเพราะเนื้อแท้มันคือระบอบอำนาจนิยมที่มีการเลือกตั้งแบบหลอกๆเพราะไม่มีฝ่ายค้าน ส่วนเมียนมาก็มีสงครามกลางเมือง ก็เป็นระบอบเผด็จการ ซึ่งทั้งสองประเทศก็มีธุรกิจ หรือกิจกรรมผิดกฎหมาย มีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติจำนวนมาก แล้วประเทศไทยก็กลายเป็นแหล่งฟอกเงินของสองประเทศนี้ เพราะว่ามีระบบการเงิน มีตลาดทุนที่มันสมบูรณ์แบบที่สุด แล้วก็อยู่ใกล้ด้วย

และพอดีระบบการเมือง-ระบบราชการไทยมันก็เทา ๆ ด้วยมันก็ซื้อได้ ถูกซื้อได้มันก็เป็นสวรรค์ของแหล่งฟอกเงินซึ่งอันนี้มันน่าจะพัวพันกับคนมีอำนาจอยู่จำนวนมาก มีรายชื่อที่สหรัฐอเมริกาก็มีรายชื่อด้วย สงครามที่เกิดขึ้น ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ส่วนหนึ่งมันก็เกิดจากปัญหาตรงนี้ด้วย มันไม่ใช่เรื่องดินแดนอย่างเดียว ทำให้ทหารชั้นผู้น้อย และประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตาย มันเป็นเรื่องที่เราไม่ควรทนอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว อะไรที่เราทำได้เราก็ทำ ก็ด้วยการอาสามาทำงานทางการเมืองต้องการให้เกิดการแก้ปัญหาตรงนี้ แล้วก็ต้องการให้ ไทยกับกัมพูชา กลับคืนสู่สภาวะที่ไม่มีสงคราม

โดยวรพล กิตติรัตวรางกูร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สถานการณ์แรงงานข้ามชาติปี 2568 จับตาพรรคการเมืองปั่นกระแส บิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีทางการเมือง

เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วสำหรับปี 2568 หลายภาคส่วนมีการวิเคราะห์-สรุปสถานการณ์ในด้าน”การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-สิ่งแวดล้อม-เทคโนโลยี

พท.ผวา ‘มันนีโพลิติกส์’

พรรคประชาชนเดินหน้าฝันแลนด์สไลด์ได้ สส. 250 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลประชาชน ดูจากตัวเลขผู้บริจาคให้พรรคมากกว่าแสนคน ขณะที่เพื่อไทยต้อนรับทีมสุวัจน์

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง

หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

พรรคเพื่อไทย จัดอีเวนต์สัปดาห์หน้า เปิดตัวผู้สมัครสส.ครบทุกเขต-บัญชีรายชื่อ

ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กล่าวว่า ในวันที่ 25 ธ.ค.พรรคเพื่อไทยจะทำการเปิดอีเวนต์ใหญ่ คือ