ความเห็นของต่างชาติต่อการเมืองหลังการประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476: (66) : การยึดอำนาจวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476-กบฏบวรเดช (คณะกู้บ้านกู้เมือง)

 

หลังจากการรัฐประหาร 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 และเหตุการณ์กบฏบวรเดช สถานทูตอังกฤษได้รายงานการกลับมาเมืองไทยของหลวงประดิษฐ์มนูธรรมว่า  จริงๆ แล้วหลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้รับการเสนอให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งดังกล่าว แต่ได้ปฏิเสธโดยอ้างเหตุผลว่า จะยังไม่ได้รับตำแหน่งใดในคณะรัฐบาลจนกว่าสภาผู้แทนราษฎรจะได้ขจัดข้อสงสัยในตัวเขาในกรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์เสียก่อน รายงานอัครราชทูตอังกฤษระบุด้วยว่า สถานะของเขาเป็นเรื่องที่ต้องขบคิดคาดคะเนกันอยู่ เพราะกล่าวกันว่าเขาไม่ “ก้าวหน้า”  พอสำหรับผู้ที่ให้การสนับสนุนเขา นั่นคือ คนเหล่านี้ดูจะไม่พอใจที่หลวงประดิษฐ์มนูธรรมหันมายอมรับแนวทาง “พอประมาณไม่รุนแรง” (moderation) (เรื่องเดียวกัน) และจากปากคำของพระยาอภิบาลราชไมตรี (ต่อม บุนนาค) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ การที่หลวงประดิษฐ์มนูธรรมยอมรับแนวทางเช่นนั้นก็ทำให้เขาเป็นคนที่ “ไม่มีพิษภัยใดๆ อีกแล้ว”  (docile) [F 7921/42/40] “Mr. Dormer to Sir John Simon, 10 November 1933”, British Documents, p. 121)   แต่อัครราชทูตอังกฤษเห็นว่า โดยส่วนตัวแล้ว อยากให้เขาอยู่ในคณะรัฐบาล เพราะได้แสดงให้เห็นว่ามี “ไหวพริบทางการเมือง” (political sense) มากกว่าใคร ๆ ในคณะรัฐมนตรีขณะนั้น และอย่างน้อยก็เป็นคนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก (a personality) ([F 1182/21/40] “Mr. Dormer to Sir John Simon, 3 March 1943, British Documents, p. 128)                              

หลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้รับการล้างข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อหาว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ในที่สุด ([F2264/21/40] “Mr. Dormer to Sir John Simon, 12 March 1934”, British Documents, p. 137) และในวันที่ 1 เมษายน 1934 (พ.ศ. 2477) ก็มีการปรับคณะรัฐมนตรี พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง แทนพลตรี พระยาประเสริฐสงคราม (เทียบ คมกฤส) นอกจากนั้น หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ก็ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามที่ได้มีการคาดหมายกันไว้แล้ว บุคคลซึ่งในการรับรู้ของอัครราชทูตอังกฤษเป็นผู้มีความใกล้ชิดหลวงประดิษฐ์มนูธรรม 2 คนคือ พระสารสาส์นประพันธ์ (ชื้น จารุวัสตร์)  ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ และ พระสารสาส์นพลขันธ์ (ลอง สุนทานนท์) ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ แทน พระยาโกมารกุลมนตรี (ชื่น โกมารกุล ณ นคร)  ซึ่งได้ลาออกไป ทำให้คณะรัฐบาลชุดนี้ของ พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ถูกมองว่าได้ “เหวี่ยงไปทางซ้าย” (swing to the left) อีก โดยเฉพาะการที่พระสารสาส์นพลขันธ์เสนอโครงการ “ก้าวหน้า” หลายเรื่องในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งอัครราชทูตอังกฤษมองว่าเป็นโครงการประเภท “สุกเอาเผากิน” (half-baked) คือ ไม่ได้ผ่านการศึกษาพิจารณาอย่างรอบคอบว่าทำได้หรือไม่ (Annual Report, 1934, p. 2)                 

อัครราชทูตอังกฤษมีโอกาสได้พบปะสนทนากับบุคคลหลายคนในคณะรัฐบาล รวมทั้ง พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี แต่จะเห็นได้ว่าอคติ (แบบคนอังกฤษทั่วไป) ที่มีต่อพวกฝ่ายซ้ายหัวก้าวหน้า ทำให้เขามองคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไปในทางลบ  ในส่วนของ พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนานั้น อัครราชทูตอังกฤษมองว่า “….ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเครื่องมือของหลวงประดิษฐ์มนูธรรมมาตั้งแต่แรก บุคคลผู้นี้ (หลวงประดิษฐ์มนูธรรม) เป็นผู้ที่ให้ความคิด (intellectual author) แก่การปฏิวัติครั้งแรก” อัครราชทูตอังกฤษกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่า จริงๆแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา กับ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งดูเผินๆ แล้วน่าแปลกใจนั้น จะต้องอธิบายโดยการที่ พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ตระหนักแก่ใจดีถึงความเขลาของตนเอง (self-conscious stupidity)” บุคคลผู้นี้ “…ขาดคุณสมบัติซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการแสดงสภาวะผู้นำ” ([F 5713/21/40] “Sir Josiah Crosby to Sir John Simon, 17 August 1934”, British Documents, p. 144)                            

บุคคลสำคัญอื่นๆ ในขณะนั้น ซึ่งอัครราชทูตอังกฤษกล่าวถึง ได้แก่ พระยาสารสาส์นพลขันธ์ บุคคลผู้นี้ อัครราชทูตอังกฤษเห็นว่า มุ่งจัดทำโครงการที่จะเป็นการนำเอานโยบายของผู้อุปถัมภ์ (patron) ของตน (คือหลวงประดิษฐ์มนูธรรม) ไปดำเนินการในทางปฏิบัติ และก็เป็นบุคคลที่นายแบกซเตอร์ ที่ปรึกษาด้านการเงิน ดูแลคนระดับความสามารถด้านความคิด (mental calibre) มาก  อีกผู้หนึ่งที่อัครราชทูตอังกฤษมองด้วยทัศนคติค่อนข้างลบ คือ พระยานิติศาสตร์ไพศาล (วัน จามรมาน)  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามที่อัครราชทูตอังกฤษรับรู้มานั้น บุคคลผู้นี้ “…มีชื่อเสียไม่ดีในเรื่องการคบคิด (intrigue) และความไม่ซื่อสัตย์ (disloyalty) ต่อผู้ร่วมงาน”  อัครราชทูตอังกฤษระบุว่า “ข้าพเจ้าได้รับการบอกกล่าวมาว่า จะมีการเปลี่ยนตัวพระยานิติศาสตร์ไพศาลในไม่ช้า ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ไม่ใช่เป็นเพราะขาดความรู้ความสามารถ แต่เป็นความไม่น่าไว้วางใจ (untrustworthiness) ของเขามากกว่า”   พระสารสาส์นพลขันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ ผู้ที่อัครราชทูตอังกฤษมองว่าเป็น “สาวก” (disciple) ของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม จริงๆแล้ว เป็นผู้ที่ “….มีความกระตือรือร้นอย่างไม่มีขอบเขตในการนำเอาความคิดสมัยใหม่มาใช้ในวงการศึกษา” แต่อัครราชทูตอังกฤษเห็นว่า เขาเป็นเพียง “นักอุดมคตที่มีความตั้งใจดี” (well-meaning idealist) แต่จะ “มีสามัญสำนึก” (common sense) และประสิทธิภาพในทางปฏิบัติ ซึ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ข้าพเจ้าเกรงว่าคำตอบจะเป็นไปในเชิงปฏิเสธ” ([F 6014/21/40] “Sir J. Crosby to Sir John Simon, 27 August 1934”, British Documents, p. 146)                                            

บุคคลเพียงคนเดียวซึ่งอัครราชทูตอังกฤษกล่าวถึงในเชิงบวกอยู่บ้างคือ เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสายตาอัครราชทูตอังกฤษ เขาเป็น “คนเดียวที่หัวไม่รุนแรงอย่างแน่ชัด...ในคณะรัฐบาลชุดนี้”  แต่ก็ระบุด้วยว่า “เขาขาดความเข้มแข็งด้านบุคลิก (strength of character) ที่จะทำให้อิทธิพลของเขามีผลกระทบได้อย่างแท้จริง แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้จนถึงขณะนี้ในการขัดขวางโครงการที่จัดทำขึ้นจากสำนึกและความรู้สึกมากกว่าจะผ่านการศึกษาพิจารณาอย่างรอบคอบ (impulsive schemes) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ แต่ความสำเร็จดังกล่าวนี้ก็เป็นผลจากความกล้า (backbone) ที่ให้แก่เขาโดยที่ปรึกษาด้านการเงิน [นายแบกซเตอร์] นั่นเอง” ( ([F 6014/21/40] “Sir J. Crosby to Sir John Simon, 27 August 1934”, British Documents, p. 146)           

อัครราชทูตอังกฤษ ซึ่งมาแทนนายดอร์เมอร์ คือ เซอร์ โจไซอาห์ ครอสบี (Sir Josiah Crosby)  ได้พบปะและแสดงความเห็นเกี่ยวกับหลวงประดิษฐ์มนูธรรมในโอกาสนี้ด้วย (ผู้แทนทางการทูตอังกฤษคนอื่นๆ ได้เคยกล่าวถึงบุคคลผู้นี้มาก่อนหน้านี้แล้วในหลายโอกาส) (อัครราชทูตอังกฤษให้ข้อสังเกตแม้แต่ในเรื่องเล็กน้อยว่า “…แม้เขาจะเคยอยู่ฝรั่งเศส แต่ข้าพเจ้าก็ได้รับทราบมาว่า เขาพูดภาษาฝรั่งเศสได้ไม่ดีนัก ส่วนภาษาอังกฤษก็กล่าวกันว่า เขาพูดได้ดีน้อยไปกว่าภาษาฝรั่งเศส แต่ข้าพเจ้าแทบไม่มีโอกาสจะตัดสิน เพราะแทบจะในทันทีที่ได้เริ่มการสนทนา เขาก็เปลี่ยนไปใช้ภาษาไทย [F 6274/21/40] “Sir J. Crosby to Sir John Simon, 22 October 1934, British Documents, p. 150)       

ท่าทีและความเข้าใจของอัครราชทูตอังกฤษในกรณีนี้ ก็สะท้อนทัศนคติของอังกฤษเกี่ยวกับผู้นำทางการเมืองสยามสมัยนั้น คือ  เป็นทัศนะในเชิงลบเสียเป็นสำคัญ นั่นคือ “….เราไม่อาจจะได้เห็นในตัวของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม สิ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติแห่งสภาวะผู้นำซึ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการปกครองอย่างเป็นผล ยังไม่ต้องกล่าวไปถึงว่าจะปกครองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ (revolutionary) อย่างไร และคุณสมบัติเช่นนี้ท่านก็ทราบว่า ข้าพเจ้าได้มองหาโดยไม่เคยได้พบเห็นเลยในบรรดาผู้ที่กุมชะตากรรมของสยามทุกวันนี้” (เรื่องเดียวกัน)

(รายงานสถานทูตทั้งสองมาจาก ฝรั่งมองไทยในสมัยรัชกาลที่ 7: ตะวันออกที่ศิวิไลซ์ ?, ธีระ นุชเปี่ยม)

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

                        

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้