พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (13)

 

ไชยันต์ ไชยพร

ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490  เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 และฉบับที่ 3 คือฉบับ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2489  ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 ที่ใช้อยู่ระหว่าง พ.ศ. 2475-2489 เป็นรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ระบอบคณาธิปไตยสืบทอดอำนาจโดยคณะราษฎร สาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญคณาธิปไตยสืบทอดอำนาจโดยคณะราษฎร ได้แก่

1. การเปิดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 มีสิทธิ์รับรองคณะรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1

2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 มีจำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 ที่มาจากการเลือกตั้ง

3. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี และมีวาระอยู่ยาวตราบที่ยังบังคับใช้บทเฉพาะกาลอยู่ 

4. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ชุดแรกที่แต่งตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2476 มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ที่มาจากการทำรัฐประหาร                                                           

5. คณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ที่มาจากการทำรัฐประหาร แต่งตั้งตัวเองและพวกพ้องซึ่งส่วนเป็นสมาชิกคณะราษฎรให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2

6. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 รับรองตัวเองให้เป็นคณะรัฐมนตรี

จาก 1-5 บรรดาสมาชิกคณะราษฎรต่างแต่งตั้งตัวเองกลับไปกลับมาหมุนเวียนกันเป็นคณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 เป็นระยะเวลาถึง 13 ปี จนมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นั่นคือ ฉบับที่ 3 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2489                       

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 นี้ แม้จะยกเลิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 และให้มีสมาชิกพฤฒสภาขึ้นแทน แต่ก็ยังกำหนดให้สมาชิกพฤฒสภามีสิทธิ์ในการรับรองคณะรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง  และแม้ว่าจะกำหนดให้สมาชิกพฤฒสภามาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 นี้ได้กำหนดไว้ว่า ในช่วงแรกให้สมาชิกพฤฒสภามาจากการเลือกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ทีนี้ เรามาดูกันว่า สมาชิกพฤฒสภาที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกขึ้นมาเป็นจำนวน 80 คนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นใครและพวกใครบ้าง   และทำไมคนในสมัยนั้นถึงเรียกพฤฒสภาว่าเป็น “สภาปรีดี” พฤฒสภาเต็มไปด้วยคนของปรีดีจริงหรือ ?

ในการตอบข้อสงสัยข้างต้น ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงภูมิหลังของสมาชิกพฤฒสภาทั้งหมด 80 ท่าน เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินข้อน้ำหนักความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการตั้งฉายา “พฤฒสภา” ว่าเป็น “สภาปรีดี” โดยไล่ไปตามลำดับตัวอักษร โดยตอนที่แล้วได้กล่าวถึงภูมิหลังของสมาชิกพฤฒสภาไปทั้งสิ้นจำนวน 23 ท่านในทั้งหมด 80 ท่าน พบว่า มีสมาชิกที่จัดได้ว่าเป็นพวกปรีดี 10 ท่าน มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนปรีดี 2 ท่าน ไม่ใช่พวกปรีดี 5 ท่าน ไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นฝ่ายใดแน่ 6 ท่าน

ต่อไปคือ คุณคุณประทุม  รมยานนท์

คุณประทุมเป็นคนจังหวัดตราด เกิดปี พ.ศ. 2441 เป็นบุตรของหลวงรามทิพรจน์ (เหี้ยม รมยานนท์)  เริ่มต้นเรียนหนังสือที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ที่จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2459 เริ่มรับราชการที่กรมชลประทาน พ.ศ. 2460 ในตำแหน่งเสมียนตรี เงินเดือน 30 บาท ระหว่างนั้นได้ขวนขวายหาความรู้โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ มีความชำนาญสามารถพูดโต้ตอบกับชาวต่างประเทศได้เป็นอย่างดี  ต่อมาปี พ.ศ. 2466 ได้สมัครเข้าเรียนวิชากฎหมายเป็นเนติบัณฑิตสยาม ในระหว่างรับราชการ ได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์สอนวิชาเกี่ยวกับกฎหมายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง และโรงเรียนช่างชลประทาน รับราชการในตำแหน่งสุดท้ายคือเจ้าพนักงานควบคุมการชลประทานราษฎร์  กรมชลประทาน  จากนั้นได้ลาออกจากราชการมาประกอบอาชีพส่วนตัวทางทนายความ จากนั้นในปี พ.ศ. 2489 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกพฤฒสภา

ผู้เขียนไม่สามารถหาข้อมูลของคุณประทุมได้มากนัก และไม่อยากจะตีขลุมว่า ท่านเป็นฝ่ายปรีดี เพียงแค่ท่านเรียนวิชากฎหมายและได้รับเชิญเป็นอาจารย์สอนวิชาทางกฎหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เพียงแต่สันนิษฐานถึงความเป็นไปได้ในความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับปรีดีและการที่พฤฒสภาถูกตีตราว่าเป็น “สภาปรีดี”

ต่อไปจะขอกล่าวถึงพันตำรวจเอก พระพิจารณ์พลกิจ

พระพิจารณ์พลกิจ (เดิมชื่อ ยู่เซ็ก ต่อมาใช้ชื่อ พิจารณ์) เกิดที่จังหวัดตราด พ.ศ. 2435 เป็นบุตรคนที่เจ็ดของขุนนราพานิช (บ๊วย ดุละลัมพะ) เริ่มเรียนหนังสือที่วัดไผ่ล้อม จังหวัดตราด  ต่อมาในปี พ.ศ. 2446 ได้อพยพติดตามมารดาและพี่น้องมาอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี และย้ายเข้าจังหวัดพระนคร เรียนต่อที่โรงเรียนวัดประทุมคงคาแล้วลาออก โดยมารดาได้นำเข้าฝากตัวต่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมพระวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศ  ต่อมาได้เข้าศึกษาวิชาการตำรวจ สำเร็จการศึกษาได้รับบรรจุแต่งตั้งให้เป็นว่าที่นายหมวดตรีเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2456 ได้ครองยศนายพันตำรวจโทในปี พ.ศ. 2472 และพันตำรวจเอกในปี พ.ศ. 2477  หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกพฤฒสภาในกลางปี พ.ศ. 2489 ในเดือนธันวาคมปีเดียวกันนั้น ได้เลื่อนยศเป็นพลตำรวจตรี และได้เป็นอธิบดีกรมตำรวจ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ในสมัยรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์เป็นนายกรัฐมนตรี 

ผลงานของท่านในปี พ.ศ. 2476 คือได้กระทำการช่วยเหลือในการปราบกบฏ (กบฏบวรเดช) ได้เลื่อนเงินเดือน 1 ขั้นและเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ 1 เหรียญ

ท่านได้ลาออกจากราชการในปี พ.ศ. 2490

จากการที่ท่านพันตำรวจเอก พระพิจารณ์พลกิจมีผลงานในการปราบกบฏบวรเดช และได้เป็นอธิบดีกรมตำรวจในสมัยรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ และลาออกในปี พ.ศ. 2490 ที่มีการรัฐประหารยึดอำนาจจากหลวงธำรงฯและกลุ่มปรีดี  จึงสันนิษฐานได้ว่าท่านน่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกพฤฒสภาที่มีส่วนทำให้พฤฒสภาได้รับการตีตราว่าเป็น “สภาปรีดี”  (และเมื่อผู้เขียนย้อนตรวจสอบอีกครั้งพบว่า ท่านเคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ในปี พ.ศ. 2478 ด้วย)

สรุปผลล่าสุด คือ

สมาชิกพฤฒสภา

ปรีดี

ไม่ใช่พวกปรีดี

  แนวโน้มสนับสนุนปรีดี

ไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นฝ่ายใด

ม.ล. กรี  เดชาติวงศ์

   +

 

 

 

ร.อ. กำลาภ  กาญจนสกุล ร.น.

   +

 

 

 

พ.ท.  ก้าน  จำนงภูมิเวท 

 

   +

 

 

แก้ว  สิงหะคเชนทร์

 

 

 

     +

หลวงกาจสงคราม

 

   +

 

 

พลเรือตรี กระแส  ประวาหะนาวิน  สรยุทธเสนี

 

 

+

 

พลโท หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต

 

  +

 

 

เขียน  กาญจพันธุ์ 

 

 

 

     +

พลโท จิระ  วิชิตสงคราม

 

 

 

     +

จรูญ สืบแสง

    +

 

 

 

จิตตะเสน ปัญจะ

 

  +

 

 

พันโท เจือ  สฤษฎิ์ราชโยธิน 

 

 

 

     +

จำรัส สุวรรณชีพ

   +

 

 

 

จินดา จินตนเสรี

   +

 

 

 

จำลอง ดาวเรือง

   +

 

 

 

หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล  เสรีเริงฤทธิ์) 

 

   +

 

 

ไต๋ ปาณิกบุตร

   

 

+

 

ถวิล อุดล

   +

 

 

 

ทัน พรหมิทธิกุล

   +

 

 

 

พระยานลราชสุวัจน์  (ทองดี  นลราชสุวัจน์) 

 

 

 

       +

พระนิติการณ์ประสม  (สงวน  ชัยเฉนียน)

 

 

 

      +

ปพาฬ  บุญ-หลง

   +

 

 

 

หลวงประสิทธิ์นรกรรม (เจี่ยน  หงสประภาส)

   +

 

 

 

ประทุม  รมยานนท์

 

 

+

 

พันตำรวจเอก พระพิจารณ์พลกิจ

   +

 

 

 

จากที่ศึกษาภูมิหลังสมาชิกพฤฒสภาไปทั้งสิ้น 25 ท่านในทั้งหมด 80 ท่าน พบว่า มีสมาชิกที่จัดได้ว่าเป็นพวกปรีดี 11 ท่าน มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนปรีดี 3 ท่าน ไม่ใช่พวกปรีดี 5 ท่าน ไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นฝ่ายใดแน่ 6 ท่าน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้