พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (17)

 

ไชยันต์ ไชยพร

ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490  เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 และฉบับที่ 3 คือฉบับ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2489  ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 ที่ใช้อยู่ระหว่าง พ.ศ. 2475-2489 เป็นรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ระบอบคณาธิปไตยสืบทอดอำนาจโดยคณะราษฎร สาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญคณาธิปไตยสืบทอดอำนาจโดยคณะราษฎร ได้แก่

1. การเปิดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 มีสิทธิ์รับรองคณะรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1

2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 มีจำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 ที่มาจากการเลือกตั้ง

3. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี และมีวาระอยู่ยาวตราบที่ยังบังคับใช้บทเฉพาะกาลอยู่

4. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ชุดแรกที่แต่งตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2476 มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ที่มาจากการทำรัฐประหาร

5. คณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ที่มาจากการทำรัฐประหาร แต่งตั้งตัวเองและพวกพ้องซึ่งส่วนเป็นสมาชิกคณะราษฎรให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2

6. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 รับรองตัวเองให้เป็นคณะรัฐมนตรี

จาก 1-5 บรรดาสมาชิกคณะราษฎรต่างแต่งตั้งตัวเองกลับไปกลับมาหมุนเวียนกันเป็นคณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 เป็นระยะเวลาถึง 13 ปี จนมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นั่นคือ ฉบับที่ 3 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2489

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 นี้ แม้จะยกเลิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 และให้มีสมาชิกพฤฒสภาขึ้นแทน แต่ก็ยังกำหนดให้สมาชิกพฤฒสภามีสิทธิ์ในการรับรองคณะรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง  และแม้ว่าจะกำหนดให้สมาชิกพฤฒสภามาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 นี้ได้กำหนดไว้ว่า ในช่วงแรกให้สมาชิกพฤฒสภามาจากการเลือกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ทีนี้ เรามาดูกันว่า สมาชิกพฤฒสภาที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกขึ้นมาเป็นจำนวน 80 คนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นใครและพวกใครบ้าง   และทำไมคนในสมัยนั้นถึงเรียกพฤฒสภาว่าเป็น “สภาปรีดี”

พฤฒสภาเต็มไปด้วยคนของปรีดีจริงหรือ ?

ในการตอบข้อสงสัยข้างต้น ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงภูมิหลังของสมาชิกพฤฒสภาทั้งหมด 80 ท่าน เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินข้อน้ำหนักความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการตั้งฉายา “พฤฒสภา” ว่าเป็น “สภาปรีดี” โดยไล่ไปตามลำดับตัวอักษร โดยตอนที่แล้วได้กล่าวถึงภูมิหลังของสมาชิกพฤฒสภาไปทั้งสิ้นจำนวน 30 ท่านในทั้งหมด 80 ท่าน พบว่า มีสมาชิกที่จัดได้ว่าเป็นพวกปรีดี 14 ท่าน มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนปรีดี  3 ท่าน ไม่ใช่พวกปรีดี 5 ท่าน ไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นฝ่ายใดแน่ 8 ท่าน

ต่อไปคือ  หลวงอรรถกัลยาณวินิจ

หลวงอรรถกัลยาณวินิจ  (เอื้อน  ยุกตะนันทน์) เป็นบุตรคนโตของหลวงบริมาณมนูกิจ (ปุย ยุกตะนันท์) และคุณเข็ม (รักตะประจิตร) ยุกตะนันท์ เกิดปี พ.ศ. 2441 เป็นบางพลัด กรุงเทพฯ  หลังจากจบจากโรงเรียนใกล้บ้านแล้ว ท่านได้ไปศึกษาต่อที่โรงเรียนราชวิทยาลัย แล้วย้ายมาศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์จนจบ แล้วเข้าศึกษากฎหมายที่โรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม เมื่ออายุ 22 ปีถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหารแล้วสมัครเป็นนักเรียนนายดาบ และได้เป็นนายดาบประจำกรมทหารราบที่ 17 ลำปางในปี พ.ศ. 2464  หลังจากนั้นหนึ่งปี ได้ปลดจากราชการทหารตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร และได้เข้าศึกษาต่อ สอบไล่ได้เป็นเนติบัณฑิตในปี พ.ศ. 2467 หลังปรีดี พนมยงค์ 5 ปี (หลวงประดิษฐ์มนูธรรมสอบเนติบัณฑิตได้เมื่อปี พ.ศ. 2462)

จากนั้นท่านได้เป็นอัยการในกรมอัยการในปี พ.ศ. 2468 จนถึง พ.ศ. 2476 ได้เป็นอัยการประจำกรมสรรพสามิต และอัยการจังหวัดสมุทรสาคร  จากอัยการ หลวงอรรถกัลยาณวินิจย้ายมารับราชการเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดยะลาในปี พ.ศ. 2478 และในปี พ.ศ. 2480 ได้เป็นผู้บัญชาการเรือนจำกองลหุโทษ และได้เป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ในปี พ.ศ. 2482-2483 และในปี พ.ศ. 2485 ได้เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้ลาออกจากราชการในปี พ.ศ. 2485 และในปีนั้น ท่านได้รับการแต่งตั้งจากกรมสรรพามติให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกลางบริษัทจังหวัด และผู้อำนวยการโรงงานสุรา กรมสรรพสามิต ต่อมาในปี พ.ศ. 2488 ได้ประกอบอาชีพทนายความ จนในปี พ.ศ. 2489 จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกพฤฒสภา

จากที่ผู้เขียนได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับหลวงอรรถกัลยาณวินิจ  ไม่พบข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับปรีดี พนมยงค์  จะมีแต่ข้อมูลที่ว่าในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2468 จนถึง พ.ศ. 2476 หลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้จบการศึกษาจากฝรั่งเศสและเดินทางกลับประเทศเพื่อประกอบอาชีพเป็นผู้พิพากษา ผู้ช่วยเลขานุการกรมร่างกฎหมาย และอาจารย์ผู้สอนวิชากฎหมายปกครอง ณ โรงเรียนกฎหมาย  ผู้เขียนไม่แน่ใจว่า ท่านทั้งสองนี้จะได้รู้จักและสนิทสนมกันหรือไม่ เพราะทั้งสองท่านเป็นคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน หลวงอรรถกัลยาณวินิจอายุมากกว่าหลวงประดิษฐ์ฯ 2 ปี จึงไม่สามารถกล่าวได้แน่ชัดว่า การที่หลวงอรรถกัลยาณวินิจได้เป็นสมาชิกพฤฒสภาทำให้พฤฒสภาเป็น “สภาปรีดี” ตามที่กล่าวกันในช่วงเวลานั้น

ต่อไปคือ คุณอรุณ  แสงสว่างวัฒนะ

คุณอรุณเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2543 ที่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ ในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน เริ่มเรียนหนังสือชั้นประถมที่โรงเรียนแถวๆบ้าน ต่อมาต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กรุงเทพฯ และลาออกจากโรงเรียนขณะกำลังเรียนชั้นมัธยมหก ด้วยสาเหตุที่มีเป็นคนที่มีความคิดที่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก อรุณออกจากโรงเรียนไปทำมาหากิน โดยขอเงินมารดา 2,000 บาทเพื่อจะไปหาซื้อรถแทรกเตอร์มารับจ้างไถนา แต่ราคารถตอนนั้นคันละ 4,600 บาท จึงต่อรองขอดาวน์รถจากห้างฝรั่งจนสำเร็จ และนำรถแทรกเตอร์มาเปิดกิจการรับจ้างไถนาในวัยเพียง 16 ปี ทำให้เขาเป็นวัยรุ่นที่ร่ำรวยมากและกลายเป็นคนมีหน้ามีตาของปากน้ำโพเมื่ออายุเพี่งจะ 20 เศษๆ เท่านั้น ต่อมาเขาก็ตั้งร้ายขายปืนขึ้นที่อำเภอเมือง นครสวรรค์ การเป็นเจ้าของร้านขายปืนทำให้เขาได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในฐานะผู้ที่จะต้องพาลูกบ้านมาซื้ออาวุธไว้คุ้มครองทรัพย์สิน

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีการเลือกตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ.2476 คุณอรุณลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองนครสวรรค์ในขณะที่มีอายุได้ 23 ปี อีกสี่ปีต่อมา คุณอรุณตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและได้รับเลือกเป็นผู้แทนจังหวัดนครสวรรค์วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 และเป็นผู้แทนราษฎรที่อายุน้อยที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร และเป็นผู้แทนฯนครสวรรค์จนถึงวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2481 และอีก 9 ปีต่อมา คุณอรุณก็ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกพฤฒสภา(http://goto.thestarto.com:780/news/details.aspx?id=9878)                                                  

จากข้อมูลที่ค้นได้ ไม่พบร่องรอยความสัมพันธ์ระหว่างคุณอรุณกับปรีดี พนมยงค์ จึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า การที่คุณอรุณได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกพฤฒสภามีส่วนทำให้พฤฒสภาได้รับการขนานนามว่าเป็น “สภาปรีดี”

สรุปผลล่าสุด คือ

สมาชิกพฤฒสภา

ปรีดี

ไม่ใช่พวกปรีดี

  แนวโน้มสนับสนุนปรีดี

ไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นฝ่ายใด

ม.ล. กรี  เดชาติวงศ์

   +

 

 

 

ร.อ. กำลาภ  กาญจนสกุล ร.น.

   +

 

 

 

พ.ท.  ก้าน  จำนงภูมิเวท 

 

   +

 

 

แก้ว  สิงหะคเชนทร์

 

 

 

     +

หลวงกาจสงคราม

 

   +

 

 

พลเรือตรี กระแส  ประวาหะนาวิน  สรยุทธเสนี

 

 

 

+

 

พลโท หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต

 

  +

 

 

เขียน  กาญจพันธุ์ 

 

 

 

     +

พลโท จิระ  วิชิตสงคราม

 

 

 

     +

จรูญ สืบแสง

    +

 

 

 

จิตตะเสน ปัญจะ

 

  +

 

 

พันโท เจือ  สฤษฎิ์ราชโยธิน 

 

 

 

     +

จำรัส สุวรรณชีพ

   +

 

 

 

จินดา จินตนเสรี

   +

 

 

 

จำลอง ดาวเรือง

   +

 

 

 

หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล  เสรีเริงฤทธิ์) 

 

   +

 

 

ไต๋ ปาณิกบุตร

   

 

+

 

ถวิล อุดล

   +

 

 

 

ทัน พรหมิทธิกุล

   +

 

 

 

พระยานลราชสุวัจน์  (ทองดี  นลราชสุวัจน์) 

 

 

 

       +

พระนิติการณ์ประสม  (สงวน  ชัยเฉนียน)

 

 

 

      +

ปพาฬ  บุญ-หลง

   +

 

 

 

หลวงประสิทธิ์นรกรรม (เจี่ยน  หงสประภาส)

   +

 

 

 

ประทุม  รมยานนท์

 

 

+

 

พันตำรวจเอก พระพิจารณ์พลกิจ

   +

 

 

 

พึ่ง ศรีจันทร์

   +

 

 

 

มิ่ง  เลาห์เรณู

   +

 

 

 

สุกิจ นิมมานเหมินท์

 

 

 

       +

ไสว อินทรประชา

 

 

 

       +

พันโท พระอภัยพลรบ  (ชลอ  อินทรัมพรรย์)

   +

 

 

 

หลวงอรรถกัลยาณวินิจ  (เอื้อน  ยุกตะนันทน์)

 

 

 

     +

อรุณ  แสงสว่างวัฒนะ

 

 

 

    +

จากที่ศึกษาภูมิหลังสมาชิกพฤฒสภาไปทั้งสิ้น 32 ท่านในทั้งหมด 80 ท่าน พบว่า มีสมาชิกที่จัดได้ว่าเป็นพวกปรีดี 14 ท่าน มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนปรีดี  3 ท่าน ไม่ใช่พวกปรีดี 5 ท่าน ไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นฝ่ายใดแน่ 10 ท่าน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้