พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (20)

 

ไชยันต์ ไชยพร

ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490  เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 และฉบับที่ 3 คือฉบับ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2489  ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 ที่ใช้อยู่ระหว่าง พ.ศ. 2475-2489 เป็นรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ระบอบคณาธิปไตยสืบทอดอำนาจโดยคณะราษฎร สาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญคณาธิปไตยสืบทอดอำนาจโดยคณะราษฎร ได้แก่

1. การเปิดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 มีสิทธิ์รับรองคณะรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1

2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 มีจำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 ที่มาจากการเลือกตั้ง

3. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี และมีวาระอยู่ยาวตราบที่ยังบังคับใช้บทเฉพาะกาลอยู่ 

4. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ชุดแรกที่แต่งตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2476 มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ที่มาจากการทำรัฐประหาร                                                           

5. คณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ที่มาจากการทำรัฐประหาร แต่งตั้งตัวเองและพวกพ้องซึ่งส่วนเป็นสมาชิกคณะราษฎรให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2

6. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 รับรองตัวเองให้เป็นคณะรัฐมนตรี

จาก 1-5 บรรดาสมาชิกคณะราษฎรต่างแต่งตั้งตัวเองกลับไปกลับมาหมุนเวียนกันเป็นคณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 เป็นระยะเวลาถึง 13 ปี จนมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นั่นคือ ฉบับที่ 3 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2489

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 นี้ แม้จะยกเลิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 และให้มีสมาชิกพฤฒสภาขึ้นแทน แต่ก็ยังกำหนดให้สมาชิกพฤฒสภามีสิทธิ์ในการรับรองคณะรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง  และแม้ว่าจะกำหนดให้สมาชิกพฤฒสภามาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 นี้ได้กำหนดไว้ว่า ในช่วงแรกให้สมาชิกพฤฒสภามาจากการเลือกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ทีนี้ เรามาดูกันว่า สมาชิกพฤฒสภาที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกขึ้นมาเป็นจำนวน 80 คนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นใครและพวกใครบ้าง   และทำไมคนในสมัยนั้นถึงเรียกพฤฒสภาว่าเป็น “สภาปรีดี”

พฤฒสภาเต็มไปด้วยคนของปรีดีจริงหรือ ?           

ในการตอบข้อสงสัยข้างต้น ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงภูมิหลังของสมาชิกพฤฒสภาทั้งหมด 80 ท่าน เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินข้อน้ำหนักความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการตั้งฉายา “พฤฒสภา” ว่าเป็น “สภาปรีดี” โดยไล่ไปตามลำดับตัวอักษร โดยตอนที่แล้วได้กล่าวถึงภูมิหลังของสมาชิกพฤฒสภาไปทั้งสิ้นจำนวน35 ท่านในทั้งหมด 80 ท่าน พบว่า มีสมาชิกที่จัดได้ว่าเป็นพวกปรีดี 15 ท่าน มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนปรีดี  4 ท่าน ไม่ใช่พวกปรีดี 5 ท่าน ไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นฝ่ายใดแน่ 11 ท่าน

ต่อไปคือ  หลวงชำนาญนิติเกษตร์  (อุทัย  แสงมณี)

หลวงชำนาญนิติเกษตร์ (อุทัย แสงมณี) เป็นสมาชิกคณะราษฎร สายพลเรือน และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวและเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีครั้งแรก (รัฐมนตรีลอย) ในปี พ.ศ. 2481 โดยมีพันเอกหลวงพิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อมาวันที่ 20 มีนาคม 2484 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2484      พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุตะรรมเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเศรษฐกิจ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485     เป็นรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตราธิการ   ในคณะรัฐมนตรี คณะที่ 10 เดือนมีนาคม 2485  ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตราธิการภายใต้จอมพล แปลก พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ   ต่อมาในคณะรัฐมนตรี คณะที่ 15 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2489 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมภายใต้นายปรีดี พนมยงค์ เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง       และในเดือนพฤษภาคม ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกพฤฒสภา และไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆ จนเกิดรัฐประหารวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 จากนั้น ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอะไรจนปี พ.ศ. 2494 หลังรัฐประหารเดือนพฤศจิกายนที่จอมพล ป. พิบูลสงครามทำรัฐประหารตัวเอง  คุณอุทัย แสงมณี (หลวงชำนาญนิติเกษตร์)   ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2

ในคำให้การของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าจึงว่าเมื่อกองทัพต้องการอย่างนั้นก็ตามใจ ผลสุดท้ายก็จึงแต่งตั้งให้จอมพล ป.ฯ เป็นจอมพล ให้สายสพายนพรัตน์ตามที่กองทัพต้องการ การใช้อำนาจกองทัพมาขู่ข้าพเจ้านี้ใช้บ่อยเหลือเกิน เช่น เมื่อคราวจะให้พระยาพหลฯ ออกจากนายกรัฐมนตรีเพื่อแต่งตั้งหลวงพิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนั้น (พ.ศ. 2481/ผู้เขียน)  ก็มีหลวงพรหมโยธี ขุนนิรันดรชัย ขุนปลดปรปักษ์ หลวงสังวรยุทธกิจ หลวงกาจสงคราม นายอุทัย แสงมณี ไปหาข้าพเจ้าในเวลาค่ำคืน หลวงพรหมฯ เป็นคนพูดว่า ถ้าไม่เอาพระยาพหลฯ ออกเพื่อตั้งหลวงพิบูลฯ เป็นนายกแล้ว จะเกิดยุ่งกันใหญ่อาจถึงกูเดตา คนอื่นๆ ไม่มีใครพูดอะไร นอกจากหลวงกาจฯ พยักหน้าและว่า ถ้าจะเกิดเรื่องใหญ่”  [1]  จากข้อความนี้ ผู้เขียนสันนิษฐานว่า คุณอุทัย แสงมณีไม่น่าจะถึงกับเป็นพวกปรีดี พนมยงค์ แม้ว่าต่อมาเขาจะได้เป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี คณะที่ 15 ที่มีปรีดีเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่ไม่อาจกล่าวได้ด้วยว่าเป็นพวกจอมพล ป. พิบูลสงคราม เพราะหลังจากรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ท่านก็ไม่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใดๆจนกระทั่งหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2494  และท่านก็ได้ลาออกเมื่อวันที่  1 มิถุนายน พ.ศ. 2496  ผู้เขียนเห็นว่า ไม่สามารถจัดท่านได้ว่าเป็นฝ่ายใดแน่ชัดได้

สรุปผลล่าสุด คือ

สมาชิกพฤฒสภา

ปรีดี

ไม่ใช่พวกปรีดี

  แนวโน้มสนับสนุนปรีดี

ไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นฝ่ายใด

ม.ล. กรี  เดชาติวงศ์

   +

 

 

 

ร.อ. กำลาภ  กาญจนสกุล ร.น.

   +

 

 

 

พ.ท.  ก้าน  จำนงภูมิเวท 

 

   +

 

 

แก้ว  สิงหะคเชนทร์

 

 

 

     +

หลวงกาจสงคราม

 

   +

 

 

พลเรือตรี กระแส  ประวาหะนาวิน  สรยุทธเสนี

 

 

 

+

 

พลโท หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต

 

  +

 

 

เขียน  กาญจพันธุ์ 

 

 

 

     +

พลโท จิระ  วิชิตสงคราม

 

 

 

     +

จรูญ สืบแสง

    +

 

 

 

จิตตะเสน ปัญจะ

 

  +

 

 

พันโท เจือ  สฤษฎิ์ราชโยธิน 

 

 

 

     +

จำรัส สุวรรณชีพ

   +

 

 

 

จินดา จินตนเสรี

   +

 

 

 

จำลอง ดาวเรือง

   +

 

 

 

หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล  เสรีเริงฤทธิ์) 

 

   +

 

 

ไต๋ ปาณิกบุตร

   

 

+

 

ถวิล อุดล

   +

 

 

 

ทัน พรหมิทธิกุล

   +

 

 

 

พระยานลราชสุวัจน์  (ทองดี  นลราชสุวัจน์) 

 

 

 

       +

พระนิติการณ์ประสม  (สงวน  ชัยเฉนียน)

 

 

 

      +

ปพาฬ  บุญ-หลง

   +

 

 

 

หลวงประสิทธิ์นรกรรม (เจี่ยน  หงสประภาส)

   +

 

 

 

ประทุม  รมยานนท์

 

 

+

 

พันตำรวจเอก พระพิจารณ์พลกิจ

   +

 

 

 

พึ่ง ศรีจันทร์

   +

 

 

 

มิ่ง  เลาห์เรณู

   +

 

 

 

สุกิจ นิมมานเหมินท์

 

 

 

       +

ไสว อินทรประชา

 

 

 

       +

พันโท พระอภัยพลรบ  (ชลอ  อินทรัมพรรย์)

   +

 

 

 

หลวงอรรถกัลยาณวินิจ  (เอื้อน  ยุกตะนันทน์)

 

 

 

     +

อรุณ  แสงสว่างวัฒนะ

 

 

 

    +

    เฉลียว ปทุมรส

   +

 

 

 

   หลวงขาญสงคราม

 

 

 

      +

พันเอก ช่วง  เชวงศักดิ์สงคราม   

 

 

+

 

หลวงชำนาญนิติเกษตร์  (อุทัย  แสงมณี)  

 

 

 

       +

จากที่ศึกษาภูมิหลังสมาชิกพฤฒสภาไปทั้งสิ้น 36 ท่านในทั้งหมด 80 ท่าน พบว่า มีสมาชิกที่จัดได้ว่าเป็นพวกปรีดี 15 ท่าน มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนปรีดี  4 ท่าน ไม่ใช่พวกปรีดี 5 ท่าน ไม่สามารถจัดได้ว่าเป็นฝ่ายใดแน่ 12 ท่าน


[1] คำให้การของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, สถาบันปรีดี พนมยงค์  https://pridi.or.th/th/content/2021/11/883

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้