
ไชยันต์ ไชยพร
#6ตุลาบุคคลในรูป
“ทุกเรื่องที่ผมพูด ไม่เคยมีใครเปิดเผยความจริง อนาคต ตำรวจกับรัฐบาลจะผิด คนในเหตุการณ์ตายไปหมด”
จากส่วนหนึ่งของคำสัมภาษณ์ อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจรถวิทยุสายตรวจนครบาล ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519
(สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อวันที่พุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2568)

(ตอนที่ 1)
เริ่มต้นจากหนังสือที่อยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจสองท่าน “ในภาพ หนังสือที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงเป็นหลักฐาน มี 2 เล่ม คือ
1.หนังสือที่หน้าปกเป็นรูปคน หนังสือเล่มนี้ชื่อ “ด้วยเลือดและชีวิต: รวมเรื่องสั้นเวียตนาม“ โดย จิตร ภูมิศักดิ์
"ด้วยเลือดและชีวิต" เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นเวียดนามที่แปลโดย จิตร ภูมิศักดิ์ โดยเป็นการแปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ "The One-Eyed Elephant and the Elephant Genie" เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้ของคนเวียดนาม หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ศรีปัญญา และได้รับความสนใจในฐานะผลงานการแปลของจิตร ภูมิศักดิ์
2.หนังสือที่หน้าปกมีรูปดาว เป็นหนังสือ “คติพจน์ ประธานเหมา เจ๋อ ตุง”
หลังจากที่ผมได้โพสต์ภาพข้างล่างนี้ และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในภาพหรือผู้ที่รู้จักเจ้าหน้าที่ตำรวจในภาพช่วยติดต่อมา เพราะผมอยากจะสัมภาษณ์
ปรากฏว่า มีอดีตตำรวจท่านหนึ่งได้กรุณาทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ของท่านไว้ในคอมเมนต์ และหลังจาก ที่ผมได้ติดต่อกับท่านแล้ว ทราบว่า ท่านทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งในภาพอยู่ที่ไหน และจะ ติดต่อได้อย่างไร
จากนั้น ท่านก็แจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งในภาพ ต้องขอขอบพระคุณท่าน มา ณ ทีนี้ด้วยครับ
หลังจากได้คุยเบื้องต้นทางโทรศัพท์ ทราบว่า ขณะนี้ ท่านอายุ 70 ปี และในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ใน เดือนตุลาคม 2519 ท่านประจำหน่วยรถวิทยุสายตรวจนครบาล (ตัวย่อ คือ วสน ซึ่งต่อมาได้เลิกไป และมี 191 ขึ้นมาแทน) ผมได้คุยกับท่านอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง และเรียนท่านไปว่า คงจะต้องไปขอ พบท่านในภายหลัง ขณะนี้ท่านอยู่ต่างจังหวัด
------------------
หนึ่งในคำถามต่อในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงต้อง ให้ผู้หญิงในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถอดเสื้อด้วย ?
จากที่คุยกันเบื้องต้น มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ ขอนำเสนอประเด็นแรก คือ เรื่องการให้ผู้หญิงใน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถอดเสื้อ
เหตุที่ต้องให้ทำเช่นนั้น เพราะในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจอาคารต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย มี ผู้หญิงคนหนึ่งได้ควักมีดออกมาจากเสื้อในและจ้วงแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ
จากนั้น จึงเป็นที่มาของการสั่งให้ผู้หญิงต้องถอดเสื้อด้วย นอกเหนือจากที่ให้ผู้ชายถอดและนอนหมอบกับพื้น
นอกจากมีดแล้ว ยังพบอาวุธปืนขนาดเล็กที่ซ่อนไว้ในเสื้อในด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนั้นได้กล่าวว่า การที่ต้องให้ผู้หญิงถอดเสื้อนั้น เป็นเพราะ ตามประมวล วิ อาญา ในการจับกุมตัว ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชายค้นตัวผู้หญิง ท่านไม่ได้บอกไว้ว่า มาตราอะไร และผมก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีกฎหมายข้อห้ามดังกล่าว (ต้องขอบพระคุณท่านที่ให้สัมภาษณ์มา ณ ทีนี้ด้วยครับ ท่านบอกด้วยว่า ไม่เคยมีใครมาขอสัมภาษณ์ ท่านมาก่อน)
--------------
ผมได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังรับราชการอยู่ ได้ความเช่นเดียวกันกับที่ท่านได้กล่าวไว้ จึงขอ นำเสนอ เพื่อเป็นความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ตาม ประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 58 ที่ประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ. 2477 มีความ ดังนี้ “มาตรา 85 เจ้าพนักงานผู้จับหรือรับตัวผู้ถูกจับไว้ มีอำนาจค้นตัวผู้ต้องหา และยึดสิ่งของ ต่างๆ ที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้
การค้นนั้นจักต้องทำโดยสุภาพ ถ้าค้นผู้หญิงต้องให้หญิงอื่นเป็นผู้ค้น สิ่งของใดที่ยึดไว้เจ้าพนักงานมีอำนาจยึดไว้จนกว่าคดีถึงที่สุด เมื่อเสร็จแล้วก็ให้คืนแก่ผู้ต้องหาหรือแก่ผู้อื่น ซึ่งมีสิทธิเรียกร้องขอคืนสิ่งของนั้น เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น”
--------
ส่วนมาตรา 132 ในประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา ที่มีเนื้อหาคล้ายกันนั้น เป็นเรื่อง เกี่ยวกับการสอบสวน และประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยมาตรา 132 กล่าวว่า “เพื่อประโยชน์แห่งการรวบรวมหลักฐาน ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจ ดังต่อไปนี้ (1) ………………………
ในการตรวจตัวผู้เสียหายหรือผู้ต้องหาตามวรรคหนึ่ง หากผู้เสียหายหรือผู้ต้องหาเป็นหญิง ให้จัดให้เจ้าพนักงานซึ่งเป็นหญิงหรือหญิงอื่นเป็นผู้ตรวจ…...”
-----------
คำถามต่อมา คือ
ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงต้องให้ผู้คนที่ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นอนคว่ำหน้ากับพื้น ?
เพราะมีผู้สงสัยว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องออกคำสั่งเช่นนั้น ดูเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมที่จะ กระทำต่อมนุษย์ด้วยกัน หรือคนไทยด้วยกัน
…….
ผมได้ไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในสถานการณ์แบบนั้น ได้ความมาดังนี้ครับ เป็นหลักสากลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้บุคคลในฝูงชนนอนคว่ำหน้า เพื่อความปลอดภัย โดยการลด ความเสี่ยงของการถูกโจมตี และทำให้บุคคลนั้นหลบหนีหรือต่อต้านได้ยาก และทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถรักษาการควบคุมในสถานการณ์ที่อาจผันผวน การให้บุคคลนอนคว่ำทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใส่กุญแจมือ ค้นหา และรักษาความปลอดภัยได้ง่ายขึ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ๆ สามารถจัดการกับฝูงชนจำนวนมากหรือดำเนินการสอบสวนต่อไปได้
-------------------
(ตอนที่ 2)
เพิ่มเติมจากข้างต้น ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์มีดังนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจในภาพ ขณะนั้นอายุ 20 ปี เป็นคนเมืองนนท์ คำว่าคนเมืองนนท์ หมายถึงคนที่อยู่นนทบุรีมาดั้งเดิม ไม่ใช่เพิ่งย้ายมาอยู่ รับ ราชการตำรวจมาได้ 3 ปี อายุ 20 เป็นเจ้าหน้าที่ตำวจรถวิทยุสายตรวจนครบาลทำหน้าที่หน่วยบริการ ปราบจลาจล ก่อนหน้าที่จะมาเป็นตำรวจ สมัยเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม ได้เข้าร่วมในการชุมนุมด้วย อยู่ในกลุ่มที่มีชื่อว่า กลุ่มกระยางขาว มีการเผากองบัญชาการตำรวจนครบาล แกนนำนิสิตนักศึกษาขณะนั้น ได้แก่ พี่ธีรยุทธ พี่เสกสรร จำได้ว่า ตอนนั้น พลตำรวจโท มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลุยนักศึกษา เพราะนักศึกษา เคลื่อนตัวไปใกล้วังสวนจิตรลา ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า ทำไมนักศึกษาถึงเคลื่อนตัวไปทางวังสวนจิตรฯ ในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 มีรุ่นน้องที่อยู่ ม.ศ. 3 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิตไปคนหนึ่ง
หลังจากที่ตนเข้ารับราชการตำรวจและต้องมาปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ใน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตนจึงเป็นคนที่อยู่ในสองเหตุการณ์ เหตุการณ์แรก ตนอยู่ฝ่ายนักศึกษา เหตุการณ์ที่สอง ตนเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลยมีความเข้าใจ และคิดว่าเป็นกรรม ปี 2519 โดนตี คืน
ตนอยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ตั้งแต่เริ่มยิ่งกัน 2 วัน ตอนนั้น มีการประกาศให้นักศึกษาสลายการชุมนุม แต่ไม่สลาย เพราะแกนนำนักศึกษาไม่สลาย มีลูกเสือชาวบ้านมา ช่วงแรก นักศึกษาปิดประตู ไม่ให้เข้า ลูกเสือชาวบ้านยึดรถเมลย์พยายามจะพังประตูเข้าไป ด้านวัดมหาธาตุ มั่วกันไปหมด
ก่อนที่ตนจะเข้าไปในมหาวิทยาลัย มีปืนยิงสวนออกมาจากมหาวิทยาลัย เมื่อเข้าไป ไปอยู่ตรงหอ บริเวณหอประชุม มีการยิงกันไปกันมา มีตำรวจอยู่ข้างหน้าโดนยิง นักข่าวอยู่ข้างหลัง โดนยิงคอทะลุ เอาตนเป็นโล่ ตำรวจข้างหน้าโดนยิงล้ม แต่ข่าวกลับออกว่า ไม่มีการยิงกัน เวลาแถลงข่าว รัฐบาล บอกไม่มีเหตุ ปิดข่าว ลูกเสือชาวบ้านโดยยิง โดยยิงมาจาจากตึกสังคม ท่าน้ำ ท่าพระจันทร์ นักข่าว โดนยิงคอ ตำรวจท้องที่คือ สน. ชนะสงครามถูกยิง ตำรวจนครบาลเอาไม่อยู่ ฝ่ายที่ยิงออกมา มีอาวุธ ยิงใส่กับตำรวจ
ตอนหลังจึงต้องขอกำลังจากตำรวจตระเวน (ตชด) จากค่าย นเรศวร จังหวัดเพชรบุรี ที่ทำหน้าที่ ปราบคอมมิวนิสต์อยู่ที่ป่าละอู จังหวัด ยกกำลังมา 1 หมวด เดินเข้ามา ตำรวจโดนยิงร่วงเป็น 10 คน เพราะตอนแรกทราบมาว่า ไม่มีการยิงจากฝ่ายนักศึกษา เลยไม่ได้เอาแม็กกาซีนเสียบปืน ตอน หลังเลยต้องใส่แม็ก
------------
(ตอนที่ 3)
ต่อจากข้างต้น ผมได้ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนั้นว่า ทราบไหมว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ได้ คำตอบว่า “ใครยิงก่อนไม่รู้ แต่มียิงมาจากตึกสังคม ตำรวจข้างๆ โดนยิงบาดเจ็บ เราแคล้วคลาด” หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิง จึงได้มีการเอาแม็กกาซีนเสียบปืน และมีการจ่ายอาวุธปืนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เอาปืน ปรส ยิงไปบริเวณที่มีการยิงออกมาใส่ตำรวจ
(ปืน ปรส คือ ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง มีชื่อและตัวย่อภาษาอังกฤษว่า Recoilless Rifle หรือ Recoilless Gun (RCL) เป็นอาวุธต่อสู้รถถังมีความมุ่งหมายทางยุทธวิธี 2 ประการคือ ภารกิจหลักใช้ ยิงต่อสู้รถถัง ส่วนภารกิจรองใช้ยิงสังหารบุคคลและทำลายสิ่งกำบัง จัดเป็นอาวุธวิถีราบลำกล้องเรียบ ทำการเล็งด้วยวิธีการเล็งตรง)

ตัวอย่าง ปืน ปรส ปืนในภาพนี้ เป็น ปรส. ขนาด 84 มม. (Carl Gustaf M3 Recoilless Rifle) ผลิต โดย SAAB สวีเดน (Thai Army - "ปืนโบราณ ? ปรส.ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง :... | Facebook)
จากคำอธิบายของ Thai Army - "ปืนโบราณ ? ปรส.ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง :... | Facebook
ปรส เป็นอาวุธต่อสู้รถถังมีความมุ่งหมายทางยุทธวิธี 2 ประการคือ ภารกิจหลักใช้ยิงต่อสู้รถถัง ส่วน ภารกิจรองใช้ยิงสังหารบุคคลและทำลายสิ่งกำบัง จัดเป็นอาวุธวิถีราบลำกล้องเรียบ ทำการเล็งด้วย วิธีการเล็งตรง มีการใช้งานมาอย่างยาวนาน และถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องหลากหลายขนาด ตั้งแต่ ขนาดลำกล้อง 57 มม. , 75 มม. , 84 มม. , 106 มม. เป็นอาวุธยิงสนับสนุนของทหารราบในการ ดำเนินกลยุทธ์
มีกระสุนหลายชนิดให้ใช้งาน เช่น High Explosive (HE) กระสุนระเบิดแรงสูงสังหารบุคคล, High Explosive Anti Tank (HEAT) กระสุนระเบิดแรงสูงต่อสู้รถถัง และ High Explosive Dual Purpose (HEDP) กระสุนระเบิดแรงสูง
----------
คำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนี้ที่ว่า มีการใช้ปืน ปรส ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธร้ายแรง แม้ว่าจะ ใช้ในภารกิจที่สองตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น นั่นคือ “ภารกิจรองใช้ยิงสังหารบุคคลและทำลายสิ่งกำบัง” สอดคล้องกับข้อมูลที่ปรากฏมาก่อนหน้าการสัมภาษณ์นี้ เช่น ในบทความ “6 อาวุธ ที่รัฐยังคงใช้กับ
ประชาชน จาก 6 ตุลา 19 ถึง 6 ตุลา 66” (https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/103811) ที่กล่าวว่า “การยิงจากอาวุธ นานาชนิดจากทางด้านหน้าหอประชุมใหญ่ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ” ปืน ปรส จึงเป็นหนึ่งใน อาวุธนานาชนิดที่ยิงมาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่
และสอดคล้องต้องกันกับบทความ “'บันทึก 6 ตุลา' เปิดคำให้การ 'ตำรวจพลร่ม' ชี้เป็นปฏิบัติการ สงครามลับ บอกระดับความโหดฝ่ายขวา” ที่มีข้อความว่า “บันทึก 6 ตุลา' เปิดคำให้การตำรวจพลร่ม และพยานฝ่ายโจทก์ในคดี ระบุอาวุธที่ขนมาที่ธรรมศาสตร์ ได้แก่ เอ็ม 16 เอ็ชเค.33 เครื่องยิง ระเบิด M79 และปืน ปรส.” (https://prachatai.com/journal/2018/05/76938)
---------------
หลังจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิง ปืน ปรส แล้ว การยิงออกมาจากฝ่ายบุคคลในมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ได้เงียบไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปตรวจในตึกคณะนิติศาสตร์ มีบุคคลสองคนที่หลบอยู่ในตึก ได้ใช้อาวุธมีดโดนเข้ามาฟันเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ติดหมวกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสวมอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นได้ล้มลง ตนจึงเอาปลายปืนกระแทกบุคคลนั้น มีการต่อสู้กัน และในที่สุดได้ลากตัวบุคคลนั้นออกมา และได้มีการวิทยุแจ้งไปยังกองบัญชาการร่วมว่าได้ จับนักศึกษาที่มีอาวุธและใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้สัมภาษณ์เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ วสน (รถวิทยุสายตรวจนครบาล) มีฉายาใน วสน ว่า “ชาโด้”
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อภิสิทธิ์' ลั่นต่อสู้ให้การเมืองกลับมาเป็นเรื่องความนิยมอุดมการณ์-นโยบายตัวบุคคล
หัวหน้าปชป. ไม่หวั่น อดีต สส. แห่ย้ายพรรค พร้อมส่ง สส.ชน ย้ำไม่มีใครผูกขาดคะแนนเสียง บอกหากวันเลือกตั้งต้องขยับ เนื่องจากเหตุสุดวิสัยเป็นเรื่องเข้าใจได้
ภูมิใจไทยปลุกพลังผู้สมัครสส. ชูสโลแกน 'พูดแล้วทำพลัส' ตั้งเป้าเกิน 200 ที่นั่ง!
แกนนำภูมิใจไทยกำชับว่าที่ผู้สมัคร สส.เดินเกมเลือกตั้งตามกติกา กกต. ชูผลงานรัฐบาลเป็นจุดขาย พร้อมปลุกใจหากทุ่มเทเต็มที่ มีลุ้นกวาดเกิน 200 ที่นั่ง มองสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามีแนวโน้มคลี่คลายก่อนปีใหม่
เพื่อไทย ชูเครือญาติ 'ชินวัตร' นั่งแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1
"เพื่อไทย ชู "ยศชนัน" นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ชี้ไม่เป็นปัญหาถูกมองหนีไม่พ้นตระกูลชินวัตร ลั่นเป็นโอกาส-จุดเด่น รับเป็นหน้าใหม่การเมือง เชื่อเวลา 2 เดือน ชนะใจปชช.ได้ พร้อมยัน ไม่ถูกครอบงำจาก “เยาวภา” ด้าน “สุริยะ” ยังมั่นใจ ถึงเป้า 200 ที่นั่ง ขณะที่ “จุลพันธ์” ประกาศพร้อมฝ่าด่านอำนาจรัฐ กระสุน กระแสชาตินิยม สู่ชัยชนะด้วยนโยบาย
ปชป. ชู 3 แกนหลัก การเมืองสุจริต ความเป็นมืออาชีพ ไว้วางใจได้ไม่มีดีลลับ
ปชป. ประกาศเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ ชู 3 แกนหลัก สุจริต-มืออาชีพ-ไว้วางใจ พร้อมสะท้อนปัญหาหาดใหญ่ถึงรัฐบาล
🛑LIVE ดับฝัน..วันไร้นาย สังเวียนนี้ไม่มี..แลนด์สไลด์ | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เอาแล้ว! นักวิชาการหนุนพรรคประชาชน ยก 2 เหตุผล จี้ ‘เท้ง’ ไขก๊อกพ้นหัวหน้าพรรค
“ไชยันต์ รัชชกูล” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งแสดงตัวเป็นผู้สนับสนุนพรรค

