คงต้องยอมรับว่า “สมูทอี” เป็น Medical Skincare หรือแบรนด์เวชสำอางที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทยมากว่า 30 ปี โดยผลิตภัณฑ์สมูทอีวางจำหน่ายในเมืองไทยเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1991
หรือกว่า 33 ปีมาแล้ว ซึ่งมีนวัตกรรมที่ช่วยให้ผิวคนไทยสวยสุขภาพดีอย่างแท้จริง เช่น โฟมไม่มีฟอง ครีมลดรอยแผลเป็น กันแดดไร้เคมี แน่นอนว่าแบรนด์เข้าใจดีว่าความต้องการของผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สมูทอีจึงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ
นายธนชัย ชัยกิตติวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมูทอี บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ระบุว่า จากการสำรวจทัศนคติและการใช้งานสกินแคร์ของผู้บริโภคชาวไทย พบว่า ผู้บริโภคไทยกว่า 40% มีผิวที่บอบบาง ดังนั้นผู้บริโภคไม่ได้มีความต้องการแค่ผลิตภัณฑ์ที่บรรเทาอาการแพ้ แต่ยังต้องการมีผิวสวยสุขภาพดีอย่างแท้จริง นอกจากนี้เทรนด์การใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ตลอดจนการแชร์ความรู้โดยแพทย์ผิวหนังและคลินิกเสริมความงามมีการเติบโตสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้สมูทอีเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่ง สร้างความคึกคักให้กับตลาดผลิตภัณฑ์เวชสำอางหรือเดอร์มาสกินแคร์ในประเทศไทย ที่มีมูลค่า 15,522 ล้านบาท และเติบโต 15% ในปีที่แล้ว
นายธนชัยกล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 200 ล้านบาทเดินหน้า 3 กลยุทธ์หลักรุกตลาดเวชสำอาง โดยกลยุทธ์แรกเรามุ่งเปิดตัวจุดยืนใหม่ “อ่อนโยน...มีประสิทธิภาพเห็นผล” ด้วยการนำเอาความเชี่ยวชาญของสมูทอีกว่า 30 ปีมาสร้างสรรค์นวัตกรรมสกินแคร์ที่เป็น The Right Solutions อ่อนโยนแต่เห็นผลจริง พิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคไทยที่มีผิวบอบบางทุกเจนอย่างลงตัว
เภสัชกรศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า “เนื่องจากเทรนด์ในการดูแลผิวที่เรียกว่า เอสเซนเชียลแคร์เป็นการดูแลที่มุ่งเน้นจุดที่สำคัญ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลผิว สมูทอีจึงเร่งเครื่องกลยุทธ์ที่ 2 นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อผิวบอบบางครบจบใน 3 สเต็ป ล้าง บำรุง และปกป้อง ภายใต้แนวคิด ‘อ่อนโยนมีประสิทธิภาพ…เห็นผล’ เพื่อผิวสวยสุขภาพดี โดยได้เปิดตัวนวัตกรรมตัวแรก สมูทอี ซัน แอสตาแซนธิน นวัตกรรมเซรั่มกันแดดเจนใหม่ บางเบา ล็อกผิวเด็ก มีส่วนผสมของแอสตาแซนธินครั้งแรกในประเทศไทย”
นอกจากการเปิดตัวสมูทอี ซัน แอสตาแซนธินนี้ สมูทอียังมุ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์เอสเซนเชียลแคร์ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ยังมีแผนขนทัพนวัตกรรมสมูทอี นัน ไอออนนิก พีเอช ไฟว์ นิวเจน โฟมล้างหน้าสูตรไม่มีฟองใหม่ พร้อมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งตอบสนองเทรนด์ของผู้บริโภคที่นิยมใช้เซรั่มเพื่อเร่งผลลัพธ์ให้ผิวสุขภาพดี สมูทอีจึงได้เปิดตัวสมูทอี คลินิกคัล เซรั่ม ตอกย้ำจุดยืน “อ่อนโยน...มีประสิทธิภาพเห็นผล” นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์สมูทอีทั้ง 3 กลุ่มยังเป็นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% ตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืนของสมูทอี
เภสัชกรศุภาพิชญ์ กล่าวเสริมว่า สมูทอีมุ่งเดินหน้ากลยุทธ์ที่ 3 สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค ด้วยการเชิญ “หลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง” และ “ออม กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์” สองนักแสดงสาวดาวรุ่งมาเป็นนิวเฟซ ออฟ สมูทอี เนื่องจากหลิงเป็นคนที่มีเสน่ห์และมั่นใจ ส่วนออมก็มีความอ่อนโยนและสนุกสนาน หลิง-ออมจึงเป็นคู่ดาราที่สะท้อนจุดยืน “อ่อนโยน...มีประสิทธิภาพเห็นผล” ของสมูทอีได้อย่างลงตัว รวมถึงการทำจัดกิจกรรม Mobile Clinic ตรวจสภาพผิวและให้คำแนะนำในการดูแลผิวแก่ผู้บริโภคทั่วประเทศ เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น สมูทอีกำลังทำโปรเจกต์พิเศษร่วมกับแพทย์ผิวหนังระดับประเทศในการเปิดคลินิกความงามสมูทอี ที่พิเศษกว่าคลินิกอื่นๆ แน่นอน ซึ่งจะมีอัปเดตในเร็วๆ นี้
นายธนชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความท้าทายในตอนนี้คือ การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของเวชสำอางที่อยู่ในใจคน เวลาคนนึกถึงมันเป็นความท้าทายมากๆ เพราะว่าเราจะนึกถึงอะไรอันดับหนึ่ง เหมือนเรานึกถึงไอโฟน อย่างพวกโมบายโฟนก็จะนึกถึง Apple นี่ก็เป็นความท้าทายมากที่เราจะทำ แต่ว่าก็มั่นใจในกลยุทธ์ที่เราทำ ‘อ่อนโยน...มีประสิทธิภาพเห็นผล’ อันนี้ก็ตรงกับความต้องการลูกค้า และก็มีนวัตกรรมที่ทำงานร่วมกันกับหมอ และมีคุณหลิงหลิง คุณออม ซึ่งเป็นแอมบาสเดอร์ที่ใช้สินค้าเราจริง และชอบในสินค้าเรา ก็ช่วยสอดประสานให้กลยุทธ์มันเป็นจริงได้”
“แน่นอนว่าวิธีการทำงาน การตลาด มันเปลี่ยนไป สมัยก่อนเรายิงในทีวีก็จบแล้ว แต่ตอนนี้เราต้องสื่อสารกับผู้บริโภคเกือบทุกเดือน และคอนเทนต์เราต้องคอยอัปเดตและมีคุณค่ากับผู้บริโภค อีกส่วนหนึ่งคือ เมื่อเราเริ่มทำงานกับคุณหลิง-ออม เราก็ได้แฟนๆ ของพวกเขา เราก็ต้องดูแลแฟนคลับ และหากิจกรรมที่ทำร่วมกับเขาให้แบรนด์เราเข้าไปอยู่ในใจจริงๆ และสุดท้ายคติในการทำงานคือ Make impossible, Possible ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เป็นความเชื่อมาตั้งแต่อดีต อะไรที่ยากก็ชอบที่จะเข้าไปทำ”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจ‘ปัฐตพงษ์ บุญแก้ว’วิศวกรสร้างทางคู่ สุดหินสายเหนือสร้างอุโมงค์เจาะภูเขาฝ่าภัยพิบัติและความเชื่อ
ท่ามกลางแนวเขาสลับซับซ้อนของพื้นที่ภาคเหนือ ที่ปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ช่วง “เด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ” กำลังค่อยๆ เผยให้เห็นภาพความคืบหน้างานก่อสร้าง คงต้องบอกว่า
โมเดลสร้างเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ‘นิลมังกร’ แปลงร่างคนตัวเล็กให้กลายเป็นฮีโร่ของเศรษฐกิจท้องถิ่นไทย
ในโลกธุรกิจระดับสากล องค์กรที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดมักถูกขนานนามว่า “ยูนิคอร์น” ซึ่งเน้นการเติบโตแบบทวีคูณ แต่สำหรับเมืองไทย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
เปิดแนวคิดปั้นแบรนด์‘bpositive’ลงสนามเฮลท์แคร์ไทย ธุรกิจขับเคลื่อนด้วยจุดมุ่งหมายและมอบพลังบวกแก่สังคม
ท่ามกลางการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดเฮลท์แคร์ไทย ตามความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ไม่ได้มองแค่การ “รักษา” แต่เปลี่ยนผ่านสู่การ
‘หงเปา(Hong Bao)’ขยับสเต็ปพลิกเกมสู่โอกาส! วัดใจเศรษฐกิจ:ปรับกลยุทธ์สู้ปัจจัยเสี่ยงไต่ระดับดาวเด่นภัตตาคารอาหารจีน
ในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนสูง ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องเร่งปรับตัว เช่นเดียวกับ ‘ธุรกิจภัตตาคาร-ร้านอาหารจีน’ เพื่อให้สามารถแข่งขันและรักษาฐานลูกค้าได้
แสตมป์‘ความทรงจำของชาติ’ เทิดพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ตราไปรษณียากรที่ออกในราชอาณาจักรไทยมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่แรกเริ่ม จากแสตมป์ชุดแรกของสยามคือ “ชุดโสฬส” ที่เชิญพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
‘ชุมพร’เมืองประตูสู่ภาคใต้ เสน่ห์แห่งทะเลและไลฟ์สไตล์ชุมชนจุดยุทธศาสตร์พลังงานภูมิภาค
“ชุมพร” ชื่อนี้อาจเป็นภาพจำของประตูสู่ภาคใต้ สำหรับนักเดินทาง แต่หากได้ลองแวะพักและสัมผัสอย่างลึกซึ้ง จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทยแห่งนี้จะเผยให้เห็นเสน่ห์ของวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ

