นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงต้องเตรียมบินไปวอชิงตันเดือนหน้าเพื่อจับไม้จับมือกับ โจ ไบเดน พร้อมกับผู้นำอาเซียนคนอื่นๆ แล้ว
เพราะสหรัฐฯ กับอาเซียนนัดหมายจะมีการประชุมสุดยอดกันที่ทำเนียบขาว 12-13 พฤษภาคมนี้แล้ว หลังจากที่มีการเลื่อนกันมาหลายรอบ
เป็นจังหวะที่สงครามยูเครนยังร้อนแรงอยู่...และเกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง
ครั้งนี้จะเป็นการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับผู้นำอาเซียนตัวเป็นๆ ไม่ใช่การพบปะกันทางออนไลน์เหมือนคราวก่อนๆ
และเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญในแง่ของยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศที่เห็นอเมริกากับยุโรปตะวันตกตีเส้นแบ่งกับรัสเซียและจีนกรณีสงครามยูเครนอย่างชัดเจน
และเป็นจังหวะที่อาเซียนเองก็ไม่ได้มีจุดยืนเป็นเอกภาพเกี่ยวกับสงครามยูเครน
เห็นได้ชัดว่าเวียดนามกับ สปป. ลาวมีความเกรงใจรัสเซียในกรณีนี้ไม่น้อย
ขณะที่สิงคโปร์แยกไปอีกทางหนึ่ง กระโดดเข้าข้างสหรัฐฯ และประณามรัสเซียอย่างไม่เกรงอกเกรงใจเช่นกัน
สมาชิกอาเซียนอื่นรวมทั้งไทยพยายามจะรักษา “จุดยืนเป็นกลาง” คือประณามสงคราม, เรียกร้องให้มีการหาทางออกผ่านการเจรจา, ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของยูเครน แต่ไม่ถึงกับประณามรัสเซีย
จึงน่าสนใจว่าเมื่อผู้นำอาเซียนเจอกับไบเดนจะมีการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้มากน้อยเพียงใด
หรือจะมีทางออกทางการทูตที่มีลักษณะบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นได้หรือไม่
ในเมื่อในสงครามยูเครนนั้นบัวก็ช้ำและน้ำก็ขุ่นคลั่กเต็มทีแล้ว
ทำเนียบขาวแถลงหมายนัดใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ 16 เม.ย. ด้วยการตอกย้ำว่าไบเดนให้ความสำคัญต่ออาเซียนอย่างสูง
เรียกมันว่าเป็น top priority หรือจัดลำดับความสำคัญให้ในระดับสูงสุดกันเลยทีเดียว
คงจำได้ว่าการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับอาเซียนนั้นมีการนัดครั้งก่อนวันที่ 28-29 มี.ค.
แต่ฝ่ายอาเซียนขอเลื่อน เพราะมีสมาชิกอาเซียนบางประเทศไม่สะดวกในช่วงเวลานั้น
และกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ก็ขอเลื่อนไปก่อน
นี่ถือเป็น “ซัมมิต” ที่จะเกิดขึ้นเป็นวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์สหรัฐ-อาเซียน
ต่อเนื่องจากการที่ไบเดนเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและชาติพันธมิตรผ่านระบบออนไลน์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ครั้งนั้นไบเดนประกาศมอบความช่วยเหลืออาเซียนมูลค่า 102 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,366 ล้านบาท ในการต่อสู้กับโควิด-19 และความมั่นคงทางสุขภาพ
รวมถึงใช้สำหรับการรับมือกับภาวะโลกร้อนและสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการสร้างความเท่าเทียมทางเพศ
“นี่เป็นความสำคัญสูงสุดสำหรับรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส ในการเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็ง และเชื่อถือได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” น.ส.เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวประกาศและย้ำว่า
“นี่คือการยืนยันในความปรารถนาที่จะปักหมุดต่อไปในคำมั่นของเราที่จะผลักดันอินโด-แปซิฟิกให้มีอิสระ เปิดกว้าง เชื่อมต่อ และยืดหยุ่น”
ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ ไบเดนเพิ่งพบกับหลี่ เสียนหลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เพื่อตอกย้ำว่าสิงคโปร์และชาติในฝั่งแปซิฟิกเป็นพันธมิตรอันดับต้นๆ ที่จะทำงานร่วมกับยุโรปและพันธมิตรอื่น ในการต่อต้านรัสเซีย กรณียกทัพบุกยูเครน
แต่ในการลงมติในสหประชาชาติ และการแถลงจุดยืนของแต่ละชาติสมาชิก 10 ประเทศของอาเซียน (บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม)
มีความเห็นต่างอย่างชัดเจนในการแสดงท่าทีต่อสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา หลังเหตุการณ์รัฐประหารโค่นอำนาจนางออง ซาน ซู จี เมื่อปีก่อน
อาเซียนบรรลุฉันทามติ 5 ข้อ เพื่อให้คณะรัฐประหารเมียนมาเปิดการเจรจาหาหนทางสันติกับฝ่ายต่อต้าน รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และยุติความรุนแรง
แต่รัฐบาลทหารเมียนมากลับเลื่อนการทำตามฉันทามติ อ้างว่าต้องให้ประเทศสงบก่อน หลังปราบปรามผู้ประท้วง และเผชิญหน้ากับฝ่ายต่อต้าน
ผู้แทนสหประชาชาติระบุว่า นี่เปรียบเสมือนเป็น “สงครามกลางเมือง” แล้ว
รัฐบาลทหารเมียนมาภายใต้การนำของมิน อ่องหล่าย ยังถูก “แสดงความรังเกียจ” โดยบางประเทศในอาเซียนอย่างชัดเจน
อาเซียนไม่ส่งเทียบเชิญนายทหารผู้ปกครองประเทศปัจจุบัน ในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ถือเป็นการฉีกแนวปฏิบัติปกติอาเซียนที่มีหลักการ “ไม่แทรกแซงกิจการภายในต่อกัน”
เดือนที่แล้วคุณดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ เคยบอกนักข่าวถึงเรื่องกำหนดการจัดประชุมสุดยอดสหรัฐอเมริกาและผู้นำอาเซียน สมัยพิเศษ ที่กรุงวอชิงตัน ที่เดิมเสนอเป็นในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
คุณดอนบอกว่างานนี้ถูกเลื่อนออกไป เพราะเป็นปัญหาของฝ่ายอาเซียนเอง
เหตุเป็นเพราะเกือบทุกประเทศสมาชิกติดภารกิจต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติ และทุกครั้งที่ผ่านมาเคยเป็นลักษณะนี้มาตลอด
ดังนั้นเราจึงต้องคอยติดตามดูว่าแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมสุดยอดนัดพิเศษที่ทำเนียบขาวครั้งนี้จะส่งสัญญาณไปทางไหน
อาเซียนจะถูกมองว่ากำลังถูกไบเดนกดดันหรือไม่
ผู้นำอาเซียนเองจะพูดจากันก่อนไปร่วมประชุมกับไบเดนให้มีท่าทีที่จะเป็นในแนวทางที่ยังแสดงถึงความเป็นปึกแผ่นเพียงใด
ล้วนเป็นประเด็นท้าทายและละเอียดอ่อนสำหรับไทยและอาเซียนยิ่งนัก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


