'น้ำมัน' กับข้อมูล 'แก้มึน'

ป่วยไป ๓ วัน

อ่านคอมเมนต์พบมีคนปันใจให้ว่า "หายไป เป็นห่วงนะ" ที่กะจะป่วยสำออยอีกซักหน่อย เลยต้องรีบหาย

อะไรมันจะ "ดีต่อใจ" เท่า "น้ำใจ" แห่งมิตรอารี

ในโลกนี้...ไม่มีแล้ว!

หลานปลื้ม "สุรบถ" หลีกภัย รีบส่งขนมจีบ-ซาลาเปามาโด๊ป พูดถึงก็นึกขึ้นได้ หลายวันก่อนคุณแม่ภักดิพรนำเงินมาฝากไปทำบุญ เมื่อรู้ว่าผมจะไปที่พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว ที่อุดรธานี

จัดการให้ตามจิตกุศลตั้งเรียบร้อยแล้ว ผมไปกราบรูปเคารพ "หลวงปู่ขาว อนาลโย" ที่อนุสรณ์สถาน วัดถ้ำกลองเพล หนองบัวลำภู ก็ได้นำใส่ตู้บริจาค บอกคุณแม่ ให้โปรดตั้งจิตอนุโมทนาด้วย

จะว่าไปแล้ว หลานผมเต็มบ้าน-เต็มเมืองจริงๆ นะ นอกจากหลานปลื้มแล้ว

ยังมี "หลานเมย์-หลานบิ๋ม-หลานวิน" กลับจากญี่ปุ่น มาสานธุรกิจครอบครัว "ศรีกิจพานิช"

ห่วงผมจะติดโควิด นำแอลกอฮอล์ที่พวกเขาผลิตและออกแบบพกพาได้เก๋ไก๋มาให้ฉีดมือ บอกว่าฉีดแล้วไม่ต้องล้างมือ เพราะผลิตจาก Alcohol Food Grade

ใช้ฉีด ถ้วย จาน ชาม ได้เลย มีกลิ่นหอมดอกไม้ไทยกลิ่นต่างๆ ให้เลือกตามชอบ

เห็นหลานๆ "เด็กรุ่นใหม่" แล้วก็ปลื้มแทนพ่อแม่ กลับมา ก็นำความรู้มาพัฒนาต่อยอดธุรกิจตระกูล

ลูกคนอื่น มีเงินจะซื้อรถ แต่หลานๆ "ศรีกิจพานิช" กลับซื้อควายไทยมาเลี้ยง ซื้อที่ข้างบ้านทำนาปลูกข้าวไรซ์เบอร์รีไว้แจก

บ้านพวกเธออยู่ริมแม่น้่ำนครไชยศรี เป็นทรงไทย จะมีชาวญี่ปุ่นมาแวะชม-แวะเยี่ยม ด้วยหลงเสน่ห์ธรรมชาติบ้านทรงไทยและวิถีไทยตลอดทั้งปี

แล้วยังมีหลานรุ่นใหญ่ "จ๊อบ-อิสรา สุนทรวัฒน์" ลูกชายคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ เจ้าตำรับ "ฟุด ฟิด ฟอ ไฟ" เพื่อนรักผมที่เสียชีวิตไปแล้ว

จ๊อบเกิดและโตในสหรัฐฯ ไม่นึกว่าจ๊อบจะทิ้งอเมริกามาเป็นคนไทย ๑๐๐% พูดไทยได้คล่อง เป็น ส.ส. ล่าสุดไปเป็นเลขาธิการสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ที่อินโดฯ

เห็นเพื่อนพ่อ คือผม........

ขาดนักเขียนที่ไทยโพสต์ เมื่อหมดวาระกลับมาไทย ก็มีน้ำใจช่วยมาเขียนคอลัมน์ "พูดจาภาษาโลก" โดย อิสรา  สุนทรวัฒน์ ให้ทุกอาทิตย์

"ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" อย่างนั้นจริงๆ แสงชัย พ่อของเขาว่าเอาภาษาฝรั่งมายำไทย "สไตล์ลูกทุ่ง" ได้เด็ดสะระตี่แล้ว

แต่จ๊อบ-ลูก "เด็ดกว่า" ในด้านลึกถึงรากและเนื้อหา จะว่ากันตรงๆ แสงชัย ไปอเมริกาตอนโต มันก็ฝรั่งเทียม แต่หลานจ๊อบเกิดที่นั่น เป็นอเมริกันชน จึงเข้าถึงต้น ราก แก่น กว่าพ่อ

ไม่ซื้อ-ไม่หา ไทยโพสต์ ก็ไม่ว่า....

แต่ถ้าอยากพิสูจน์ นอกจากที่เว็บไทยโพสต์แล้ว จะเข้าไปที่ [email protected] ก็ได้

เมื่อวาน นำเรื่องกำไร "โรงกลั่นน้ำมัน" ที่คนการเมืองนำความจริงครึ่งเดียวมาปั่นถึงขั้นว่า "คนไทยโดนปล้นค่าน้ำมัน"

แล้วคุณ "สมภพ พอดี" นำข้อเท็จจริงมาแยกธาตุให้เห็นครบด้าน ว่ามันมิใช่อย่างนั้นหรอก พ่อคุณ พ่อทูนหัว

คุณสมภพว่าพยายามทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องอ่านง่าย เพื่อเข้าใจง่ายๆ แล้ว แฟนๆ หลายท่านก็ยังบ่นว่า....มึนตึ้บ!

เข้าใจครับ เรื่องน้ำมัน มันซับซ้อนด้วยทุกศาสตร์ ไม่ง่ายเหมือนละเลงขนมเบื้องด้วยปาก หรือสร้าง "ความจริงเทียม" ให้คนหลงเชื่อ ด้วยเพทุบายศาสตร์

ฉะนั้น วันนี้ เอาใหม่ ก็เอามาจาก fb คุณ "สมภพ พอดี" นั่นแหละ เป็นบางตอนที่น่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่า ขออภัยคุณสมภพด้วย ที่นำมาโดยมิได้ขออนุญาตก่อน         

คือเมื่อ ๒๐ มิ.ย.๖๕ นายกรณ์ได้แถลงเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง

ตอนหนึ่งของการแถลง นายกรณ์ชี้แจงถึงที่มาค่าการกลั่นสูงถึง ๘.๕ บาท/ลิตร ว่าตัวเลขเป็นข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลจากเว็บไซต์ไทยออยล์ เว็บไซต์กระทรวงพลังงาน และอัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารแห่งประเทศไทย

ย้ำเป็นข้อมูลเชื่อถือได้....

แน่นอนว่าค่าการกลั่น ๘.๕ บาท/ลิตร เป็นตัวเลขสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่เป็นตัวเลขจริงที่อ้างอิง เมื่อ ๑๐ มิ.ย.ที่ผ่านมา

เพื่อส่งสัญญาณว่า ค่าการกลั่นเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่มีการอ้างว่า ค่าการกลั่นเฉลี่ย ๓ บาท/ลิตร เป็นตัวเลขเฉลี่ยช่วง ๕ เดือนแรก ซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว

ดังนั้น จะเอาค่าเฉลี่ยในอดีตมาอ้างเพื่อแก้ปัญหาไม่ได้  เพราะวันนี้ ค่าการกลั่นสูงขึ้นต่อเนื่อง

นี่เป็นข่าว ที่ THE STANDARD เผยแพร่ ก็มีผู้ใช้นามว่า "น้องปอสาม" คอมเมนต์ต่อท้ายไว้ดังนี้

---------------------

น้องปอสาม

ปัญหาคือ ประเด็นที่ 1 ข้อมูลที่คุณกรณ์นำเสนอเป็นการเลือกข้อมูลบางส่วนขึ้นมา เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด โดยค่าการกลั่นที่คุณกรณ์ยกมานั้น ไม่ใช่ค่าการกลั่น ที่โรงกลั่นได้รับ (Market GRM) และยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ

นอกจากนี้ ข้อมูลที่เลือกมาเป็นฐานในการเปรียบเทียบ เป็นข้อมูลในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 (63-64)  ซึ่งค่าการกลั่นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากๆ

เมื่อนำมาเปรียบเทียบ จะทำให้เข้าใจผิดว่าค่าการกลั่นในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นมากผิดปกติ

หากนำข้อมูลค่าการกลั่นที่โรงกลั่นได้รับจริง ในช่วงสถานการณ์ก่อนโควิด-19 ในปี 61-62 มาเปรียบเทียบ

พบว่า.........

ค่าการกลั่นที่โรงกลั่นได้รับในไตรมาสที่ 1 ปี 65 สูงขึ้นเพียงประมาณ 0.47 บาท/ลิตร จากช่วงสถานการณ์ปกติเท่านั้น ไม่ได้สูงถึง 10 เท่า และสูงถึง 8 บาท/ลิตร อย่างที่กล่าวอ้าง

ประเด็นที่ 2 ต้นทุนการกลั่นไม่ได้คงที่ แต่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น เช่น ค่าพรีเมียม ของน้ำมันดิบ (ราคาส่วนเพิ่มของน้ำมันดิบที่กลั่นเทียบกับราคาน้ำมันดิบอ้างอิง)

ค่าขนส่งน้ำมัน ค่าพลังงานที่ใช้ในการกลั่น เป็นต้น  รวมถึงค่าแรง ที่มีการปรับขึ้นอย่างเป็นประจำ และการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่มีความเข้มข้นมากขึ้น

เช่น การเปลี่ยนแปลงชนิดและมาตรฐานคุณภาพของน้ำมัน กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการปฏิบัติการในโรงกลั่น ความปลอดภัย เป็นต้น

ประเด็นที่ 3 โรงกลั่นไม่สามารถกำหนดค่าการกลั่นได้  เนื่องจากค่าการกลั่นเป็นผลลัพธ์จากราคาเฉลี่ยของน้ำมันที่ขายจริงทุกชนิดตามสัดส่วนการผลิต หักด้วยราคาน้ำมันดิบที่ซื้อจริง

ซึ่งรวมค่าพรีเมียมของน้ำมันดิบ และค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เช่น ค่าขนส่ง และค่าประกันภัย รวมถึงต้องหักค่าพลังงานที่ใช้ในการกลั่น

เช่น ค่าความร้อน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าสูญเสีย เป็นต้น โดยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง "ตามราคาน้ำมันในตลาดโลก"

ซึ่งขึ้นอยู่กับอุปสงค์-อุปทานของน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป รวมถึงสต๊อกน้ำมัน และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะนั้นๆ

หวังว่า เรื่องนี้สังคมจะเข้าใจมากขึ้นกับเรื่องนี้นะครับ

-------------------------

นอกจาก "น้องปอสาม" แล้ว ท้ายเรื่องคุณสมภพที่ผมนำลงเมื่อวาน "หลวงณก เอกชัย ช่วยบุญชู" คอมเมนต์ประเด็นที่คนไทย (บางคน) ชอบอ้าง (ซะจริงๆ) ซึ่งตรงใจผมมาก ดังนี้

...........................

หลวงณก เอกชัย ช่วยบุญชู

ทำไมมาเลเซีย บรูไน ใช้น้ำมันถูก

1) ข้อมูลจาก BP Statistical Review of  World Energy 2019 (ที่มา) ระบุว่าไทยสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เฉลี่ย 228,000 บาร์เรล/วัน

มาเลเซียสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ถึง 646,000  บาร์เรล/วันโดยเฉลี่ย มากกว่าไทยถึง 3 เท่า

ไทยใช้น้ำมันวันละ 1 ล้านบาร์เรล มาเลย์ใช้ 8 แสนบาร์เรล

ประชากรไทย 70 ล้าน มาเลย์ 32 ล้าน

ผลิตได้น้อยกว่า แต่มีคนใช้มากกว่า ราคามันจะเท่ากันได้ยังไง

2) มาเลเซีย ไม่ต้องจ่ายภาษี สำหรับประเทศไทย หลังจากนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศซึ่งมีต้นทุนสูงมาแล้ว  จะต้องนำมาบวกค่ากองทุน ค่าการตลาด และภาษีอีก 3  ส่วน คือ ภาษีสรรพสามิต, ภาษีเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่ม  (VAT)

ภาษีพวกนี้ ก็เอามาพัฒนาประเทศ เพราะคนไทยจ่ายภาษี 4 ล้านคน จาก 70 ล้านคน

3) มาเลเซียใช้น้ำมันเบนซิน 95 (Ron 95)  มาตรฐานยูโร 2 แต่ไทยใช้น้ำมันเบนซิน 95 มาตรฐานยูโร  4 ซึ่งมีคุณภาพดีกว่า ปล่อยมลพิษและฝุ่นละอองออกมาน้อยกว่า จึงเป็นมิตรต่อเครื่องยนต์และสิ่งแวดล้อม ทำให้ราคาหน้าโรงกลั่นและค่าการตลาดของเนื้อน้ำมัน มาตรฐานยูโร 4 สูงกว่ามาตรฐานยูโร 2

อยากได้มลภาวะหรือเปล่าล่ะ

สรุป คือ....เลิกบ้าตามนักการเมือง

ลิงหลับ

............................

เออออ...คนรู้จริงนี่ เขาเอาเรื่องจริงพูดให้เข้าใจได้ง่ายๆดีจังเลย ผมพลอยสบาย "ลอกเขากิน" มา ๒ วันติด เผลอๆ จะมีวันที่ ๓ ด้วยซ้ำ

ประเทศอื่น มีเงิน แพงขนาดไหนก็ซื้อได้ แต่กลับไม่มีน้ำมันให้ซื้อ ในยุโรป จะคุยกับแฟนไม่ต้องดับไฟ แต่ไฟดับเอง เพราะไม่มีน้ำมัน

ส่วนไทยเรา รัฐบาลบริหารปัญหา มีทั้งเงิน มีทั้งน้ำมันให้ซื้อ ไม่ขาดแคลน เพียงแพงหน่อย เปิดแอร์-เปิดไฟ-เปิดสภา ให้ ส.ส.มานั่งกระดิกตีนถ่มถุยได้ทุกวัน

ส่วนชาวบ้าน ก็บ่นไป แต่รถทุกชนิดวิ่งก่ายแน่นถนนกว่าตอนน้ำมันถูก

สุขสบาย-เอาแต่ได้จนเคยตัว ประเทศที่มีคน ๗๐ ล้าน  แต่เสียภาษีแค่ ๔ ล้านคน จึงตะโกนด่าทอรัฐบาล ว่าบริหารห่วย บริหารล้มเหลว กูต้องได้ใช้น้ำมันถูกๆ

ชาติหน้า...ถ้ามี ขอเกิดเป็นคนไทย

แต่ขออย่าให้มีไอ้คนประเภทนี้ได้มาเกิดร่วมชาติเลย!

วันเสารที่ปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พรพระ-พรนักโทษ'

หมู่นี้..... "คนห่มเหลือง" ประพฤติผิดพระวินัยสงฆ์ ต้อง "อาบัติปาราชิก" ข้อ "เสพเมถุน" ถี่มาก!

เศรษฐา "นายกฯ ฮูดินี"

"ชีวิตที่มีหมานำ" ก็อย่างนี้แหละครับ "หัวหน้าคอก" เมื่อพักคุก ก็ไปขลุกเชียงใหม่

'เมษา....พระมาเตือน'

เรา...."ประเทศไทย"! "ชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์" เป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรม