น้ำพริกเผ็ดเอาเรื่อง

แปลกขึ้นทุกวัน 
    สังคมไทยจะแยกกันอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ 
    ประชาธิปไตยคือสังคมที่ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง 
    ทุกตำราเขียนไว้คล้ายๆ กันหมด สังคมประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพในการชุมนุมและการพูด 
    ไม่มีการแบ่งแยก มีแต่ความเสมอภาค 
    มีสิทธิพลเมือง 
    มีสิทธิในการมีชีวิต
    เคารพสิทธิเสียงข้างน้อย ฯลฯ 
    ฉะนั้นการอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต้องมีทัศนคติเชิงบวกต่อประเด็นเหล่านี้  
    การยอมรับความแตกต่างในทุกสภาพ เป็นเรื่องสำคัญ แต่กลับกลายเป็นว่า ในสังคมไทยการกล่าวอ้างตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้น เป็นเพียงการเรียกชื่อกลุ่มเท่านั้น 
    และชื่อกลุ่มมิได้สะท้อนถึงปรัชญาประชาธิปไตยเลยแม้แต่น้อย 
    ก็ที่รับทราบกันนั่นแหละครับ พิธีกรทีวีด่าร้านขายน้ำพริก เพราะทัศนคติแตกต่างกัน 
    มีคนบอกว่าเพราะทัศนคติทางการเมืองต่างกัน 
    ที่จริงไม่ใช่ 
    หากมองลงไปลึกๆ มันเลยคำว่าการเมือง 
    แต่มันเป็นเรื่องวิถี จารีต การดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน 
    ฝ่ายหนึ่งปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล เพราะความไม่สะดวกใจ กับการให้อีกฝ่ายรีวิวน้ำพริกร้านตัวเอง  
    ฝ่ายที่ถูกปฏิเสธ เอะอะโวยวาย ในสถานที่ของอีกฝ่าย พร้อมยกเรื่องความเห็นแตกต่างทางการเมืองขึ้นมาโจมตี
    ออกมาตะโกนด่าหน้าร้าน ทำนองขอให้มันเจ๊ง เพียงเพราะมีความคิดเห็นทางการเมืองไม่เหมือนตัวเอง 
    ครับ….ร้านน้ำพริกนิตยา อุตสาหกรรมในครัวเรือน ก่อตั้งมา ๕๗ ปี 
    อยู่มาได้เพราะถึงเครื่องแกง ถ่ายทอดฝีมือมารุ่นสู่รุ่น 
    มีรากเหง้าครับ  
    ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว โฆษณาให้ซะหน่อย
    ร้านน้ำพริกนิตยา ๔ สาขา ที่บางลำพู ๒ สาขา กับสาขาปิ่นเกล้า และสาขาตลาดท่าน้ำนนทบุรี
    สะดวกที่ไหนก็ไปซื้อที่นั่นครับ 
    “นิตยา ลักษณวิสิษฐ์” เจ้าของน้ำพริกนิตยา เป็นพี่สาว “รวีรัตน์ ลักษณวิสิษฐ์” เจ้าของ “ไก่ย่างนิตยา” มีสาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ ๒๐ สาขา
    สิ่งที่ปรากฏตามสื่อคือ “นิตยา ลักษณวิสิษฐ์” ได้ชื่อว่าเป็นคนธรรมะธัมโม หลานสาวก็ยังบอกว่า “ท่านเปิดบ้านที่เชียงใหม่ให้คนมานั่งสมาธิ และพักฟรี ทานฟรี มา ๒๐ กว่าปี”
    มาถึงบรรทัดนี้ ทำให้พอเห็นความแตกต่าง และอาจเป็นสาเหตุหลักของความไม่สะดวกใจของคุณนิตยา 
    “แขก-คำผกา” พิธีกรคนเก่งมากความสามารถ จาก VOICE TV ที่สามารถทำให้หลายๆ คนหยุดหายใจชั่วขณะเมื่อได้ยินเธอจัดรายการในลีลาที่ไม่เหมือนใคร 
    และไม่อยากมีใครเหมือน
    มันมีความต่างกันแบบสุดขั้วครับ
    ย้อนไปดูข่าวเก่า พฤษภาคมปี ๒๕๖๑ สำนักพิมพ์มติชน จัดเสวนาเปิดตัวหนังสือ “อย่าเรียกฉันว่านังแพศยา” (I Don’t Kill My Husband) ผลงานเขียนของหลิว เจิ้นอวิ๋น
    “แขก-คำผกา” แสดงทัศนะว่า    
    “แขกไม่เข้าใจว่าด่า “แพศยา” เป็นอย่างไร การได้นอนกับผู้ชายหลายคนมันเป็นอย่างไร ผู้หญิงเกิดมาควรจะได้นอนกับผู้ชายหลายคน ถ้าเป็นแขกจะไม่เสียเวลาไปฟ้อง แล้วจึงอ๋อว่าเพราะเราสมาทานว่า ถ้าคนด่าว่าแพศยาเป็นการดูถูก แพศยาแล้วเป็นอย่างไร ถ้าแขกมีลูกจะตั้งชื่อลูกว่าแพศยา”
    “แขก-คำผกา” ยังเคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องคู่นอนไว้ในรายการ In Her Eyes ว่า 
    “ไม่มีคู่ครอง ไม่ใช่ไม่มีคู่นอน”
    “ทุกวันนี้ คุณรู้ได้ไงว่าคนเป็นโสดเขาไม่ได้…กัน คือการเป็นโสดกับการได้…หรือไม่… เป็นคนละเรื่องกัน คนมีคู่จำนวนมากไม่ได้…เลย แต่คนโสดจำนวนมาก ได้…มากกว่า ๑ ครั้งต่อ ๑ วัน และได้…มากกว่า ๑ คนใน ๑ วัน เข้าใจป่ะ?”
    และยอมรับว่าชอบเรื่องแบบนี้มาก ไม่สามารถจะปฏิบัติได้กับผู้ชายคนเดียว
    ครับ…ไม่ต้องไปลงลึกมากนัก แต่ก็พอมองเห็นว่า ทัศนคติทางสังคมและการใช้ชีวิตไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง 
    การดำเนินชีวิตของผู้คน บางเรื่องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเมืองเลย 
    ไม่เกี่ยวเรื่องเด็กรุ่นใหม่ไม่กินน้ำพริก
    หรือเรื่องคนเสื้อแดงมีกำลังซื้อเยอะ ร้านน้ำพริกต้องเจ๊ง
    แม้จะนัดหมายรีวิวล่วงหน้าเป็นเดือน แต่มารู้ถึงทัศนคติทางสังคมที่ต่างในภายหลัง แล้วเกิดความไม่สะดวกใจ นำไปสู่การปฏิเสธอย่างสุภาพ ก็ไม่ควรเป็นเหตุให้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง 
    ลามไปถึงเรื่องสลิ่ม เรื่องเสื้อแดง 
    คุณนิตยา มิได้เจตนาปฏิเสธแบบออกสื่อ 
    แต่ “แขก-คำผกา” ตั้งใจใช้สื่อประจาน 
    นี่คือความแตกต่าง 
    บรรดากองเชียร์ “แขก-คำผกา” ขย่มกันใหญ่ ประกาศเลิกกินน้ำพริก เพราะมึงคิดไม่เหมือนกู 
    บูลลีน้ำพริกนิตยา ทั้งๆ ที่หลายคนไม่เคยกินด้วยซ้ำ 
    นี่คือสังคมที่ขาดวุฒิภาวะอย่างรุนแรง แต่กลับอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย 
    ไม่ต่างจากกรณี “ผศ.ดร.อดิศร จันทรสุข” รักษาราชการแทนรองคณบดีคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แสดงทัศนะกรณี “น้องไข่เน่า” สักเท่าไหร่ 
    “ระหว่างเว็บสำหรับช่วยตัวเองกับเว็บสำหรับเล่นพนัน อะไรเป็นภัยต่อสังคมมากกว่ากันครับ? สังคมนี้มันช่างเต็มไปด้วย? คนดัดจริตทางศีลธรรม #onlyfans #sexisnotcrime #masturbationisnotcrime”
    “ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดอกเตอร์” กับการยกตรรกะเปรียบเทียบระหว่างเว็บอนาจารกับเว็บพนันออนไลน์ มันสะท้อนถึงวุฒิภาวะที่จะก่อปัญหาในสังคม
    ถ้า “ผศ.ดร.อดิศร” มีลูกสาว แล้วลูกสาวตัวเองเข้าไปอยู่ในวงจรเหล่านี้ ก็คงจะค้นหาคำตอบได้ด้วยตัวเองว่า สังคมนี้เต็มไปด้วยคนดัดจริตทางศีลธรรมจริงหรือไม่ 
    มองทะลุไปถึงลูกศิษย์ของ “ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดอกเตอร์อดิศร” นั่นคือ “ชยพล ดโนทัย” เดฟ สามนิ้ว ที่แสดงทัศนะไม่ต่างไปจากอาจารย์
    “ศีลธรรมอันดีของสังคม เคยเอาไม้บรรทัดเดียวกันที่วัดไข่เน่าไปวัด กรณีผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนที่ถูกกระทำชำเรา ล่วงละเมิดทางเพศ และฆ่า ในวันที่ ๖ ตุลา ๒๕๑๙ บ้างมั้ยครับ”
    มันคืออะไร???
    จาก “น้องไข่เน่า” ถ่ายคลิปร่วมเพศกับแฟนหนุ่ม ดักพวกกลัดมันเข้าคอก โกยรายได้เป็นแสนเป็นล้าน ไปจบที่ ๖ ตุลา ได้ไง
    ศีลธรรมอันดีของสังคมมีความชัดเจนในตัวเอง 
    การวัด มันวัดด้วยพฤติกรรม ไม่ได้วัดที่ความเชื่อทางการเมือง 
    ถ้าจะเอาไม้บรรทัดที่วัดน้องไข่เน่า ไปวัดการมั่วเซ็กซ์ในบรรดาแกนนำม็อบ ๓ นิ้วบางกลุ่ม น่าจะตรงและได้ข้อเท็จจริงมากกว่า
    “น้องไข่เน่า” เทียบไม่ติดครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายทุนก้าวไกล

เริ่มต้นด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ วานนี้ (๑๗ เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ทั้งสิ้น ๑๓ พรรคการเมือง

รวยแล้วไม่โกงไม่มี

นายกฯ เศรษฐาเปิดใจวานนี้ (๑๕ เมษายน) ฟังแล้วเหมือนเดจาวู "...มั่นใจได้ว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามต้องพูดเรื่องทรัพย์สิน เรื่องของชีวิตส่วนตัว ส่วนตัวของผมลงตัวแล้ว มีรายได้ในอดีตที่ดีพอสมควร มีทรัพย์สินที่ทำให้อยู่ได้อย่างสบายๆ

รัฐบาลลิงแก้แห

ชี้แจงก็เหมือนไม่ชี้แจง ผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คงจะหน้าเขียวไปตามๆ กัน เพราะถูกรัฐบาลบีบให้ร่วมโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต วงเงินที่รัฐบาลล้วงมาคือ ๑๗๒,๓๐๐ ล้านบาท

วอลเล็ตมรณะ

อย่าเพิ่งดีใจ... ใครที่คาดหวังว่ารัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตทันไตรมาส ๔ ของปีนี้ ควรเผื่อใจไว้บ้าง