Merry Christmas, President Zelensky

ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญระดับประวัติศาสตร์เกิดขึ้น ในเรื่องที่พวกเรารู้สึกเย็นชา หรือลืมด้วยซ้ำ

     ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky แห่งประเทศยูเครน ได้ไปเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ได้พบกับประธานาธิบดี Joe Biden ได้ไปสุนทรพจน์ในสภา Congress ที่มีทั้งสภาล่างและสภาบน ร่วมต้อนรับและร่วมฟัง ซึ่งมีผู้นำระดับประเทศน้อยคนจะได้รับเกียรติอันนี้

     

การเยือนในครั้งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ และส่งสัญญาณไปถึงประธานาธิบดี Vladimir Putin แห่งรัสเซียว่า ยูเครนไม่กลัวและไม่ถอย แต่สัญญาณที่สำคัญกว่าคือ ยูเครนไม่กลัวและไม่ถอย เพราะสหรัฐอยู่เคียงข้าง และตราบใดที่สหรัฐไม่ถอย ยูเครนไม่ถอยเด็ดขาด

เป็นครั้งแรกที่ Zelensky เดินทางต่างประเทศตั้งแต่ริเริ่มการบุกของประเทศรัสเซีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นการเยือนสหรัฐที่ทาง Zelensky ตั้งใจขอเข้าพบประธานาธิบดี Donald Trump แต่ไม่สามารถหาวันเวลาที่ผู้นำทั้งสองท่านว่างตรงกันในยุคของ Trump ทาง Zelensky หวังได้ภาพจับมือกับประธานาธิบดี เพื่อโชว์คนทั่วโลก (ยิ่งเฉพาะ Putin) ว่าสหรัฐหนุนหลังเขาและยูเครนอยู่

เพราะอย่าลืมว่า Putin ข่มขู่ และทำท่าทางจะบุกยูเครนอยู่สม่ำเสมอ

นอกจากเป็นการเชิดชู Zelensky การไปเยือนครั้งนี้ถือว่าเป็นการปรบมือให้กับ Biden เหมือนกันครับ เพราะทาง Biden ได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์จากพันธมิตรในอดีตที่เคยต่อต้านสหภาพโซเวียตจากยุคก่อนๆ มารวมตัวกันต่อต้านประธานาธิบดี Putin ในครั้งนี้

บางคนเปรียบเทียบการเยือนของ Zelensky กับการเยือนของนายกรัฐมนตรี อังกฤษเมื่อยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง นาย Winston Churchill เมื่อ 80 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งตามหลังการถล่ม Pearl Harbor จากทหารญี่ปุ่นไม่กี่วัน เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สหรัฐร่วมสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ เพราะก่อนหน้านั้น ทางสหรัฐเลือกอยู่ขอบสนามสงคราม และไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ถึงแม้ประเทศอื่นๆ เรียกร้องให้สหรัฐเลือกข้างก็ตาม แต่เหตุการณ์ Pearl Harbor บีบบังคับให้สหรัฐต้องเลือกข้าง

การเยือนของ Churchill ในครั้งนั้น (ซึ่งเป็นช่วงใกล้เวลาเดียวกันกับการเยือนของ Zelensky ในครั้งนี้) เป็นการประกาศให้คนทั่วโลกรับรู้พร้อมเพรียงกันว่า สหรัฐเลือกอยู่ฝ่ายพันธมิตรที่จะต่อต้าน ฝ่ายเยอรมันกับญี่ปุ่น และเป็นการประกาศว่าต่อจากนี้ไป สหรัฐจะร่วมต่อสู้และร่วมสงครามอย่างเป็นทางการ

การเยือนของ Zelensky ในครั้งนี้อาจไม่ถึงขั้นประกาศร่วมสงครามเหมือนยุค Churchill เพราะสถานการณ์มันแตกต่างกัน แต่สัญญาณมันเห็นชัดว่าสหรัฐหนุนและอยู่เคียงข้างยูเครนเต็มที่

นอกจากเป็นการประกาศให้ Putin กับคนทั่วโลกรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับยูเครนในครั้งนี้ สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือต้องให้คนอเมริกันเอง เห็นความสำคัญในการหนุน Zelensky กับยูเครน ถ้าถามผมจริงๆ ผมถือว่าภารกิจตรงนี้สำคัญกว่า เพราะทางเดียวที่ Putin จะชนะสงครามในครั้งนี้คือ ความสนใจจากโลกซีกตะวันตกจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ จนกว่าไม่มีใครสนใจ อันนั้นเป็นสิ่งที่ Putin คาดหวังที่สุด เพราะถ้าถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ เขาทำอะไรก็ได้

และโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นมีทุกเมื่อครับ เพราะมันจะถึงจุดหนึ่งที่คนอเมริกันต้องถามผู้นำของเขาว่า ทำไมเงินภาษีของพวกเราต้องใช้กับสงครามที่อยู่คนละซีกของโลก? เอาไว้ใช้กับเหตุการณ์สำคัญภายในบ้านเราเองไม่ดีกว่าเหรอ? หรือเขาจะตั้งคำถามอีกว่า ทำไมเราต้องสนับสนุนสงครามที่ทางยูเครนไม่มีทางชนะ?

เมื่อถึงจุดที่คนอเมริกันเริ่มถามคำถามเหล่านี้ เมื่อเริ่มเป็นกระแสที่ติด มันจะเป็นคำถามและกระแสที่ดับยาก

ถึงเป็นจุดสำคัญที Zelensky ต้องมาเยือนสหรัฐในครั้งนี้ นอกจากตบหน้า Putin ไปแล้ว สิ่งสำคัญกว่าคือ การได้พูดคุยกับคนอเมริกันโดยตรง การได้เอาใจสมาชิกสภาล่างและบน และการทีให้คนอเมริกันเห็น Zelensky เป็นคนจริงๆ ไม่ใช่เพียงภาพที่เห็นผ่านจอโทรทัศน์ เพราะในการปกป้องยูเครนต่อต้องใช้เงินมหาศาล และในที่สุดเป็นเงินที่มาจากภาษีของคนอเมริกัน

จุดเด่นของ Zelensky จุดสำคัญจุดหนึ่ง คือ Communication Skills ของเขา เขามีพรสวรรค์เรื่องการสื่อสาร ข้อมูลต่างๆ ให้สู่สาธารณชน ให้คนฟังเคลิ้มตามเขา และให้คนฟังเห็นอกเห็นใจเขา แล้วในการเยือนครั้งนี้ เขาได้แสดงฝีมือเต็มที่ ทำให้ยื้อเวลาการสนับสนุน ปกป้องยูเครนออกไปอีกสักระยะหนึ่ง (คงเป็นปีครับ) เขามาในครั้งนี้ เพื่อพูดกับคนอเมริกัน เพื่อขอบคุณคนอเมริกัน และสิ่งสำคัญกว่าคือ อ้อนคนอเมริกันว่าอย่าลืมยูเครน

มีอยู่ท่อนหนึ่ง ในการสุนทรพจน์ที่กินใจผม (ผมขออนุญาตใช้ภาษาอังกฤษครับ) เขาบอกว่า “Ukrainians will celebrate Christmas by candlelight…not because it’s more romantic…but because Russian attacks have left much of the country without power, heat or running water. We do not complain, nor compare who has it harder, we just want to receive the support we need to continue to fight until victory.”

เขาพูดต่อว่า “Your money is not charity, it is an investment in the global security and democracy, that we handle in the most responsible way.”

เท่าที่ดูข่าวการรายงาน Zelensky ในครั้งนี้ ถือว่าเขากินใจคนอเมริกันได้ดีเยี่ยม เลยถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงครับ การเยือนในครั้งนี้อาจไม่ได้ทำให้ยูเครนชนะสงครามทันที แต่อย่างน้อยๆ ไม่ทำให้แพ้สงครามทันทีครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Be Careful What You Wish For….Your Wishes May Come True

ปกติถ้าบอกว่า “รอดูผลอีก 9 เดือน” คงไม่ต้องอธิบายความหมายใช่ไหมครับ? แต่สำหรับแฟนๆ TikTok ในสหรัฐอเมริกา ความหมายจะแตกต่างโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Joe Biden ได้ลงนามอย่างเป็นทางการให้บริษัท Bytedance ขาย TikTok ในสหรัฐภายใน 9 เดือน หรือถ้าจะยืดเวลาออกไป

Sending a Message หรือ The Calm Before the Storm?

เมื่อสัปดาห์ก่อน ช่วงเวลาที่พวกเราสนุกและพักผ่อนกันเต็มที่ช่วงสงกรานต์นั้น มีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่มันเกิดได้ทุกเมื่อ และในที่สุดก็เกิดขึ้นจริงๆ ครับ

หลานชายคุณปู่

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ ช่วงเขียนคอลัมน์นี้ ผมยังอยู่ที่บ้านเฮา เจออากาศทั้งร้อนมากและร้อนธรรมดา เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องการขับรถขึ้นมาบ้านเฮากับลูกสาว

หลานคุณปู่

คอลัมน์สัปดาห์นี้กับสัปดาห์หน้า น่าจะเป็นคอลัมน์เบาๆ ครับ ผมเชื่อว่าแฟนๆ ครึ่งหนึ่งน่าจะหนีร้อนในไทยไปสูดอากาศเย็น (กว่า) ที่อื่น ส่วนใครที่ไม่ไปไหน คงไม่อยากอ่านเรื่องหนักๆ

'แก๊ง'ล้มรัฐบาลได้ด้วยเหรอ? (ตอน 2)

เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องราวแก๊งที่ผมสัมผัสและรู้จักสมัยอยู่สหรัฐ สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงแนว Gangster Rap ก็คงจะคุ้นเคยกับสิ่งที่ผมเขียนไป แต่สำหรับหลายท่านที่เติบโตคนละยุคคนละสมัยอาจไม่คุ้นเลย

'แก๊ง'ล้มรัฐบาลได้ด้วยเหรอ? (ตอน 1)

ผมมีความรู้สึกว่า ช่วงนี้มีข่าวประเภทแก๊งมีอิทธิพลในประเภทประเทศเอลซัลวาดอร์ โคลอมเบีย และเม็กซิโก มีผลต่อเสถียรภาพการเมืองระดับชาติประเทศเขา