จาก The Spy Who Loved Me สู่ Aliens

วันนี้ผมขอเริ่มต้นด้วยการสารภาพว่า ก่อนเรื่องที่ผมจะเขียนเป็นข่าวนั้น ผมไม่เคยรู้ว่าในยุคนี้มีสิ่งเหล่านี้เลย พอพูดถึงเรื่องโลกสอดแนม เรื่อง Spy ทั้งหลาย ผมอาจดูหนังเยอะไปหน่อย เลยคิดมาโดยตลอดว่า เทคโนโลยีในโลกหรืออาชีพนั้น มันทันสมัยยิ่งกว่าทันสมัย ทันสมัยประเภทเราอยู่ในห้องอะไรในบ้านของเรา ดาวเทียมสามารถจับภาพ และรู้หมดว่าเราอยู่ตรงไหน ซึ่งความเป็นจริงเป็นอย่างไรผมไม่ทราบครับ แต่ในหนังเป็นเช่นนั้น

ผมเข้าใจตลอดว่า จากดาวเทียมนั้น สามารถ Spy ใครก็ได้ในโลกตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่กลางทะเลทราย จะอยู่ในชุมชนแออัด อยู่ในป่าทึบ บอกแล้วครับผมดูหนังมากไปหน่อย

ผมเลยแปลกใจ ตอนเห็นข่าวเรื่องบอลลูนสอดแนมของจีน ที่ทางการอเมริกันต้องยิงทำลายมัน เพราะบอลลูนสอดแนมตัวนี้ดันลอยเข้าไปในน่านฟ้าอากาศของอเมริกา ซึ่งไม่ใช่น่านฟ้าอากาศประเภทกลางมหาสมุทรแปซิฟิกหรือแอตแลนติกนะครับ แต่น่านฟ้าอากาศประเภทกลางประเทศห่างไกลทะเลโดยสิ้นเชิง

    ตอนแรกที่เห็นข่าวเรื่องนี้ ผมนึกว่าเป็นกลุ่มอยากดังสร้างกระแสทางโซเชียลมาปล่อยบอลลูนที่นักท่องเที่ยวใช้กันชมวิว ในรัฐต่างๆ ประเภทบอลลูนใหญ่ๆ ที่เหมือนมีตะกร้าให้คนเที่ยวยืนประมาณ 5-6 คน ดูแล้วน่าจะเป็นประสบการณ์ที่น่าลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต…แต่ผมคนหนึ่งไม่เอาด้วย…เหมือนการแล่น Hand Glider ดูจะสนุก ดูเป็นประสบการณ์ที่ดี…แต่ผมคน ไม่เอาด้วยครับ

    ผมไม่รู้เลยว่าบอลลูนชมวิวท่องเที่ยวมันสูงใหญ่ขนาดไหนอย่างไร แต่บอลลูนสอดแนมที่เป็นข่าว มีความสูงเท่ากับตึก 20 ชั้น (!!!!) และบินเหนือกว่าระดับเครื่องบินพาณิชย์เกือบเท่าตัว

    ผมตั้งคำถามในใจว่า ในยุคนี้ที่มีดาวเทียมสามารถจับลมหายใจของเราได้ (เวอร์ไปหน่อยก็จริง แต่ผมเคยเห็นในหนังอินเดียครับ) โดยที่ไม่ล้ำเข้าไปในน่านฟ้าใครก็ตาม ทำไมต้องใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์บ้านๆ มา Spy? ถ้าคิดแบบไม่ต้องใช้สมองเลย การใช้ดาวเทียมในการสอดแนมนั้น ใครจะไปรู้? ใครจะเห็น? แต่ในการใช้บอลลูน ยิ่งเฉพาะบอลลูนที่มีความสูงเท่ากับตึก 20 ชั้นนั้น มันไม่น่าจะบินเร็ว ไม่น่าจะซ่อนตัวได้ง่าย

    แต่ที่ทำได้แน่ๆ คือ สามารถเก็บภาพในบริเวณที่ต้องการได้ละเอียดและนานกว่าดาวเทียมที่ต้องรอจังหวะให้ตัวดาวเทียมหมุนรอบโลกกลับมาในจุดเดิม เนื่องจากตัวบอลลูนลอยช้าและอยู่ต่ำกว่าดาวเทียมที่อยู่ในอวกาศ ภาพมันจะชัดกว่า คมกว่าและละเอียดกว่าครับ

    ในโลกโซเชีย ที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญทุกเรื่อง ตอนข่าวเรื่องนี้ปรากฏครั้งแรก บรรดานักเลงคีย์บอร์ดทั้งหลายที่ไม่ชอบรัฐบาล Joe Biden ออกมาตำหนิและแสดงความคิดเห็นกันเต็มที่ พูดทำนองว่า Biden เป็นผู้นำอ่ที่อนแอ ละเลยในหน้าที่การงาน เพราะปล่อยให้บอลลูนขนาด 20 ชั้น ลอยว่อนอยู่ในน่านฟ้าอากาศของสหรัฐได้อย่างไร ทำไมไม่เอาลง หรือทำลายตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น?

    ถึงบอกว่า โลกโซเชียลกับโลกแห่งความจริงมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ ในโลกโซเชียล ทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญหมด ทุกคนเก่ง แล้วทุกคนกล้า แต่ลองให้มีข้อมูลจริงอยู่ในมือ ลองให้การตัดสินใจจริงมีผลต่อชีวิตคนจริงๆ บรรดานักเลงคีย์บอร์ดทั้งหลายนั้นจะยังปากดีอยู่ไหม?

    ในการทำลายบอลลูน 20 ชั้น มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดครับ พอยิงมันปุ๊บ มันไม่สลายหรือละลายไปกับอากาศ มันจะตกลงมาที่พื้นดิน แล้วถ้าตกลงกลางเมือง จะทำให้เกิดการเสียหายและอาจเกิดการเสียชีวิตขึ้นมา ทางกองทัพอเมริกันถึงต้องรอจังหวะให้ตัวบอลลูนอยู่บนพื้นที่ชนบทถึงทำลายมันได้ แต่ผมเข้าใจนักเลงคีย์บอร์ดครับ เวลาพูดมันพูดง่าย เวลาแสดงความคิดเห็นมันแสดงง่าย อารมณ์โกรธที่มีบอลลูนสอดแนมบุกกลางประเทศของเรา ใครๆ ก็โกรธครับ ใครๆ ก็อยากทำลาย แต่ก็ต้องคิดกันว่าเมื่อทำลายแล้ว มันจะสร้างความอันตรายต่อหรือไม่ ไม่ใช่ว่ายิงปุ๊บปัญหาจบปั๊บ ต้องคำนึงถึงตัวซากของตัวบอลลูนเหมือนกัน

    การใช้บอลลูนในการสอดแนมหรือในการ Spy ไม่ได้เป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นครับ เขาใช้กันมายาวนานมาก ตั้งแต่ปลายศตวรรษ 18 ที่กองทัพฝรั่งเศสใช้สอดแนมกองทัพ Austria กับ Dutch ในการต่อสู้ Battle of Fleurus เมื่อ ค.ศ.1794

    แต่ที่เริ่มใช้กันจริงๆ จังๆ คือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นปล่อยบอลลูนทั้งสอดแนมและเครื่องมืออาวุธลอยว่อนอยู่ในน่านฟ้าอากาศของอเมริกาและแคนาดา ซึ่งบอลลูนเกือบทั้งหมดไม่ได้มีประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลอะไร ไม่ได้ทำลายอะไร และไม่ได้ทำร้ายใคร แต่บอลลูนเครื่องมืออาวุธอันหนึ่ง (ลูกหนึ่ง?) ตกลงมาในรัฐ Oregon ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย จากระเบิดที่ตัวบอลลูนนี้ขนมา

    ฝ่ายสหรัฐไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์ในเรื่องนี้นะครับ ฝ่ายสหรัฐเองปล่อยบอลลูนเข้าไปในสหภาพโซเวียต ในยุค 1940s กับ 1950s เยอะอยู่เหมือนกัน แต่พอวันเวลาผ่านไป พอเทคโนโลยีเริ่มพัฒนามากขึ้น จากบอลลูนสอดแนม (Spy Balloon) จะกลับกลายเป็นเครื่องบินสอดแนม (Spy Airplane) และค่อยเป็นดาวเทียม (สอดแนม)

    สำหรับเรื่องบอลลูนสอดแนมที่ถูกทำลายบนน่านฟ้าอากาศในสหรัฐอเมริกานั้น ผมมีคำถามโง่ๆ อยู่คำถามหนึ่ง ทางจีนเขาไปปล่อยบอลลูนออกจากแผ่นดินจีน และลอยมาถึงสหรัฐ อย่างนั้นใช่ไหมครับ? หรือปล่อยกลางทะเล จากเรือลำใหญ่ลำหนึ่งของเขา?

    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ การยิงการทำลายสิ่งลึกลับที่อยู่ในน่านฟ้าอากาศของแคนาดาและอเมริกาถึง 3 ครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน บางคนบอกว่า เป็นเครื่องสอดแนมของจีนหรือของรัสเซีย บางคนบอกว่าเป็น UFO ด้วยซ้ำ ถ้าเป็น UFO จริง ระดับความกลัวของผมจะขึ้นอยู่กับว่า ผมดูหนัง Space Aliens เรื่องอะไร ถ้าเป็นหนังขาวดำยุค 1950s ก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นหนังประเภท Aliens หรือ Independence Day ผมว่าเราไม่รอดกันครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Sending a Message หรือ The Calm Before the Storm?

เมื่อสัปดาห์ก่อน ช่วงเวลาที่พวกเราสนุกและพักผ่อนกันเต็มที่ช่วงสงกรานต์นั้น มีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่มันเกิดได้ทุกเมื่อ และในที่สุดก็เกิดขึ้นจริงๆ ครับ

หลานชายคุณปู่

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ ช่วงเขียนคอลัมน์นี้ ผมยังอยู่ที่บ้านเฮา เจออากาศทั้งร้อนมากและร้อนธรรมดา เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องการขับรถขึ้นมาบ้านเฮากับลูกสาว

หลานคุณปู่

คอลัมน์สัปดาห์นี้กับสัปดาห์หน้า น่าจะเป็นคอลัมน์เบาๆ ครับ ผมเชื่อว่าแฟนๆ ครึ่งหนึ่งน่าจะหนีร้อนในไทยไปสูดอากาศเย็น (กว่า) ที่อื่น ส่วนใครที่ไม่ไปไหน คงไม่อยากอ่านเรื่องหนักๆ

'แก๊ง'ล้มรัฐบาลได้ด้วยเหรอ? (ตอน 2)

เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องราวแก๊งที่ผมสัมผัสและรู้จักสมัยอยู่สหรัฐ สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงแนว Gangster Rap ก็คงจะคุ้นเคยกับสิ่งที่ผมเขียนไป แต่สำหรับหลายท่านที่เติบโตคนละยุคคนละสมัยอาจไม่คุ้นเลย

'แก๊ง'ล้มรัฐบาลได้ด้วยเหรอ? (ตอน 1)

ผมมีความรู้สึกว่า ช่วงนี้มีข่าวประเภทแก๊งมีอิทธิพลในประเภทประเทศเอลซัลวาดอร์ โคลอมเบีย และเม็กซิโก มีผลต่อเสถียรภาพการเมืองระดับชาติประเทศเขา

To Shortchange กับ To Feel Shortchanged

จากการเรียกร้องของสาวๆ (สวยๆ) ไทยโพสต์ ผมขออนุญาตสวมหมวกฟุดฟิดฟอไฟวันหนึ่ง เพื่อพูดคุยและอธิบายสไตล์ของผม ถึงคำที่ปรากฏในช่วงต้นสัปดาห์จากนิตยสาร Time ครับ