คำพูดเป็นนาย 'พิธา'

ว่าจะไม่แล้วเชียว

แต่ต้องเขียนถึง ๒ นักร้องเสียงทองซะหน่อย

ดูไปก็คล้ายวันรวมญาติ วานนี้ (๒๘ เมษายน) หาก "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" กับ "ศรีสุวรรณ จรรยา" บุกไป กกต.เวลาเดียวกัน คงจะนับญาติกันไม่ถูก

โดยเฉพาะญาติในโซเชียล

เอาเป็นว่า บังเอิญก็แล้วกัน ที่ทั้ง ๒ คน ไป กกต.เพื่อร้องให้สอบ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ในเรื่องเดียวกัน ประเด็นเดียวกันเกือบจะทุกตัวอักษร

"ศรีสุวรรณ" ไปช่วงสาย

"เรืองไกร" ไปช่วงเที่ยง

คลาดกันชั่วโมงนิดๆ

มาดูคำร้องของทั้ง ๒ คนครับ

คำร้อง "เรืองไกร" มี ๔ ประเด็น

๑.เรื่องที่นายพิธา อ้างว่านายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ซึ่งความจริงแล้วขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ของนายทักษิณ ชินวัตร

๒.นายพิธาบอกว่าคุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙ ขณะที่นายพิธา ได้โชว์ภาพกระดานงานศพ กำหนดจัดงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๘ ก.ย. ๒๕๔๙ โดยมีเจ้าภาพเป็นภรรยาและบุตร

๓.นายพิธาบอกว่า ตนทำงานเป็นข้าราชการการเมือง ช่วยงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณ แต่นายพิธาชี้แจงว่า ขณะนั้นตนเรียนหนังสือที่บอสตัน ทำให้ข้อมูลไม่ตรงกัน

๔.นายพิธาบอกว่า ตนถูกอายัดเงินในบัญชี ๒-๓ เดือน และไม่สามารถนำเงินมาจัดงานศพคุณพ่อได้ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการควบคุมบัญชีต้องผ่านคำสั่งของ คมช. โดยขณะนั้นตนเองทำงานอยู่ที่ สตง.ไม่เคยเห็นรายชื่อของนายพิธาเข้าข่ายโครงการที่จะต้องตรวจสอบ

คำร้องของ "ศรีสุวรรณ" มี ๓ ข้อ

๑.อ้างว่าตัวเองเป็นข้าราชการ อยู่ในคณะทำงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ขณะเดียวกันให้สัมภาษณ์กับนางสุริวิภา กลับระบุว่าเป็นนักศึกษาอยู่ในกรุงบอสตัน             

๒.เคยถูกควบคุมตัวที่ดอนเมือง ไม่สามารถกลับไปทันงานศพของพ่อได้ แต่ให้สัมภาษณ์กับนางสุริวิภา ว่าอยู่ที่ดอนเมืองเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแค่ ๔-๕ ชั่วโมง และกลับไปร่วมงานศพของพ่อทัน

๓.ในช่วงนั้นถูกระงับบัญชี ๒-๓ เดือน จนไม่สามารถหาเงินมาทำบุญศพพ่อได้ แต่ในรายการของนางสุริวิภา ไม่ได้พูดถึง

เรื่องที่ไม่ควรจะเป็นปัญหา กลับจะเป็นปัญหาใหญ่

เรื่อง "สุรเกียรติ์" เป็นเลขาฯ ยูเอ็น อันนี้คลาดเคลื่อนอย่างสิ้นเชิง ช่วงนั้น "สุรเกียรติ์" เป็นรองนายกฯ ถูก  "ทักษิณ" คนที่บอกว่า ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ เสนอชื่อเข้าชิงเก้าอี้ เลขาฯ ยูเอ็น

แต่สุดท้ายขอถอนตัว เพราะคะแนนสนับสนุนไม่พอ ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับเพราะมีการรัฐประหารที่ไทย

คนที่ได้รับเลือกในตอนนั้นคือ "บัน กีมูน" จากเกาหลีใต้

ประเด็นอาจเพราะ "พิธา" ยังเด็กเกินไป แยกแยะไม่ออกว่า ผู้สมัครชิงเก้าอี้เลขาธิการยูเอ็น กับ เลขาธิการยูเอ็น นั้นมันคนละความหมายกัน ก็ไม่ว่ากัน

เรื่อง พ่อ คือ "พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์" เสียชีวิตวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๔๙ แต่ "พิธา" บอกว่า วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ตรงกับวันรัฐประหารพอดี

มีสาวก "พิธา" ชี้แจงว่า ก็ถูกแล้วเพราะ "พิธา" พูดถึงเวลา อเมริกา ไม่ใช่เวลาไทย

จะเอาขำ หรือเอาจริง

เวลาไทยมาก่อนเวลาอเมริกานะครับ

ประเด็นนี้จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า "พิธา" จงใจโยงรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เพื่อเรียกร้องความสนใจทางการเมืองมากไป

เรื่องเป็นทีมงาน "สมคิด" กับ เป็นนักศึกษา เจ้าตัวชี้แจงไปแล้ว ว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งลาออกจากทีมงานของ "สมคิด" และจะเดินทางไปศึกษาต่อ

ดังนั้นจึงเป็นช่วงคาบเกี่ยวกัน

ก็เอาเป็นว่า คนละครึ่ง

มางานศพพ่อไม่ทัน นี่ก็กลายเป็นอีกประเด็นดรามา

"พิธา" บอกว่า ทั้งทัน และไม่ทัน คือไม่ทันวันแรกๆ มาทันวันท้ายๆ

นี่ก็คนละครึ่งอีกเช่นเคย

เรื่องถูกอายัดเงินในบัญชี ๒-๓ เดือน 

ยังไม่เห็น "พิธา" ชี้แจงประเด็นนี้

สำนักข่าวอิศราไปขุดมาว่า "พิธา" เคยเป็นกรรมการอยู่ ๒ บริษัท และล้วนแต่หลังการจากไปของพ่อทั้งสิ้น

บริษัทแรกคือ ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันดิบจากรำข้าว

"พิธา" เป็นกรรมการในช่วง ๕ ตุลาคม ๒๕๔๙ - ๖ มีนาคม ๒๕๖๐

และบริษัท เกร็ทโอเชียนฟู้ด จำกัด ประกอบการขายอาหารแช่แข็งประเภทเนื้อสัตว์

"พิธา" เข้าไปเป็นกรรมการ ในวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๔๙

ทั้ง ๒ บริษัท ไม่มีประวัติถูกทหารอายัดทรัพย์สิน

เมื่อยังไม่มีคำชี้แจงจาก "พิธา" ก็สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ทหารอายัดบัญชีธนาคารส่วนตัวของ "พิธา"

แต่...ก็ยังมีคำถาม เพราะ "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" ผู้แทนการค้าไทยสมัยรัฐบาลทักษิณ จะเรียกว่าเป็นหัวหน้าคณะขาบินกลับไทยก็ได้ ยืนยันเสียงดังฟังชัด

"...ผมในฐานะหัวหน้าคณะไม่โดนอะไรเลย..."

มันหมายความว่าไง

ทหารกะจะเล่น "พิธา" ที่ตอนนั้น ยังเป็นแค่เด็กนักศึกษาคนเดียวอย่างนั้นหรือ

แถมยังขึ้นเครื่องในฐานะ "เด็กฝาก"

  "ปานปรีย์" บอกว่า ก่อนเครื่องขึ้นจากนิวยอร์ก มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งนำนายพิธามาฝาก โดยระบุว่า "ฝากน้องพิธากลับไทยด้วย"

ทหาร คมช. มีญาณทิพย์หยั่งรู้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ว่า "พิธา" จะมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลในปี ๒๕๖๖ และนำทัพสู้กับทหาร คสช. อย่างนั้นหรือ

ถึงได้อายัดบัญชีเด็กคนเดียว

ผู้ใหญ่ในเครื่องแบบที่ล้วนมีสายสัมพันธ์กับ "ทักษิณ" กลับรอดหมด

เรื่องของ ๒ นักร้องจะไปถึงไหนไม่ทราบได้

 จะเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ๒๕๖๑  มาตรา ๗๓ (๕ ) ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามพรรคการเมืองหาเสียงโดยวิธีการหลอกลวง ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจในคะแนนนิยมของตนเอง หรือพรรคการเมืองที่ผิดไป ตามที่ ๒ นักร้องเสียงทองแห่งยุค ไปร้องต่อ กกต.หรือไม่ ก็ไม่ทราบได้

อยู่ที่ กกต.จะวินิจฉัย

แต่คำพูดเป็นนายครับ

"พิธา" จะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเบื่อนักการเมืองคือ นักการเมืองกะล่อน

ยินดีต้อนรับสู่สายพันธุ์นักการเมือง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หัวใจติดปีก

สื่อโซเชียลร้อนฉ่าครับ ไม่ใช่เรื่อง “พี่โดม” กระเหี้ยนกระหือรือ แต่เป็นเรื่อง คนขับเครื่องบินเป็นคนหนึ่งไปส่งหัวใจให้ถึงมือหมอโดยแข่งกับเวลา

'เรามีดำ ไม่มีเทา'

นับคำขอโทษได้สักล้านคำกระมัง วานนี้ (๒๙ ธันวาคม) เป็นอีกวันของการพิสูจน์ว่า พรรคส้ม ใช่พรรคที่ความดีไม่มีความชั่วไม่ปรากฏจริงหรือไม่

ทหารไทยระดับโลก

ได้เบอร์พรรคกันไปเรียบร้อยแล้วครับ วานนี้ (๒๘ ธันวาคม) กกต.รับสมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จับได้เลขอะไร แต่ละพรรคทั้งประเทศเบอร์เดียวกันหมด

ผลงานรัฐบาล-กองทัพ

น่าจะจบอีกยกครับ... นับว่าเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ วานนี้ (๒๖ ธันวาคม) มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เป็นวันที่ ๓ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

ไม่เอาคนเนรคุณ

แยกข้างแบ่งขั้วกันตั้งแต่หัววัน... วานนี้ (๒๕ ธันวาคม) นายกฯ อนุทิน ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มีนโยบายแก้ ม.๑๑๒ “...ถ้ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมด้วยแน่นอน พรรคไหนจะร่วมก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค แต่เท่าที่ดูแคนดิเดตของทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนตอบว่าจะแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ยกเว้นพรรคประชาชน...”

ใครแข็งในจุดขาย

ยังไม่ทันเลือกตั้ง ก็เห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่รำไรแล้วครับ ปัจจัยหลักคือการประกาศจุดยืนทางการเมืองของแต่ละพรรค เงื่อนไข ไม่ใช่เรื่อง เทาหรือไม่เทา