บันทึกหน้า4

งานนี้จึงอยากให้ทั้งคนกรุง และคนทั่วประเทศพึงดูตัวอย่างที่ผ่านมาเป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะ บรรดานโยบายขายฝันทั้งหลายนั้น มีการทำได้จริงมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในบรรดาค่ารถไฟฟ้าทั้งหลายที่เอกชนเป็นเจ้าของสัมปทาน หรือแม้แต่เรื่องค่าแรงที่บอกว่าจะปรับโน่นปรับนี่ เพราะการปรับ “ค่าแรง” นั้นมันต้องประชุมคณะกรรมการไตรภาคี ไม่ใช่คนเป็นนายกฯ หรือรัฐบาลจะชี้นิ้วสั่งการได้ตามที่หาเสียงกัน เขาบอกกันว่า หากถูกหลอกเจ็บแล้วต้องจำ แต่หากยังไม่จดไม่จำกันอีก ก็เหมือนวลีที่ว่า “เจ็บแล้วจําคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย” นั่นแล ...๐

ดูเหมือน “พรรคเพื่อไทย” ยามนี้เริ่มเข้าตาจนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เคยคุยโม้ว่าด้วย “แลนด์สไลด์” นั้น ปัจจุบันไม่ต้องพูดถึง เอาแค่บ้านใหญ่ในแต่ละพื้นที่จะรักษาเก้าอี้ไว้ได้หรือไม่ ก็ต้องเรียกว่าหนาวๆ ร้อนๆ และอาจต้องสาดกระสุนดินดำในคืนหมาหอนอย่างไม่น้อยหน้าใคร เพราะ ผู้มาตีท้ายครัวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ชื่อ “ก้าวไกล” นั่นแล งานนี้เลยไม่แปลกที่นอกจากจะเข็น “แพทองธาร ชินวัตร” ออกจากอู่หลังคลอดอย่างรวดเร็วแล้ว “ทักษิณ ณ ดูไบ” ยังต้องส่งเสียงผ่านโลกออนไลน์มาอีก และเชื่อว่าก่อนวันเลือกตั้งเราก็จะได้เห็น “สัมภเวสีแม้ว” ออกมาออดอ้อนอีกเป็นแน่แท้ ...๐

แต่งานนี้ก็เหมือนกับที่ “จตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน อดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่เฟซบุ๊กไลฟ์ล่าสุดว่าได้หงายไพ่ใบสุดท้ายออกมาแล้ว ในการเอ่ยอ้างถึง “เจ้านายของเรา” ซึ่ง “ตุ๊ดตู่” ที่รู้เช่นเห็นชาติแม้วก็ตอกกลับให้ไปสำนึกย้อนในการเลือกตั้งปี 2562 ที่พยายามคิดเกมใหญ่ แต่สุดท้ายก็พังภินท์จนทำให้พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เป็นได้แค่พรรคที่จดทะเบียน ยังไม่ได้ลงเลือกตั้งก็กลายเป็นอดีตไปซะแล้ว ...๐

 แม้ “พรรคก้าวไกล” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะมาแรงแซงโค้งจากมอตโต้ “มีลุงไม่มีเรา” ก็ตามที แต่ ดูเหมือน “กรรม” ก็ติดจรวดตามมาด้วยเช่นกัน แม้ “แดดดี้ทิม” จะพยายามแถว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองแบบสีข้างถลอกก็ตามที เพราะเรื่องหุ้นไอทีวีนั้นตัวเองก็ถือครองอยู่ จะบอกว่า “ไอโอ” ไปจับยัดก็คงไม่ใช่ แม้ล่าสุดจะมีการแสดงความคิดเห็นกัน 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งพยายาม บอกให้เทียบเคียงกรณี “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” แห่งค่ายประชาธิปัตย์ที่ศาลฎีกาได้คืนสิทธิ์เลือกตั้งให้ หลัง กกต.นครนายกตัดสิทธิจากการถือหุ้นเอไอเอส 200 หุ้น ในขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่าน่าจะซ้ำรอย “พ่อฟ้า” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในกรณีถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย หรือแม้แต่ไป เปรียบเทียบกับกรณีของ “ปารีณา ไกรคุปต์” ในการถือครองที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกกันทีเดียว ...๐

ไม่รู้ว่าผลจะออกหัวหรือออกก้อยในเรื่องดังกล่าว แต่ก็เป็นอย่างที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ไปยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบนั่นแล ที่บอกให้ กกต.ต้องรีบชี้ขาดให้เสร็จสะเด็ดน้ำก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเวลาก็งวดเข้าไปทุกที เพราะหากปล่อยเรื่องให้ลากยาวต่อไป โดยเฉพาะหลังได้ผลการเลือกตั้ง จะยิ่งทำให้สถานการณ์บ้านเมืองปั่นป่วนมากขึ้นไปทุกที ที่สำคัญการถือหุ้นไอทีวีของ “พิธา” ยังโยงไปถึงการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอีกด้วย ...๐

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่อย่างไร แต่ดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมีจริง เพราะ “ธนาธร” ที่ พยายามอุปโลกน์เป็น “พ่อฟ้า” และล่าสุดคือ “พิธา” ที่พยายามปั่นให้เป็น “แดดดี้ทิม” ของบรรดานิวโหวตเตอร์ และก๊วน 3 นิ้วนั้น สุดท้ายแล้วน่าจะจบไม่สวย เพราะการพยายามยกตัวเองให้เป็นพ่อของใครต่อใคร ก็เรียกได้ว่า “เหากินหัว” และทำให้กรรมมันตอบสนองเร็วยิ่งกว่าจรวดนั่นเอง เพราะอย่าลืมว่า ประเทศไทยเรานั้นมีพระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง คอยปกปักรักษาไม่ให้ใครหน้าไหนอาศัยแผ่นดินนี้เกิดแต่กลับมากินบนเรือนขี้บนหลังคาได้ยาวนานหรอก ...๐

ท.ศักดิ์