…ถาม Google สิ…(ต่อ)

ถ้าต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ผมบอกว่าคนรุ่นผมเป็นวัยที่ทันปลายยุค Analog เข้าสู่ยุค Video และยุค Digital งั้นพวกเราสามารถอยู่ในโลกที่ไม่ต้องพึ่งพามือถือได้ พวกเรายังมีพื้นฐานใช้แผนที่เป็นกระดาษและหนังสือเวลาเดินทาง ไม่ต้องพึ่งพา Google Maps ได้ แต่ถ้าให้กลับกัน เด็กยุคนี้จะกางแผนที่ออกมาเหมือนพวกเราได้หรือไม่? ผมว่าไม่ได้ครับ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของเขา เพราะมันคนละยุค คนละสมัย

ผมเป็นคนที่ชอบฟัง Podcast หลากหลายเรื่อง แต่ถ้าเป็นกีฬา ผมจะฟังรายการ Greeny จาก ESPN ผู้ดำเนินรายการอายุมากกว่าผมประมาณ 3 ปี ชื่อ Mike Greenburg เขาพูดอย่างหนึ่งที่ผมชอบมาก

เขาบอกว่า “I’m not a native of the digital world, I’m an immigrant.” ความหมายคือ พวกเราในวัยเดียวกันไม่ได้เติบโตในยุค Digital แต่เราใช้มันเป็นและทันใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่เหมือนคนรุ่นนี้ที่เกิดมาในโลก Digital เป็นโลกที่เขาต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นหลัก ผมถึงสนใจเรื่องรัฐบาลสหรัฐฟ้องร้อง Google ในช่วงนี้ เพราะสำหรับคนรุ่นนี้ Google คือ ศูนย์กลางจักรวาล เพราะเขารู้แต่แค่นี้ครับ

ตอนนี้รัฐบาลสหรัฐกำลังฟ้องร้อง Google (และล่าสุด Amazon) ด้วยข้อกล่าวหา ใช้กำไรมหาศาลของตัวเองมาครองตลาดเพื่อเกิดระบบผูกขาด โดยกีดกันคู่แข่งไม่ให้มีโอกาสให้บริการได้ Google ถูกกล่าวหาว่า ปิดช่องทางการแข่งขันทุกช่องทาง และในที่สุดบีบบังคับให้ผู้ใช้ ใช้แต่บริการที่อยู่ในเครือข่าย Google เช่น Google Hotel, Google Flights, Google Maps เป็นต้น

ที่กำลังฟ้องร้อง Google มีอยู่หลายคดี เริ่มต้นจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเอง (Department of Justice) รวบรวมอัยการ 11 รัฐ กล่าวหา Google สร้างระบบผูกขาด เช่น จ่ายบริษัท Apple เป็นจำนวนเงิน 12 Billion USD ต่อปี เพื่อให้ Google เป็น Search Engine หลักใน iPhone ทุกรุ่น เหมือนไม่ให้พวกเราที่ใช้ iPhone มีทางเลือกได้

คดีต่อมาเป็นการรวบรวมอีก 10 รัฐ นำโดยอัยการรัฐ Texas ในคดีนี้เขาเน้นเรื่อง การผูกขาดของ Google จากการโฆษณาใน Platform ตัวเอง เขากล่าวหาว่า Google ควบคุมและครอบงำช่องทางการโฆษณาทุกช่องทาง เขาตั้งราคาด้วยตนเองได้ แล้วเขาตั้งราคาให้คนอื่นได้ ซึ่งหมายความว่า เวลาใครจะโฆษณาอะไรเกี่ยวกับ Google เขาคิดราคาอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นเจ้าอื่นหรือคู่แข่งของเขาโดยตรง เขาจะคิดราคาอีกอย่างหนึ่ง ถ้าคู่แข่งเขาอยากโฆษณาในช่องทางของ Google เขาจะคิดราคาแพงเวอร์ ส่วนสินค้าของตัวเขาเองเป็นราคาที่ต่ำมาก และไม่มีใครแตะต้องได้ เพราะคือ Platform ของเขาที่คนใช้เยอะ Google ไม่ต้องง้อใคร มีแต่คนต้องง้อเขา ซึ่งก็แล้วอีกครับ ที่คุณยิ่งใหญ่ได้เพราะบริการคุณดีจริงแล้วคนเลือกใช้โดยบริสุทธิ์ใจ หรือถูกบีบบังคับให้เลือกใช้โดยที่ไม่รู้ตัว?

ถัดมาเป็นการรวมตัวกันของอัยการในรัฐ Nebraska กับ Colorado ในข้อกล่าวหา Google กีดกันคู่แข่งด้วยการบีบบังคับให้ผู้ใช้ ใช้บริการในเครือข่าย Google เวลาจะเสิร์ชหาอะไร ซึ่งหมายความว่า ถ้าผมเข้าไปใน Google พยายามหาเที่ยวบินไปต่างประเทศ ประมาณ 1-3 หน้าที่ขึ้นมาจะให้เข้ามาในเครือข่าย Google แทนที่จะไปประเภท Traveladvisor Expedia หรือคู่แข่งอื่นๆ ทาง Google จะบอกว่าเขาไม่เคยบีบบังคับใคร แต่บังเอิญเวลาใครเสิร์ชหาอะไร บริการที่อยู่ในเครือข่ายเขาจะขึ้นมาอยู่ในลำดับต้นๆ เพราะเป็นความต้องการของตลาด ช่วยไม่ได้ ถ้าคู่แข่งบริการไม่ดีเอง และอยู่ในลำดับท้ายๆ

คำถามถัดมาคือ สมมุติว่า Google แพ้คดีใดคดีหนึ่ง หรือแพ้ทั้งหมดจะเกิดอะไรขึ้น? สำหรับพวกเรา ผู้บริโภค โลกของเราไม่ได้หยุดหมุน โลกเรายังหมุนต่อไป เพียงแต่ว่า ในโลกออนไลน์เราจะมีทางเลือกมากขึ้น จะมีทางเลือกหลากหลาย และเราอาจจะเห็นบริการของคู่แข่ง Google ที่เราอาจไม่เคยเห็นเมื่อก่อน เพราะถูกกีดกันหรือถูกกลบจาก Google ที่ผ่านมา จะทำให้โลกออนไลน์เปิดกว้างมากขึ้น ทำให้สนามการแข่งขันนั้นเท่าเทียมกันหรือเสมอภาคกัน อย่างน้อยให้ผู้บริโภคอย่างพวกเราเลือกว่าจะใช้บริการเจ้าอื่น หรือจะกลับมาใช้ทุกอย่างที่เป็น Google เหมือนเช่นเคย เพราะที่ผ่านมาเหมือนถูกบีบบังคับให้เห็นแต่สิ่งที่ Google อยากให้เห็น

กลุ่มที่จะรับผลมากที่สุดคือ กลุ่มโฆษณาครับ ถ้า Google แพ้คดี เรื่องผูกขาดโฆษณานั้น (ใน Platform ของ Google) จะเป็นการตะลุมบอน และเป็นดินแดนเสรี ที่แต่ละเจ้าจะแย่งกันลงโฆษณา ซึ่งจะทำให้ราคาโฆษณาพุ่งสูงขึ้น และอาจทำให้บริษัทที่มีงบโฆษณาไม่มาก ลองหาช่องอื่น หรือทางอื่น โฆษณาสินค้าหรือบริการของเขาแทน Google ซึ่งจะทำให้กำไรมหาศาลของ Google หายไปพอสมควร

ส่วนคำถามสุดท้ายคือ ถ้า Google แพ้คดีจะมีผลกระทบกับแวดวงโลก Big Tech อย่างไรบ้าง? ตอนนี้ที่เราเห็นได้ชัดคือ เมื่อวันก่อน ทางสหรัฐได้ฟ้อง Amazon ในทำนองเดียวกับ Google คือใช้กำไรตัวเองไปกวาดซื้อคู่แข่งของเขาเพื่อครองตลาด และสร้างระบบผูกขาด

ถือว่าเป็นคดีที่น่าจับตามอง แล้วต้องปรบมือให้กับความกล้าหาญของหน่วยงานรัฐ ที่พยายามควบคุมความยิ่งใหญ่ของ Big Tech ที่กำลังครองโลก ถ้าทำสำเร็จถือว่าเป็นการชนกันระหว่างยักษ์ใหญ่กับยักษ์ใหญ่ ต้องจับตามองครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Be Careful What You Wish For….Your Wishes May Come True

ปกติถ้าบอกว่า “รอดูผลอีก 9 เดือน” คงไม่ต้องอธิบายความหมายใช่ไหมครับ? แต่สำหรับแฟนๆ TikTok ในสหรัฐอเมริกา ความหมายจะแตกต่างโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Joe Biden ได้ลงนามอย่างเป็นทางการให้บริษัท Bytedance ขาย TikTok ในสหรัฐภายใน 9 เดือน หรือถ้าจะยืดเวลาออกไป

Sending a Message หรือ The Calm Before the Storm?

เมื่อสัปดาห์ก่อน ช่วงเวลาที่พวกเราสนุกและพักผ่อนกันเต็มที่ช่วงสงกรานต์นั้น มีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่มันเกิดได้ทุกเมื่อ และในที่สุดก็เกิดขึ้นจริงๆ ครับ

หลานชายคุณปู่

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ ช่วงเขียนคอลัมน์นี้ ผมยังอยู่ที่บ้านเฮา เจออากาศทั้งร้อนมากและร้อนธรรมดา เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องการขับรถขึ้นมาบ้านเฮากับลูกสาว

หลานคุณปู่

คอลัมน์สัปดาห์นี้กับสัปดาห์หน้า น่าจะเป็นคอลัมน์เบาๆ ครับ ผมเชื่อว่าแฟนๆ ครึ่งหนึ่งน่าจะหนีร้อนในไทยไปสูดอากาศเย็น (กว่า) ที่อื่น ส่วนใครที่ไม่ไปไหน คงไม่อยากอ่านเรื่องหนักๆ

'แก๊ง'ล้มรัฐบาลได้ด้วยเหรอ? (ตอน 2)

เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องราวแก๊งที่ผมสัมผัสและรู้จักสมัยอยู่สหรัฐ สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงแนว Gangster Rap ก็คงจะคุ้นเคยกับสิ่งที่ผมเขียนไป แต่สำหรับหลายท่านที่เติบโตคนละยุคคนละสมัยอาจไม่คุ้นเลย

'แก๊ง'ล้มรัฐบาลได้ด้วยเหรอ? (ตอน 1)

ผมมีความรู้สึกว่า ช่วงนี้มีข่าวประเภทแก๊งมีอิทธิพลในประเภทประเทศเอลซัลวาดอร์ โคลอมเบีย และเม็กซิโก มีผลต่อเสถียรภาพการเมืองระดับชาติประเทศเขา