ผลคือล้างคดี ม.๑๑๒

เป็นอีกวาระที่ต้องระลึกถึง คือเหตุการณ์ ๖ ตุลา

วานนี้ (๖ ตุลาคม) ๔๗ ปีผ่านมาแล้ว ถ้าเป็นคนก็ปาเข้าไปครึ่งชีวิต มีการถอดบทเรียนมากมาย นำมาปรับใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

 ที่ไม่ได้เลยคือความขัดแย้งทางการเมืองยังคงดำรงอยู่  ด้วยสาเหตุที่ฝังรากลึกมาตั้งแต่เหตุการณ์เดือนตุลาคมในอดีต

ประชาธิปไตย เผด็จการ

ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา ฝ่ายอนุรักษนิยม

ที่สำคัญความเข้าใจสถานการณ์โดยไม่แยกบริบท อดีต-ปัจจุบัน ว่ามีความต่างอยู่มาก เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งไม่รู้จบ

ยกตัวอย่างง่ายๆ ยังมีผู้ที่เรียกตัวเองว่านักประชาธิปไตย ยังแยกไม่ออกระหว่าง ถนอม ณรงค์ ประภาส กับ ประยุทธ์ ประวิตร อนุพงษ์

ยังมีความเชื่อว่า ทหารคือทหาร

ทหารคือเผด็จการเบ็ดเสร็จ

และยังคงมีความเชื่้อว่า ประชาชนในปัจจุบันไร้เสรีภาพ ถูกกดขี่ กดทับ เหมือนเช่นในอดีต ในขณะที่ประชาชนไม่ชอบ ๓ ป. ใช้โซเชียลด่า ๓ ป. เป็นหมูเป็นหมาได้ทุกวัน

ความเชื่อบางส่วนนี้ถูกถ่ายทอดลงในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล

มันก็คือประเด็นที่ซ่อนไว้นั่นแหละครับ

ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ตั้งใจนิรโทษกรรม ผู้ทำผิด ม.๑๑๒ เป็นหลัก 

และผู้ต้องหา จำเลย หรือนักโทษคดี ม.๑๑๒ ทั้งหมดคือกลุ่มที่ต่อต้านต่อการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน  

มีข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็น สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา ๑๑๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ - ๕ ตุลาคม ๒๕๖๖ 

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นับตั้งแต่เริ่มมีการเผยแพร่รายชื่อผู้ถูกดำเนินคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและการชุมนุมทางการเมืองในข้อหาตามมาตรา ๑๑๒ แล้วอย่างน้อย ๒๕๘ คน ใน ๒๘๐ คดี

ในจำนวนคดีทั้งหมด แยกเป็นคดีที่มี “ประชาชน” เป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษจำนวน ๑๓๖ คดี

คดีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร้องทุกข์กล่าวโทษจำนวน ๑๑ คดี

คดีที่กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ๙ คดี

คดีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ๑ คดี

ส่วนที่เหลือเป็นคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้กล่าวหา

พฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาแยกเป็นคดีที่เกี่ยวกับการปราศรัยในการชุมนุมจำนวน ๕๒ คดี

คดีการแสดงออกอื่นๆ ที่ไม่ใช่การปราศรัย เช่น การติดป้าย, พิมพ์หนังสือ, แปะสติกเกอร์ เป็นต้น จำนวน ๖๙ คดี

คดีที่เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ จำนวน ๑๕๑ คดี

คดีลักษณะแอบอ้าง ๑ คดี

และไม่ทราบสาเหตุ ๗ คดี

ผู้ถูกดำเนินคดีเป็นเด็กและเยาวชน อายุไม่เกิน ๑๘ ปี จำนวน ๒๐ ราย ในจำนวน ๒๓ คดี

ศาลมีการออกหมายจับ อย่างน้อย ๑๐๑ หมายจับ    (กรณี “เดฟ ชยพล” นักศึกษา มธ. ถูกศาลจังหวัดธัญบุรีออกหมายจับ แต่ต่อมาตำรวจไปขอยกเลิกหมายจับ และไม่ได้ดำเนินคดี) และยังมีการจับตามหมายจับเก่าตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๕๙ อย่างน้อย ๒ หมายจับ

คดีที่อยู่ในชั้นศาลแล้ว จำนวน ๑๙๖ คดี ยังไม่มีแม้แต่คดีเดียวที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี

แกนนำการชุมนุมถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนทั้งหมด ดังนี้

พริษฐ์ ชิวารักษ์ ๒๔ คดี

อานนท์ นำภา ๑๔ คดี

ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ๑๐ คดี

ภาณุพงศ์ จาดนอก ๙ คดี

เบนจา อะปัญ ๘ คดี

ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ๗ คดี

พรหมศร วีระธรรมจารี ๕ คดี

ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, ชูเกียรติ แสงวงค์, วรรณวลี ธรรมสัตยา, เกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ ๔ คดี

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ๓ คดี

สมพล (นามสมมติ) ๖ คดี

ทำไมเริ่มนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓?

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้เหตุผลว่า

"....พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยประกาศว่าจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติ

โดยจะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตราที่มีอยู่ ดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่กระทำความผิด ฝ่าฝืนกฎหมาย เพิกเฉยต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยจะดำเนินคดีต่างๆ ให้เป็นไปตาม 'กระบวนการยุติธรรมของประเทศ'

จากนั้นก็ปรากฏรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะเริ่มกลับมาบังคับใช้ข้อหา 'หมิ่นประมาทกษัตริย์' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ อีกครั้ง หลังจากมีการเปลี่ยนแนวทางการบังคับใช้มาตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๖๑ เป็นต้นมา...."

การพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลประยุทธ์ ก็ไม่มีอะไรพิเศษ เพราะก่อนหน้าเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓ มีการเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์บ่อยครั้ง

และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายรัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมาย

ย้อนกลับไปที่มาตรา ๓ ในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล

มีท่อนหนึ่งที่ระบุว่า

"...การกระทำใดๆ ของบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมือง ที่ได้กระทำขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ จนถึงวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ...หากการกระทำดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการกระทำทางกายภาพหรือการแสดงความคิดเห็นเป็นความผิดตามกฎหมายอันผู้กระทำได้กระทำไปโดยมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง..."

ก็คือคดีที่ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รวบรวมมา ระบุว่าคือการแสดงออกอื่นๆ ที่ไม่ใช่การปราศรัย  เช่น การติดป้าย, พิมพ์หนังสือ, แปะสติกเกอร์ เป็นต้น จำนวน ๖๙ คดี

คดีที่เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ จำนวน ๑๕๑ คดี

รวมทั้งสิ้น ๒๒๐ คดี

หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา จะมีคนได้ประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่าด้วยเรื่องเคลมผลงาน

มากันเพียบครับ...ผู้รู้ทั้งนั้น!สารพัดคำแนะนำและคำเหน็บแนม หลัง ปปง.ยุครัฐบาลอนุทิน อายัด-ยึดทรัพย์ของแก๊งสแกมเมอร์ระดับหัวโจกที่อยู่ในเมืองไทย บ้างเยาะเย้ยว่าแค่อายัด ไม่ใช่ยึด พอเรื่องเงียบก็คืน

'เพื่อไทย' ไม่ไปต่อ

พรรคเพื่อไทยจะยื่นซักฟอกรัฐบาลหรือไม่? คำถามนี้เกิดจากคำตอบของนายกฯ อนุทิน วานนี้ (๓ ธันวาคม) "...คาดเข็มขัดนิรภัย..."

รอวันส้มเป็นรัฐบาล

ราคาคุยเยอะจริงๆ... ไม่มีพรรคไหนเก่งไปกว่าพรรคส้มแล้วครับ ไม่ได้ประชด แต่ตามรูปการณ์มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

พันศพ! เละเป็นโจ๊ก

กู่ไม่กลับ... "บิ๊กโจ๊ก" กำลังจะเละเป็นโจ๊ก ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จำนวนมากเกินหลักพัน เน้นนะครับ เฉพาะที่หาดใหญ่