‘ฉากทัศน์นรก’ : เส้นทาง สู่สงครามระดับโลก!

เพื่อเตือนอิหร่านว่าอย่าได้คิดที่จะกระโดดเข้าข้างฮามาสและฮิซบุลเลาะห์ ที่กำลังเปิดศึกกับอิสราเอลทั้งด้านเหนือและด้านใต้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ย้ำเตือนว่าวอชิงตันยืนอยู่ข้างอิสราเอลอย่างเต็มพิกัด

และไม่ว่านายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู จะร้องขอความช่วยเหลือเพื่อเสริมทัพอย่างไร อเมริกาก็พร้อมจะส่งมอบให้

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียแสดงตนว่าอยู่ข้างอิหร่านอย่างชัดแจ้งเช่นกัน

เมื่อสหรัฐฯ ส่งกองเรือไปแถวนั้น รัสเซียก็สั่งให้ฝูงบินรบ MiG-31 ขึ้นลาดตระเวนเหนือน่านฟ้าทะเลดำ

และสำทับด้วยการประกาศว่า ฝูงบินนี้ติดตั้งขีปนาวุธทันสมัยใหม่ล่าสุดคือ Kinzhal ที่มีพิสัยทำการไกลกว่า 1,000 กม. และพร้อมเผชิญกับภัยคุกคามใดๆ ก็ตามที่มอสโกเห็นว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงของตน

แปลว่ายักษ์ใหญ่ทั้งสองกำลังสั่งกองทัพของตนให้ “พร้อมรบ” หากสถานการณ์ไปถึงจุดนั้น

ความเสี่ยงที่สงครามจะขยายวงเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

หนึ่งใน “ฉากทัศน์นรก” คือหากกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ยิงจรวดใส่อิสราเอลอย่างต่อเนื่อง

อิสราเอลก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นกัน

เพราะเป้าหมายของกองทัพยิววันนี้คือ “จัดการให้ราบคาบ” กับทั้งฮามาสและฮิซบุลเลาะห์

อีกด้านหนึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ซีเรียซึ่งเป็นพันธมิตรกับทั้งอิหร่านและรัสเซียอาจจะเข้าร่วมเสริมทัพด้วยการเปิดศึกกับอิสราเอล

เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลถล่มทางอากาศต่อเป้าหมายในซีเรียใส่เมืองสำคัญ คืออะเลปโป หรือเมืองหลวงดามัสกัส

เพราะมีข่าวเป็นระยะๆ ว่ามีการถล่มทางอากาศใส่จุดที่ตั้งของซีเรียโดยเฉพาะจุดใกล้ๆ สนามบิน

สถานการณ์จะเข้าขั้นคับขันหากอิหร่านตัดสินใจเข้าร่วมรบ ด้วยการยิงใส่เป้าหมายทางทหารของสหรัฐฯ ในอิรัก

โดยอ้างว่าสหรัฐฯ กำลังพยายามจะคุกคามอิหร่าน

เรื่องจะเลวร้ายลงไปอีกหากอิหร่านใช้โดรนถล่มคลังน้ำมันของซาอุฯ เพื่อสกัดกั้นการขนส่งน้ำมันไปทั้งโลก

น้ำมันจะกลายเป็นอาวุธสงครามขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เมื่อถึงจุดนั้น สิ่งที่นักยุทธศาสตร์ทางทหารคาดการณ์คืออิสราเอลจะไม่อยู่เฉย

ต้องสกัดอิหร่านด้วยการถล่มใส่ที่ตั้งขีปนาวุธของอิหร่าน

นั่นก็จะทำให้อิหร่านต้องเปิดศึกตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล

ภาพเลวร้ายต่อมาก็คือ สหรัฐฯ จะต้องส่งฝูงเครื่องบินรบเหนือน่านฟ้าเลบานอนเพื่อไม่ให้ฮิซบุลเลาะห์คุกคามอิสราเอลเพิ่มเติม

สิ่งที่น่าพิเคราะห์ก็คือ สหรัฐฯ จะต้องใช้หน่วยรบพิเศษหย่อนลงไปปฏิบัติภารกิจลับในหลายๆ จุดเพื่อปิดล้อมและจับกุมหน่วยรบของฮิซบุลเลาะห์

และในกรณีที่มีการประท้วงหรือจับตัวประกันคนอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นที่อิหร่าน, อิรัก, ซีเรีย หรือเลบานอน

หาก “ฉากทัศน์” เลวร้ายต่างๆ เหล่านี้มาบรรจบพบกัน หรือฉากหนึ่งฉากใดบังคับให้อีกฉากหนึ่งที่เลวร้ายกว่าเกิดขึ้น ก็จะนำไปสู่ “มหาสงคราม” ที่ไม่มีใครอยากเห็น

และไม่มีใครสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้

คำสั่งของ พลโท Herzi Halevi เสนาธิการกองทัพอิสราเอล ที่สั่งการแม่ทัพนายกองเมื่อวันก่อนเพื่อเตรียมการ “รุกใหญ่” ฉนวนกาซา ประโยคนี้ชี้ชัดว่าเส้นทางสู่ความรุนแรงของสงครามกำลังรออยู่ข้างหน้า

เขาสั่งทหารหน่วยรบพิเศษว่า

“เราจะเข้าไปในฉนวนกาซา เราจะเริ่มภารกิจปฏิบัติการและรบแบบมืออาชีพในการทำลายตัวแทนของกลุ่มฮามาสและโครงสร้างพื้นฐานของฮามาส และเราจะจดจำภาพ ฉากและเหยื่อของวันถือบวช (ที่ฝ่ายฮามาสบุกโจมตีสายฟ้าแลบ) เมื่อสองสัปดาห์ก่อนด้วย กาซามีความซับซ้อน กาซามีประชากรหนาแน่น ศัตรูกำลังเตรียมสิ่งต่างๆ มากมายที่นั่น แต่เราก็กำลังเตรียมอะไรบางอย่างให้พวกเขาต้องจดจำไปอีกนานเช่นกัน”

เมื่อแม้แต่สหประชาชาติที่ก็ยังไม่สามารถระงับยับยั้งการขยายตัวของสงครามได้ เราก็คงต้องเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะคาดการณ์ได้

โลกมายืนอยู่ตรงทางสองแพร่งที่เสี่ยงอันตรายเหลือเกิน เหมือนยืนอยู่บนปากเหว

ทางเลือกที่หนึ่งคือการหยุดยิง และเร่งส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้เหยื่อสงครามทุกคนโดยไม่เลือกว่าเป็นฝ่ายใด

นั่นหมายถึงต้องมีการหยุดยิงเพื่อนำไปสู่ปฏิบัติการมนุษยธรรมครั้งใหญ่

และเข้าสู่กระบวนการเจรจาหาทางสงบศึกอย่างถาวรระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์และโลกอาหรับ

หากไม่เลือกเส้นทางสันติ ทางเลือกอีกทางหนึ่งคือ สงครามภูมิภาคที่อาจจะหมายถึงสงครามระดับโลก

เพราะมีความเป็นไปได้ว่า ตัวละครของสงครามยูเครน-รัสเซียกับสงครามอิสราเอล-ฮามาส อาจจะเชื่อมต่อกันจนกลายเป็นสงครามใหญ่กว่าที่พึงจะคาดคิดได้

อันหมายถึงหายนะของมนุษยชาติที่น่าหวั่นเกรงเป็นอย่างยิ่ง

ที่น่ากลัวที่สุดวันนี้คือ นับวันทางเลือกเพื่อสันติภาพก็ยิ่งคับแคบลง!