ข่าวคราวเรื่องสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสเอ่ยถึง “ฉนวนกาซา” ตลอดเวลา เพราะนี่คือดินแดนที่กลายเป็นสมรภูมิที่กำลังร้อนแรงที่สุด
แต่น้อยคนจะสนใจที่มาที่ไปของดินแดนเล็กๆ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีพื้นที่เพียง 365 ตารางกิโลเมตร
แต่มีประชากร 2.4 ล้านคน จนกลายเป็นจุดที่มีผู้คนหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เพราะมีถึง 6,507 ชีวิตต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร ซึ่งแออัดพอๆ กับเกาะฮ่องกงโดยเฉลี่ย และวิถีชีวิตต่างกันคนละโลก
เทียบกับของประเทศไทย มีความหนาแน่นของประชากรอยู่ที่เพียง 128 คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตรเท่านั้น
หรือ 3,502 คนต่อตารางกิโลเมตรใน กทม.
ฉนวนกาซาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ปาเลสไตน์ก่อนที่รัฐอิสราเอลจะถูกสร้างขึ้นในปี 2491
มีการบันทึกว่าเป็นกระบวนการกวาดล้างชาติพันธุ์อย่างรุนแรง โดยขับไล่ชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนออกจากที่อยู่อาศัยเดิม
ฉนวนกาซาถูกยึดโดยอียิปต์ในช่วงสงครามอาหรับ-อิสราเอล พ.ศ.2491
และยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของอียิปต์จนถึงปี พ.ศ.2510 เป็นปีที่อิสราเอลยึดดินแดนปาเลสไตน์ที่เหลืออยู่ในการทำสงครามกับประเทศอาหรับใกล้เคียง
ฉนวนกาซาเป็นจุดศูนย์กลางแห่งความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์มาตลอด
แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนที่อิสราเอลยึดครอง แต่ฉนวนกาซาก็ถูกตัดขาดจากเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มตะวันออก เมื่ออิสราเอลถูกสถาปนาเป็นรัฐในปี พ.ศ.2491
การปิดล้อมฉนวนกาซา (Blockade) ของอิสราเอลในรูปแบบปัจจุบัน เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ.2550 เมื่ออิสราเอลกำหนดการปิดล้อมทางบก ทางน้ำ และทางอากาศของดินแดนแห่งนี้
อิสราเอลควบคุมน่านฟ้าและน่านน้ำของฉนวนกาซา รวมถึงจุดผ่านแดนสองในสามจุด จุดที่สามอยู่ภายใต้การควบคุมของอียิปต์
การเคลื่อนย้ายผู้คนเข้าและออกจากฉนวนกาซาเกิดขึ้นผ่านทาง Beit Hanoun (ที่ชาวอิสราเอลรู้จักกันในชื่อเอเรซ) ไปอิสราเอล และ Rafah กับอียิปต์
ทั้งอิสราเอลและอียิปต์ยังคงปิดพรมแดนของตนเป็นส่วนใหญ่
เป็นเหตุผลที่ทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและมนุษยธรรมที่มีปัญหาอยู่แล้วย่ำแย่ลงไปอีก
อิสราเอลอนุญาตให้ผ่านจุดข้าม Beit Hanoun ได้เฉพาะใน “กรณีพิเศษด้านมนุษยธรรม โดยเน้นที่กรณีทางการแพทย์เร่งด่วน” เท่านั้น
จำนวนชาวปาเลสไตน์ที่เดินทางออกได้ในช่วงทศวรรษปี 2553-2562 อยู่ที่ 287 คนโดยเฉลี่ยต่อวัน ทั้งนี้ตามสถิติทางการของสหประชาชาติ
อิสราเอลได้จำกัดการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์เข้าและออกจากฉนวนกาซาเป็นเวลานานกว่า 15 ปีที่ผ่านมา
เริ่มต้นในช่วงปลายทศวรรษ 1980 อันเป็นช่วงการลุกฮือของชาวปาเลสไตน์ครั้งแรก หรืออินติฟาดา
อิสราเอลเริ่มกำหนดข้อจำกัดโดยออกกฎกำหนดให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาต้องได้รับใบอนุญาต (ซึ่งได้มาด้วยความยากลำบาก) เพื่อทำงานหรือเดินทางผ่านอิสราเอล หรือเข้าถึงฝั่งตะวันตกและเยรูซาเล็มตะวันออก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 2536 อิสราเอลได้ใช้กลยุทธ์ "ปิด" ดินแดนปาเลสไตน์เป็นเรื่องปกติ
โดยบางครั้งก็ห้ามชาวปาเลสไตน์ทุกคนในบางพื้นที่หลบหนีออกไป แต่ละครั้งก็ยาวนานหลายเดือน
ในปี 2538 อิสราเอลสร้างรั้วอิเล็กทรอนิกส์และกำแพงคอนกรีตรอบๆ ฉนวนกาซา
ทำให้การไปมาหาสู่ระหว่างดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกแยกกันอยู่ยิ่งลำบากมากขึ้น
ในปี 2543 เมื่ออินติฟาดาครั้งที่ 2 ปะทุ อิสราเอลได้ยกเลิกใบอนุญาตการเดินทางและทำงานที่มีอยู่ในฉนวนกาซาจำนวนมาก และลดจำนวนใบอนุญาตใหม่ลงอย่างมากเช่นกัน
ปีต่อมา อิสราเอลทิ้งระเบิดและทำลายสนามบินฉนวนกาซา เพียงสามปีหลังจากเปิดทำการ
สี่ปีต่อมา อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการที่เรียกว่า "การแยกตัว" จากฉนวนกาซา
นั่นคือการประกาศถอนตัวชาวยิวอิสราเอลประมาณ 8,000 คนที่อาศัยอยู่ในถิ่นฐานที่ผิดกฎหมายออกจากฉนวนกาซา
อิสราเอลอ้างว่าการยึดครองฉนวนกาซายุติลงนับตั้งแต่ถอนทหารและผู้ตั้งถิ่นฐานออกจากดินแดนดังกล่าว
แต่กฎหมายระหว่างประเทศมองว่าฉนวนกาซาเป็นดินแดนที่ถูกยึดครอง เนื่องจากอิสราเอลควบคุมพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างเต็มที่
ในปี 2549 ขบวนการฮามาสชนะการเลือกตั้งทั่วไปและยึดอำนาจทางการได้
หลังจากเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงกับฟาตาห์ ซึ่งเป็นคู่แข่งกัน
เพราะฝ่ายหลังประกาศไม่ยอมรับผลการลงคะแนนเสียง
นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสขึ้นสู่อำนาจในปี 2550 อิสราเอลก็เพิ่มการปิดล้อมฉนวนกาซาหนักหน่วงขึ้นอีก
การปิดล้อมหมายถึงการตัดชาวปาเลสไตน์ออกจากศูนย์กลางเมืองหลักอย่างกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลเฉพาะทาง สถานกงสุลต่างประเทศ ธนาคาร และบริการที่สำคัญอื่นๆ
แม้ว่าข้อกำหนดของสนธิสัญญาออสโลปี 2536 ระบุว่า อิสราเอลจะต้องปฏิบัติต่อดินแดนปาเลสไตน์ในฐานะองค์กรทางการเมืองหน่วยเดียว แย่งแบ่งแยก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ฟังเสียง
ยังตัดชาวปาเลสไตน์ที่เป็นคริสเตียนและมุสลิมในฉนวนกาซาออกจากการเข้าถึงศูนย์กลางของชีวิตทางศาสนาอีกต่างหาก
นั่นหมายถึงปัญหาที่ตามมาคือครอบครัวแตกแยก เยาวชนถูกปฏิเสธไม่ให้มีโอกาสศึกษาและทำงานนอกฉนวนกาซา และหลายคนถูกปฏิเสธสิทธิ์ในการรับการรักษาพยาบาลที่จำเป็น
ความจริงการปิดล้อมเช่นว่านี้ถือว่าขัดต่อมาตรา 33 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 ซึ่งห้ามมิให้มีการลงโทษโดยรวม
แต่อิสราเอลก็อ้างความมั่นคงของตนเป็นหลักปฏิบัติที่สร้างความโกรธแค้นชิงชังให้กับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายที่เห็นใจปาเลสไตน์กล่าวหาว่าการที่อิสราเอลปิดล้อมฉนวนกาซาได้ทำลายล้างเศรษฐกิจ และนำไปสู่สิ่งที่สหประชาชาติเรียกว่า "การด้อยพัฒนา" ของดินแดนแห่งนี้
ชาวปาเลสไตน์ประมาณร้อยละ 56 ในฉนวนกาซาต้องทนทุกข์ทรมานจากความยากจน และการว่างงานของเยาวชนอยู่ที่ร้อยละ 63
ชาวปาเลสไตน์มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในฉนวนกาซาเป็นผู้ลี้ภัยที่ถูกไล่ออกจากบ้านในส่วนอื่นๆ ของปาเลสไตน์ในปี 2491
การปิดล้อมได้นำไปสู่การขาดแคลนสิ่งของพื้นฐาน เช่น อาหารและเชื้อเพลิง
นอกจากนี้ยังเป็นอุปสรรคต่อศักยภาพของกาซาในการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว
ปัญหาเรื้อรัง เช่น การเข้าถึงการศึกษา การดูแลสุขภาพ และน้ำสะอาด ได้กลายเป็นปัญหาที่เด่นชัดมากขึ้นทุกที
นับตั้งแต่เริ่มการปิดล้อม อิสราเอลได้เปิดฉากการโจมตีทางทหารที่ยืดเยื้อในฉนวนกาซาสี่ครั้ง: ในปี 2551, 2555, 2557 และ 2564
การโจมตีแต่ละครั้งทำให้สถานการณ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้วของฉนวนกาซารุนแรงขึ้น
ชาวปาเลสไตน์กล่าวหาว่าชาวบ้านหลายพันคนถูกสังหาร รวมถึงเด็กจำนวนมาก บ้านเรือน โรงเรียน และอาคารสำนักงานหลายหมื่นหลังถูกทำลาย
การสร้างใหม่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากการปิดล้อมทำให้วัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กและซีเมนต์ เข้าถึงฉนวนกาซาไม่ได้
การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิสราเอลและการบุกรุกภาคพื้นดินได้สร้างความเสียหายให้กับท่อส่งก๊าซ และโครงสร้างพื้นฐานด้านการบำบัดน้ำเสียของฉนวนกาซาด้วย เป็นผลให้น้ำเสียมักจะซึมเข้าไปในน้ำดื่ม ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคทางน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
องค์การสหประชาชาติระบุว่า น้ำในกาซามากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ไม่ปลอดภัยสำหรับการดื่ม
นี่คือสถานภาพของฉนวนกาซาที่ผ่านมา...ยิ่งเมื่อเกิดสงครามรอบใหม่คราวนี้ อะไรที่ย่ำแย่อยู่แล้วก็เสื่อมทรุดลงไปต่อหน้าต่อตา
และมองไม่เห็นอนาคตเลยแม้แต่น้อย!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


