พอสงครามอิสราเอล-ฮามาสระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา การเมืองภายในของอิสราเอลก็จำเป็นต้องปรับตัวครั้งสำคัญ
4 วันหลังการโจมตีหนักจากฮามาส นายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศตั้ง “ครม.ฉุกเฉิน” ด้วยการเชิญคู่ปรับทางการเมืองคนสำคัญคือ เบนนี แกนซ์ มาร่วมบริหารประเทศเพื่อทำสงครามกับศัตรู
คำถามแรกที่เห็นทั้ง 2 คนมานั่งแถลงข่าวร่วมกันคือ ทั้ง 2 คนจะทำงานร่วมกันได้จริงหรือ?
โพลล่าสุดบอกว่า คนอิสราเอลส่วนใหญ่ไม่ต้องการเนทันยาฮูเป็นนายกฯ เพื่อนำประเทศทำสงคราม
เพราะเขามีภาพลักษณ์ของ “ขวาสุดโต่ง” อีกทั้งยังมีประวัติที่ถูกสอบสวนเรื่องคอร์รัปชันจนมีการเดินขบวนขับไล่ครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้งหลายหน
ก่อนเกิดสงครามรอบนี้ มีการประท้วงลุกลามเกือบทั่วประเทศเป็นเวลาหลายเดือน
ตอกย้ำถึงร่องรอยปริแยกทางการเมืองครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อิสราเอล
คนอิสราเอลยอมลืมความขัดแย้งการเมืองในประเทศชั่วคราวเพื่อทำสงครามกับศัตรู
แต่จะถือว่านี่เป็น “ครม.แห่งความสมานฉันท์” ในยามวิกฤตก็ไม่ได้ เพราะไม่สามารถระดมเอาแกนนำฝ่ายค้านทั้งหมดมาอยู่ในรัฐบาลแห่งชาตินี้ได้
โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดอย่างนายยาอีร์ ลาพิด (Yair Lapid)
เพราะเขาไม่ยอมรับคำเชิญของนายเนทันยาฮูให้ฉีกตัวออกจากแนวร่วมอีก 2 พรรคที่มีแนวทางนิยมขวาจัด
คนที่ยืนอยู่คนละข้างกับนายกฯ คนปัจจุบันเห็นว่าเนทันยาฮูไม่เหมาะที่จะนำประเทศในช่วงสงครามอย่างนี้
ความคิดเห็นในสื่อโซเชียลมีเดียของอิสราเอลที่เห็นต่างชี้ไปในทางที่ควรจะต้องเปลี่ยนผู้นำด้วยซ้ำไป แม้จะถูกมองว่าเป็นความเสี่ยงที่จะ “เปลี่ยนม้ากลางลำธาร” ก็ตาม
“เขาโทษทุกคน ยกเว้นตัวเอง" คือหนึ่งในข้อความที่วิพากษ์เนทันยาฮู
บางคนเห็นว่าที่คนอิสราเอลรวมตัวกันเป็นหนึ่งในยามสงครามนั้น เป็นเพราะการนำของกองทัพ ไม่ใช่ตัวนายกรัฐมนตรี
แต่ก็ปรากฏเป็นข้อเท็จจริงว่าเนทันยาฮู (รู้จักกันในหมู่ผู้สนับสนุนว่า “ราชา บีบี") เป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดของอิสราเอล
ถือว่าเป็น “แมว 9 ชีวิต” ทางการเมืองของประเทศเลยทีเดียว
เพราะนั่งตำแหน่งนายกฯ ถึงครั้งนี้รวมแล้ว 6 ครั้ง
ครั้งล่าสุดคือการได้รับการเลือกตั้งกลับมาเป็นผู้นำประเทศในเดือนพฤศจิกายนเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
เพราะพรรคลิคุดของเขาจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคพันธมิตรฝ่ายขวาจัด
ผลก็คือรัฐบาลอิสราเอลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มีแนวความคิดทางการเมืองเอียงไปทางฝ่ายขวามากที่สุดในประวัติศาสตร์
ทำให้การเมืองของประเทศเริ่มเห็นรอยแยกที่ชัดเจนระหว่างฝ่ายเสรีนิยมกับอนุรักษ์สุดขั้ว
แม้แนวโน้มอย่างนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่เสียเลยทีเดียวสำหรับอิสราเอล และเนทันยาฮูดูเหมือนจะต้องการขับให้เห็นความแตกต่างเด่นชัดมากกว่าเดิม
เพราะเขาเชื่อว่าฐานเสียงสำคัญของเขาคือคนกลุ่มที่สนับสนุนแนวคิดขวาจัด
แต่เมื่อประเทศต้องเข้าสู่สงคราม และการได้เบนนี แกนซ์ ซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกมาก่อนมาร่วม ครม.ฉุกเฉินก็ดูเหมือนจะลดความเสี่ยงของแนวคิดแบบสุดโต่งของเนทันยาฮูได้บ้าง
บทวิเคราะห์ในบางสื่อของอิสราเอลบอกว่า เมื่อนักการเมืองอาวุโสจากฝ่ายค้านอย่าง เบนนี แกนซ์ และกาดิ ไอเซนคอตต์ ได้เข้ามาร่วม “ครม.ฉุกเฉิน” คนอิสราเอลบางส่วนก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เพราะทั้ง 2 เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพมาก่อนแล้ว
กรณีของแกนซ์นั้นมีแนวทางที่สามารถจะหาทางปรองดองกับฝ่ายปาเลสไตน์ได้ในระดับหนึ่ง
สมัยที่เขาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลของนายกฯ นาฟตาลี เบนเนตต์ แกนซ์ เปิดทางให้ชาวปาเลสไตน์จากกาซาเข้ามาทำงานในฟาร์มการเกษตรของอิสราเอลได้
แม้จะถูกกล่าวหาว่าบางคนแอบหาข่าวให้กับกลุ่มฮามาสด้วย
แต่ก็มองกันว่าเขาเป็น “มืออาชีพ” ด้านการทำสงคราม จึงอาจจะสามารถคานอำนาจกับนายกฯ เนทันยาฮูไม่ได้ทำอะไรที่เสี่ยงกับการเปิดทางให้สงครามขยายวงมากเกินไปได้
ล่าสุด สื่อมาริฟ (Maariv) ของอิสราเอลทำโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับความรับผิดชอบของรัฐบาลอิสราเอลต่อสงคราม
ผลการสอบถามความเห็นพบว่า 80% ของผู้สำรวจ เชื่อว่านายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูต้องรับผิดชอบต่อ “ความล้มเหลว” ในงานด้านความมั่นคงที่ปล่อยให้กลุ่มฮามาสโจมตีได้
ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ ในการทำโพลครั้งนี้พบว่า ถ้ามีการเลือกตั้งในวันรุ่งขึ้น ก็คาดว่ากลุ่มพันธมิตรสายกลางของนายแกนซ์ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน จะสามารถเอาชนะพรรคของเนทันยาฮูอย่างท่วมท้นเลยทีเดียว
มีสัญญาณว่า ครม.สงครามอาจจะกำลังเกิดรอยแตกแยกกันขึ้นแล้ว
ข้อความใน X (ทวิตเตอร์) ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาของเนทันยาฮูทำให้เกิดสิ่งที่หลายคนเชื่อว่าทำให้ ครม.ฉุกเฉินมองตากันไม่ติด
หลังเที่ยงคืนวันหนึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เนทันยาฮูเขียนว่า เขาไม่เคยได้รับแจ้งคำเตือนเกี่ยวกับการโจมตีของฮามาสต่ออิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
นั่นคือความพยายามจะโยนความผิดให้กับกองทัพและหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง
พอนายกฯ เล่นเกมโยนบาปใส่กองทัพก็เกิดความโกลาหลในแวดวงการเมืองทันที
ผู้นำทางการเมืองตำหนิเนทันยาฮูว่า การเขียนข้อความเช่นนี้เป็นการ “เล่นการเมือง”
ในขณะที่ประเทศตกอยู่ท่ามกลางการศึกสงครามที่ยากลำบากในฉนวนกาซา
เนทันยาฮูต้องลบข้อความนั้นและกล่าวขอโทษ และยอมรับว่า “ผมผิดเอง”
ทำให้เกิดการวิเคราะห์ว่านี่คือสัญญาณของความแตกแยกที่ขยายวงกว้างขึ้นภายในรัฐบาลและกองทัพ
ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความเป็นผู้นำของเนทันยาฮู และความสามารถของเขาในการนำทางประเทศผ่านสงครามนี้ได้มากน้อยเพียงใด
ถึงกับมีเสียงวิจารณ์ว่า “เนทันยาฮูไม่สนใจเรื่องความมั่นคง ไม่สนใจเรื่องตัวประกัน สนใจแต่ผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองเท่านั้น”
ท้ายที่สุดอิสราเอลอาจจะชนะศึก (การสู้รบในสมรภูมิ) แต่แพ้สงคราม (การเมืองในบ้าน) ก็เป็นไปได้!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


