หากรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน จะทำให้เกิดความโปร่งใสสำหรับโครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ก็ควรจะเปิดเผยรายละเอียดของการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่เรื่องนี้เมื่อเช้าวันศุกร์
ก่อนที่คุณเศรษฐาจะแถลงข่าวบ่ายวันเดียวกันนั้น
เพราะบรรยากาศของการประชุมวันนั้นค่อนข้างจะตึงเครียด
และไม่มีมติให้นายกฯ ประกาศว่าจะออกพระราชบัญญัติกู้เงิน 5 แสนล้านบาทเพื่อแจก 50 ล้านคน
จึงเป็นเพียงการเสนอของนายกฯ ว่าจะทำตามเงื่อนไขที่กำหนดเอง โดยยังไม่ได้ผ่านคณะกรรมการชุดใหญ่อย่างเป็นทางการ
เพราะในการประชุมวันนั้น ตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นที่แตกต่างไปจากข้อเสนอของนายกฯ ในหลายประเด็น
จนทำให้คุณเศรษฐาประกาศในการแถลงข่าวว่า ทั้งหมดที่นำเสนอนั้นยังต้องผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการและต้องผ่านคณะรัฐมนตรีก่อนจะเข้าสู่รัฐสภา
แปลว่าเรื่องไม่ใช่ Full Package และไม่ได้จบแบบ Final อย่างที่คุณเศรษฐาได้ประกาศไว้กับนักข่าวก่อนหน้านั้น
รายงานบางกระแสบอกด้วยซ้ำไปว่า คุณเศรษฐาใช้วิธีการแบบ “หักดิบ “ เดินหน้าประกาศออกไปทั้ง ๆ ที่มีคำเตือนว่าควรจะนำมาปรึกษาหารือกันให้รอบคอบเสียก่อน
รายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ ของโครงการเสร็จสิ้น
เงื่อนไขหลักของข้อเสนอของนายกฯ คือ ในโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท มีกรอบวงเงินกลมๆ 5 แสนล้านบาท ซึ่งจะจ่ายให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ไม่ถึง 7 หมื่นบาทต่อเดือน และมีเงินฝากต่ำกว่า 5 แสนบาท
โดยแหล่งเงินหลักจะใช้กลไกการออกพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.กู้เงิน วงเงิน 5 แสนล้านบาท
คุณเศรษฐาอ้างว่าการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท จะต้องผ่านกระบวนการตีความโดยกฤษฎีกาอีกชั้นหนึ่งก่อน
เพื่อให้ “เป็นไปอย่างรอบคอบ รัดกุม และไม่ขัดต่อหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง”
โดยนายกฯ บอกว่ากระบวนนี้จะมีความโปร่งใส ภายใต้การตรวจสอบถ่วงดุลในระบบรัฐสภา
และมั่นใจว่า ในที่สุดแล้วกฎหมายจะได้รับการอนุมัติโดยรัฐสภา และเป็นไปตามมาตรา 53 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
แต่มาตรา 53 ที่ว่านี้ระบุชัดว่า การกู้เงินนอกเหนือจากที่บัญญัติในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะให้กระทรวงการคลังทำได้
“เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนและอย่างต่อเนื่อง...เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศโดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน...”
คำถามใหญ่คือ รัฐบาลจะสามารถพิสูจน์ได้อย่างไรว่าการกู้เงินก้อนมหาศาลอย่างนี้มีความจำเป็นและเร่งด่วนเพื่อแก้วิกฤตของประเทศ
นายกฯ บอกว่า “ทุกท่านไม่ต้องห่วงเรื่องของการใช้เงินคืน รัฐบาลจะมีแผนจัดสรรเงินงบประมาณมาเพื่อจ่ายคืนเงินส่วนที่เป็นเงินกู้ตลอดระยะเวลา 4 ปี”
ข่าวหลายกระแสบอกตรงกันว่า ในการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ตอนเช้าวันนั้น มีการแสดงความเห็นอย่างร้อนแรงในแง่ของการท้วงติงเรื่องการออกกฎหมายพิเศษกู้เงินก้อนใหญ่นี้
คนที่อยู่ในที่ประชุมเล่าให้นักข่าวฟังว่า ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แสดงความไม่เห็นด้วยในรายละเอียดของโครงการหลายประเด็น
รวมถึงการจะออก พ.ร.บ.กู้เงิน เพราะในบางส่วนอาจจะขัดต่อ พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ. 2501
และมีความเสี่ยงที่จะทำให้เพิ่มอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ธปท.จับตาเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดมาตลอด
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาก็แสดงความเห็นว่าการออก พ.ร.บ.กู้เงินเป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นจะต้องปรึกษาหารือกันให้มีความชัดเจนด้วยการรับฟังความเห็นและคำแนะนำจากหลายๆ ฝ่ายก่อนที่จะเดินหน้าในเรื่องนี้เพื่อความรอบคอบและรัดกุม
จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง
เงาของโครงการจำนำข้าวยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงมีส่วนทำให้ผู้เกี่ยวข้องมีความระมัดระวัง ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
พูดง่ายๆ คือไม่มีใครอยากต้องติดคุกเพราะนโยบายประชานิยมที่เกินขอบเขต และใช้งบประมาณแผ่นดินก้อนใหญ่โดยไม่มีมาตรการป้องกันเอาไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น
ในที่ประชุมยังมีการยกประเด็นการทำงานของอนุกรรมการที่นายกฯ เป็นคนแต่งตั้ง แต่ดูเหมือนคณะกรรมการชุดใหญ่จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อเสนอที่มาจากอนุกรรมการเท่าไหร่นัก
ทำให้เกิดคำถามว่า กระบวนการทำงานเรื่องนี้มีความโปร่งใสและเคารพในความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ มากน้อยเพียงใด
ทั้ง ธปท.และสภาพัฒน์เน้นตลอดว่า การแจกเงินควรจะให้แบบเฉพาะเจาะจง โดยเน้นไปที่กลุ่มเปราะซึ่งเดือดร้อนกว่าคนกลุ่มอื่นๆ ในสังคม
ประมาณกันว่า คนเปราะบางกลุ่มต่างๆ น่าจะมีอยู่ประมาณ 16 ล้านคน และหากแจกพุ่งเป้าไปเฉพาะกลุ่มนี้ก็จะใช้งบประมาณน้อยกว่าเดิมมาก
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ตามมาช่วงบ่ายวันนั้น ก็จะเห็นว่านายกฯ เศรษฐาตัดสินใจเดินหน้าแจกเงินหมื่นให้ 50 ล้านคน
ด้วยการย้ำว่าโครงการนี้มีเป้าหมายหลักคือ การกระตุ้นการใช้จ่าย ไม่ใช่สังคมสงเคราะห์และไม่ใช่เรื่องของประชานิยม
คนที่เข้าร่วมประชุมบางคนเล่าว่า เมื่อเห็นนายกฯ เลือกเส้นทางนั้น ไม่ยอมเลื่อนการแถลงข่าวเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันให้รอบด้านก่อน ธปท.และสภาพัฒน์จึงขอให้ระบุในรายงานการประชุมว่า ทั้งสองหน่วยงานไม่เห็นด้วยกับแนวทางของนายกฯ
มีข่าวว่าการประชุมใช้เวลาที่สั้นมาก เหมือนนายกฯ จะเร่งให้ปิดการประชุม จึงมีคำถามว่าเป็นการ “เร่งรีบ” เกินเหตุจนขาดความรอบคอบหรือไม่
ข่าวบอกด้วยว่าผู้ว่าฯ ธปท.ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ข้อมูลที่นำเสนอในที่ประชุมนั้นยังน้อยเกินไปที่จะทำให้มีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบด้าน
เมื่อเป็นเช่นนี้นายกฯ เศรษฐาก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้แบบเต็มตัว เพราะตัวแทนของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องวินัยการคลังและเศรษฐกิจภาพรวมได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังแล้ว
สรุปว่าโอกาสที่ พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านนี้จะผ่านน่าจะเป็นไปได้ยาก
และถึงจุดนั้นคนที่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองเต็มๆ ก็หนีไม่พ้นคนชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


