พอ “แพทองธาร ชินวัตร” ยกตัวอย่างว่าเครื่องดื่ม “ช็อกมินต์” เป็น Soft Power อย่างหนึ่ง ก็ทำให้มีผู้คนสงสัยว่าตกลงคำนี้มีนิยามอย่างไรกันแน่
เพราะรัฐบาลชุดนี้พยายามจะใช้ “ซอฟต์พาวเวอร์” เป็นจุดขายอย่างมาก
ทั้งๆ ที่ไม่แน่ชัดว่ามันมีความหมายอย่างไร
แม้จะบอกว่ามี 11 อุตสาหกรรมในกรอบของนโยบายเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าคนรัฐบาลมีความเข้าใจเรื่องนี้ตรงกันหรือไม่
ยิ่งหากให้นักการเมืองในพรรครัฐบาลหรือข้าราชการกระทรวงทบวงกรมต่างๆ เป็นคนอธิบายหรือเดินนโยบายเรื่องนี้จะยิ่งทำให้เกิดความสับสนมากขึ้นอย่างไรหรือไม่
เพราะคำนี้มาพร้อมกับ One Family One Soft Power (OFOS) ที่จะทำให้ 20 ล้านครอบครัวสร้าง “ซอฟต์พาวเวอร์” ขึ้นมาด้วยการไปฝึกอาชีพในด้านที่ตนเองใฝ่ฝันอยากทำ ก็ยิ่งเกิดความงุนงงว่าตกลงการ “ฝึกอาชีพ” เป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power หรือเปล่า
หรือการเพิ่มทักษะ, ปรับทักษะที่เรียกว่า Upskill, Reskill เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีนั้นมีอะไรเกี่ยวกับ Soft Power หรือ
พจนานุกรมศัพท์นิเทศศาสตร์ร่วมสมัย ฉบับราชบัณฑิตยสภา พ.ศ.2566 ให้ความหมายของ Soft Power ว่า
“ซอฟต์พาวเวอร์, มานานุภาพ, พลังเย็น”
วันก่อนได้อ่านคำอธิบายของคำนี้จากศาสตราจารย์กิตติคุณ สุกัญญา สุดบรรทัด ราชบัณฑิตสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง แล้วก็ขอแบ่งปันให้ทุกท่านได้ทำความเข้าใจจากแง่มุมของท่านอาจารย์ที่ได้ศึกษาประเด็นนี้จากหลายๆ แง่มุม
บางทีอาจจะช่วยให้คนในรัฐบาลและคนทั่วไปที่ยังมีความงงงันกับคำนี้ได้เริ่มเข้าใจอะไรที่ตรงกับความหมายได้มากขึ้นบ้าง
เพราะหากยังมีความสับสน นโยบายนี้ก็จะกลายเป็นป้ายติดหน้าบ้านที่ไม่มีใครเข้าใจ
อีกทั้งยังจะเสียงบประมาณที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท อย่างเปล่าประโยชน์อีกด้วย
ดร.สุกัญญาได้เขียนไว้อย่างนี้
เมื่อซอฟต์พาวเวอร์ถูกยกขึ้นมาเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ก็มีการถกเถียงกันอย่างมากตอนนี้ว่า ซอฟต์พาวเวอร์คืออะไร
ในทัศนะของผู้เขียน อันที่จริงศัพท์นี้ไม่น่าจะแปลยากในแง่ตัวศัพท์ power ก็พลัง อำนาจ สื่อความหมายได้ง่ายๆ แต่ยากก็ตรงคำว่า soft เถียงกันมามากมายว่าจะแปลว่าอะไรดี
อ่อน ละมุน ละไม นุ่มนิ่ม ฟังดูแล้วก็ขัดๆ ไปหมด
ดังนั้นถ้าจะแปลทับศัพท์ว่า ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งก็ดูจะติดหูคนไทยอยู่แล้วก็เหมาะสมดี
แต่ว่าเราควรจะเข้าใจคำศัพท์นี้ให้ลึกลงไปอีกหน่อยดีไหม ไม่งั้นก็ตอบแบบกำปั้นทุบดิน
ซอฟต์พาวเวอร์ ก็คือซอฟต์พาวเวอร์ไง
อันที่จริง คำว่า soft power นี้ครอบคลุมหลายบริบท ไม่ใช่แต่เฉพาะวัฒนธรรม อะไรก็ตามที่มีพลังยิ่งใหญ่โดยไม่ใช้อาวุธที่เรียกกันว่า hard power ก็อาจจัดอยู่ในกลุ่มได้ทั้งสิ้น
คำว่า soft ในที่นี้จึงมีความหมายลึกกว่าคำแปลโดยทั่วไปในภาษาไทย จริงๆ แล้วก็มีศัพท์ภาษาอังกฤษหลายคำอยู่ที่แปลไทยตรงๆ ไม่ค่อยได้ เพราะไม่สามารถให้ความหมายอย่างที่เป็นอยู่จริงได้
มาว่ากันถึงตัวศัพท์ดีกว่า
ศัพท์ soft power นี้ โจเซฟ นาย (Joseph Nye) นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ชาวอเมริกันเป็นผู้บัญญัติ มาจากคำว่า มานา (mana) ของชนเผ่าดั้งเดิมในนิวซีแลนด์ ซึ่งหมายถึง เวทมนตร์ที่สามารถใช้เพื่อครอบงำสังคมทั้งในและนอกอาณาจักรของตน
ดังนั้นคำนี้ถ้าจะว่าไปแล้ว ตามรากเดิมหมายถึงพลังดึงดูดทางจิตวิญญาณ บ้างก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความสามารถในการรบของหัวหน้าเผ่า บ้างก็ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหมอผี หรือเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ที่เรียกว่า charisma
คำว่า มานา ดูแล้วใกล้กับศัพท์ที่ไทยเราไปขอแขกมาใช้ คือ มน (อ่าน-มะนะ) แปลว่า ใจ ดังนั้นถ้าจะแปลว่า soft power ว่า มานานุภาพ ก็ไม่น่าจะผิด คือมันมีผลในการชักจูงใจ
โดยส่วนใหญ่แล้ว เราจะเข้าใจว่า soft power หมายถึงพลังทางวัฒนธรรมที่การสื่อสารของมนุษย์ดูดดึงเข้าสู่ความสนใจของมหาชน เมื่อสามารถนำมาเป็นสินค้าหรือทุนมันก็เกิดอำนาจทางเศรษฐกิจ
สถาปัตยกรรม วิจิตรศิลป์ ดนตรี นาฏกรรมสื่อพื้นบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่น การแพทย์พื้นบ้านมวยไทย อาหารไทย ผ้าไทย ฯลฯ ล้วนอยู่ในวิถีชีวิตไทย เช่นเดียวกับป่าเขาลำเนาไพร และท้องทะเลอันสวยงาม พวกนี้เป็นทรัพย์แห่งแผ่นดินที่มีพลังดึงดูดทางจิตวิญญาณ
ทั้งยังแสดงอัตลักษณ์ของชาติ ว่านี่คือเรา
อาจมีการผสมกับของต่างชาติบ้าง แต่นี่ก็คือเรา
แม้กระทั่งสิ่งที่ชาวพุทธเราเชี่ยวชาญ คือ การนั่งสมาธิ (meditation) ก็เป็นทรัพย์แห่งชาวพุทธ ที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมานับได้เป็นพันปี จะมีกี่สายกี่สำนักไม่เป็นปัญหา
จะศาสนาใด ก็ล้วนสามารถนำไปปฏิบัติ สงบจิตสงบใจ
เหมาะสมแก่สังคมที่เต็มไปด้วยการแบ่งแยกเรา-เขา ตัวกู-ของกู เหมาะแก่โลกที่กำลังเดือดด้วยพลังร้อนแห่งสงครามและภัยธรรมชาติ
ลองไปดูตามสำนักต่างๆ มีชาวต่างชาติ ต่างศาสนา เข้ามาฝึกสมาธิกันไม่น้อยเลย
กลับไปดูความหมายของโจเซฟ นาย อีกนิด
เขาอธิบายว่า Soft Power หมายถึงพลังอำนาจที่แผ่ออกไปผ่านกลไกทางวัฒนธรรม อุดมการณ์ และสถาบันต่างๆ โดยนัยนี้ อุดมการณ์ทางการเมือง ระบบการศึกษา ทุนนิยม จากประเทศตะวันตกจึงถูกจัดให้เป็น soft power ด้วย
เทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล โซเชียลมีเดียก็เป็นซอฟต์พาวเวอร์ด้วย
เป็นพลังมหาศาลที่สร้างพลโลกครึ่งดีครึ่งร้ายอย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้
soft power ในความหมายที่แท้จริงของมันจึงมีความสัมพันธ์กับแรงดึงดูดทางจิตใจ มิใช่แต่เฉพาะการดึงดูดสตางค์ในกระเป๋าของนักท่องเที่ยว
และยังเกี่ยวพันกับการสร้างอัตลักษณ์และความยิ่งใหญ่ของชาติ
อีกทั้งเป็นพลังเย็น ที่ซ่อนความรุนแรงยิ่งกว่าพลังร้อน
นี่เป็นแง่มุมจากนักวิชาการอาวุโสที่น่าสนใจเพื่อประกอบการถกแถลงความหมายของคำนี้
เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน ก่อนที่นโยบายเรื่องนี้จะออกทะเลไปไกล
ด้วยเหตุแห่งการตั้งการเมืองเป็นเป้า แทนที่จะสร้างคุณค่าของชาติให้เกิด “พลัง” ที่แท้จริงและยั่งยืนที่คนทั้งประเทศได้ประโยชน์อย่างแท้จริง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


