เมื่อคนไทยเป็นเหยื่อสงคราม ทั้งที่อิสราเอลและเมียนมา

การศึกในพม่ากำลังเข้าจุดหักเหที่ฝ่ายต่อต้าดูเหมือนจะกำลังได้เปรียบฝ่ายรัฐบาลทหาร

ข่าวที่ออกมาจากหลายกระแสบอกว่าทหารฝ่ายต่อต้านสามารถยึดฐานที่มั่นของฝ่ายรัฐบาลหลายสิบแห่ง อีกทั้งยังเริ่มจะมีอาวุธทันสมัยรวมทั้งโดรนสงครามมาช่วยในการปะทะกับทหารพม่าที่ใช้ทั้งปืนใหม่และเครื่องบินถล่มใส่ที่ตั้งของฝ่ายต่อต้าน

ฝ่ายต่อต้านมีการรวมตัวกันของกลุ่มชาติพันธุ์ 3 กลุ่ม เรียกตัวเองว่าเป็น Brotherhood Alliance หรือ “พันธมิตรภราดรภาพ”

การปะทะรอบนี้ใช้รหัส Operation 1027 ในบริเวณรัฐฉานทางตอนเหนือ

เน้นไปที่บริเวณติดกับชายแดนจีนเขตปกครองพิเศษโกก้าง และเขตปกครองของว้า

ตรงนี้แหละที่คนไทยกลายเป็นเหยื่อของสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงมาก่อน

เพราะคนไทยเหล่านี้ถูกหลอกไปทำงานให้แก๊งจีนเทา หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตอิทธิพลของก้างและว้า

คนไทยส่วนใหญ่ที่ติดอยู่ในภาวะสงครามและได้รับความช่วยเหลือจากทางกองทัพพม่าอยู่ที่เมืองเล่าก์ก่ายซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับจีน

สำนักข่าวชายขอบแจ้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าคนไทยที่ถูกต้มตุ๋นออนไลน์ในเมืองเล่าก์ก่าย 164 คนที่พักหลบภัยจากสงครามการสู้รบระหว่างกองทัพพม่ากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ ได้ย้ายออกจากค่ายทหารพม่าไปพักในที่ปลอดภัยแห่งใหม่

ก่อนหน้านั้นมีการสู้รบบริเวณใกล้ค่ายทหาร ทำให้คนไทยต้องวิ่งหลบกระสุนกันอย่างวุ่นวาย

เพราะค่ายทหารพม่าตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี และกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์ได้ยึดฐานทหารพม่าในบริเวณภาคเหนือของรัฐฉานไว้ได้จำนวนมาก

ขณะที่คนไทยบางส่วนถูกทหารพม่าเกณฑ์ไปเป็นแรงงานขุดสนามเพลาะและบังเกอร์

สำนักข่าวชายขอบบอกว่ายังมีคนไทยอีก 41 คนที่หลบหนีจากตึกซึ่งเป็นที่ตั้งของธุรกิจจีนเทาเข้าไปยังเขตปกครองพิเศษว้า และกองกำลังสหรัฐว้าได้ให้การช่วยเหลือไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว

กระทรวงการต่างประเทศไทยได้มอบเงินบางส่วนเป็นค่าอาหารให้คนไทยกลุ่ม 164 คน และล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้เรียกประชุมฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องด่วน เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการนำคนไทยกลับประเทศ

สำนักข่าว Irrawaddy รายงานนับตั้งแต่กลุ่มพันธมิตร The Brotherhood Alliance ประกอบด้วย กองทัพโกก้าง (Myanmar National Democratic Alliance Army-MNDAA) กองทัพตะอางหรือปะหล่อง (Ta’ang National Liberation Army-TNLA) และกองทัพอาระกัน (Arakan Army-AA) โจมตีกองทัพพม่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้สถานการณ์ยังคงตึงเครียด

โดยสหประชาชาติระบุว่าตัวเลขผู้ลี้ภัยทางเหนือรัฐฉานเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คนแล้ว 

ข่าวบอกว่ากลุ่มพันธมิตรทางเหนือฯสามารถยึดฐานทัพของกองทัพพม่าได้ 130 แห่ง กระสุนและอาวุธจำนวนมากก็ถูกยึดพร้อมกับรถหุ้มเกราะและรถถังอีกจำนวน 8 คัน

โดยพันธมิตรทั้ง 3 กลุ่ม ยังสามารถยึดหลายเมืองในเขตรัฐฉานจากกองทัพพม่า เช่นเดียวกับเส้นทางค้าสายหลักอย่างเมืองมัณฑะเลย์ไปจีนก็ถูกปิดเพื่อสร้างความกดดันให้กับกองทัพพม่า

ปฏิบัตินี้ยังได้แพร่กระจายไปยังเขตสะกายโดยเมืองเกาลิน ถูกทหารเพื่อประชาชน หรือ PDF (People’s Defence Force) ยึดได้เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดที่กองกำลังต่อต้านยึดครองได้

นอกจากนี้ ยังมีเมืองกัมแพต ในเมืองทามู ใกล้ชายแดนอินเดียก็ถูกยึดโดยทหาร PDF เช่นกัน

ทำให้ เมื่อวันที่8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.อ.มิน อ่อง หลาย ผู้นำพม่าต้องเรียกประชุมคณะมนตรีกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติอย่างฉุกเฉินพร้อมให้คำมั่นว่าจะตอบโต้

กลุ่มพันธมิตรทางเหนือประกาศว่า จะเพิ่มการโจมตีต่อกองทัพพม่ามากขึ้น และจะขยายปฏิบัติการ 1027 ไปยังพื้นที่อื่นๆทั่วประเทศ

โดยจะประสานร่วมมือกับกลุ่มติดอาวุธกลุ่มอื่นๆ เช่น กองทัพคะเรนนีและกองทัพคะฉิ่น เป็นต้น

ด้านนายดูวา ลาชิ รักษาการประธานาธิบดีของรัฐบาล NUG กล่าวว่า ปฏิบัติการ 1027 ได้ทำให้ประชาชนมีความหวังขึ้นมา และถ้าหากกองทัพยอมรับความพ่ายแพ้และยอมรับระบอบสหพันธรัฐประชาธิปไตย เชื่อว่า สงครามความขัดแย้งจะสิ้นสุดลงในเร็วๆนี้

ทางด้านผู้นำของกลุ่ม Homalin PDF กล่าวว่า หากกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มประสานร่วมมือกันยึดเมืองได้มากขึ้น เชื่อว่า อีกไม่ช้า อาจจะไปถึงเมืองหลวงกรุงเนปีดอว์ซึ่งเป็นฐานบัญชาการสำคัญของกองทัพพม่าด้วย

เมื่อมีการสู้รบอย่างหนักทั่วรัฐฉานตอนเหนือและพื้นที่ชายแดนจีน-พม่า ทำให้เมืองที่เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทาถูกปิดล้อม

อันมีผลทำให้เหยื่อทั้งหมดไม่สามารถหนีออกมาได้

การสู้รบล่าสุดระหว่างกองทัพกำลัง “The Brotherhood Alliance” กับกองกำลังทหารพม่ากำลังเข้าจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีความสำคัญยิ่ง

อาจจะเป็นจุดเปลี่ยน “สมการแห่งอำนาจ” ในพม่าที่จะมีผลกว้างไกลต่อภูมิภาคนี้

และแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในเพื่อนบ้านด้านตะวันตกของเราก็จะมีผลกระทบทั้งด้านบวกและลบอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย