คุณปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ ตั้งแต่รับตำแหน่งมายังไม่ได้นั่งให้สื่อไทยซักถามเรื่องทิศทางของนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลใหม่
สื่อหลายสำนักน่าจะได้ติดต่อท่านเพื่อขอความกระจ่างเรื่องนี้ แต่คำตอบจากกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ก็ยังเป็น “ท่านยังไม่พร้อม”
ดังนั้น เมื่อได้เห็นคำให้สัมภาษณ์ของคุณปานปรีย์ที่อเมริกาในโอกาสที่ไปร่วมประชุมสุดยอด APEC ต้นสัปดาห์นี้ โดยนักข่าวของวีโอเอไทย จึงมีความน่าสนใจ
หัวข้อสำคัญประการหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องการเจรจากรอบการค้าที่อเมริกาเป็นคนริเริ่ม
นั่นคือ IPEF (Indo-Pacific Economic Framework for Prosperity) มีความคืบหน้าไปหลายด้าน
IPEF เป็นข้อเสนอจากสหรัฐฯ เพื่อคานอำนาจกับ One Belt One Road หรือ BRI ของจีน
แม้จะไม่ได้มีรายละเอียดเหมือนกันทั้งหมด แต่เป้าหมายของสหรัฐฯ ก็คือการแสดงให้โลกได้เห็นว่าวอชิงตันก็ไม่ได้น้อยหน้าปักกิ่งในเรื่องการสร้างความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน
แต่ IPEF มีกลิ่นเนยไม่น้อย เพราะมีประเด็นเรื่องความโปร่งใสและมาตรฐานแรงงานและสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดให้ทุกประเทศสมาชิกต้องทำตามก่อนที่จะเข้าเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ
คุณปานปรีย์ยอมรับว่าที่ยังติดอยู่เรื่อง “การค้า” อันเป็น 1 ใน 4 เสาหลัก
ที่ประกอบด้วย การค้า ห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความโปร่งใสและยุติธรรมทางเศรษฐกิจ
รัฐมนตรีการต่างประเทศบอกว่า ทั้งสี่เสาหลักมาถูกทางแล้ว และค่อนข้างเป็นเรื่องที่ทันสมัย
ถึงวันนี้สามเสาหลักหลังมีความคืบหน้าไปมาก พร้อมที่จะลงนามกัน
แต่เสาหลักแรกซึ่งเป็นเรื่องการค้า หรือ trade เป็นหัวข้อที่ต้องเจรจากัน เพราะยังมีรายละเอียดอีกหลายๆ ด้านที่ยังไม่ลงตัว แต่ก็เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้จะจบลงด้วยดี
เพราะการค้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ละประเทศก็ต้องการจะปกป้องผลประโยชน์ของตน
หากจะมีการเปิดประตูให้สินค้าจากประเทศสมาชิกเข้ามาโดยไม่เสียภาษีหรือเสียภาษีน้อย ก็อาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ
จึงเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องต่อรองด้วยความระมัดระวัง และการตัดสินใจก็ต้องใช้เวลา
เพราะมีทั้งประเด็นการเมืองในประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม
ประเทศที่ร่วมเจรจากรอบเศรษฐกิจ IPEF มี 14 ประเทศ ได้เเก่ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บรูไน ฟิจิ อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ เวียดนาม และไทย
อินเดียและฟิจิไม่ได้อยู่ในกลุ่มเอเปก แต่ร่วมหารือกรอบ IPEF
ระหว่างการสัมภาษณ์ รัฐมนตรีปานปรีย์ยังได้เล่าถึงแผนช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป ในสงครามอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธดังกล่าว ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.
คุณปานปรีย์บอกว่า
“จริงๆ แล้วตัวประกันของเราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับทั้งสอง (ฝ่าย) เพราะฉะนั้นเขาไม่ควรได้รับผลกระทบตรงนี้ นอกจากนั้นการจับตัวประกันไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรม... เราขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันของทุกคน โดยเฉพาะของไทยให้เร็วที่สุด”
คุณปานปรีย์ระบุถึงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ในตะวันออกกลางที่รัฐบาลไทยประสานงานในความพยายามช่วยตัวประกันชาวไทย
“เขาบอกว่าความยากที่จะเอาตัวประกันออกมาในเวลานั้น เนื่องจากคนที่จับตัวประกันไม่ได้มีกลุ่มเดียว มีมากกว่าหนึ่งกลุ่ม อาจจะเกินสองกลุ่มด้วยซ้ำ แล้วตัวประกันอาจถูกจับแยกกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งหมด”
ในอีกหัวข้อหนึ่ง รัฐมนตรีปานปรีย์ยังตอบข้อซักถามถึงนโยบายของไทยกับรัสเซีย หลังจากที่ไทยขยายกรอบเวลาให้นักท่องเที่ยวรัสเซียพำนักในไทยได้สูงสุดถึง 90 วัน จากเดิม 30 วัน
รวมถึงการที่นายกรัฐมนตรีไทย เศรษฐา ทวีสิน ได้เอ่ยปากชวนประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน มาเยือนไทย
ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาประเทศตะวันตกที่เป็นมิตรกับไทยได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียมาโดยตลอด สืบเนื่องจากที่รัสซียบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022
คุณปานปรีย์ย้ำว่า
“มันต้องแยกกันเป็นสองส่วนนะ ในมุมการเมืองก็เรื่องนึง ในเรื่องเศรษฐกิจก็อีกเรื่องนึง...เรื่องวีซ่า 90 วันไม่ได้เป็นเรื่องการเมืองเลย เป็นเรื่องของเศรษฐกิจโดยตรง ทุกวันนี้ชาวรัสเซียมาเที่ยวประเทศไทยเยอะอยู่แล้ว แล้วก็ชอบประเทศไทยมาก... เรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องความขัดแย้งของมหาอำนาจ ...อย่างที่ผมเรียนไว้แล้วว่าเราเป็นมิตรกับทุกประเทศ”
รัฐมนตรีบอกว่า “ท่านนายกฯ เวลาไปเยือนที่ไหน โดยมารยาทท่านก็จะเชิญทุกท่าน พอถึงเวลา จะต้องมาจริงหรือไม่มาจริง เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอีกครั้ง”
สิ่งที่คนไทยกำลังรออยู่คือคำแถลงของรัฐบาลเศรษฐาที่จะตอบคำถามว่านโยบายของไทยในเวทีสากลและเพื่อนบ้านจะปรับเปลี่ยนจากรัฐบาลก่อนหรือไม่ อย่างไร
เพราะสิ่งที่เราเห็นคือการที่นายกฯ เดินทางไปหลายประเทศ และชักชวนนักธุรกิจของประเทศเหล่านั้นมาลงทุนอย่างต่อเนื่องและถี่มาก
แต่ไม่ชัดเจนว่าทิศทางและแนวทางจริงๆ ของนโยบายต่างประเทศ, เศรษฐกิจ, ความมั่นคงและสังคมเป็นอย่างไรกันแน่
โดยเฉพาะแนวทางเรื่อง “ภูมิรัฐศาสตร์” หรือ Geopolitics นั้น เรามียุทธศาสตร์อย่างไร
หวังในความชัดเจนและความพร้อมที่จะตอบคำถามในทุกๆ ประเด็นเหล่านี้ในอนาคตอันใกล้นี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ


