ห้วงระทึก'นายพัน'!

และบช. ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. ให้ดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก. ลงมาถึง สว. ให้เสร็จสิ้น และมีคำสั่งแต่งตั้งพร้อมกันทุกหน่วยใน 29 พ.ย.66 ๐

ดูเหมือน 2 สัปดาห์ก่อนบัญชีแต่งตั้ง "นายพัน" จะเสร็จสิ้นตามคำสั่ง "ผบ.ต่อ" บรรยากาศแวดวงสีกากีต่างระทึก!!! ทั้งภายในรั้วปทุมวัน และตามกองบัญชาการต่างๆ เมื่อมีข่าวลือ มีข่าวสะพัดในทำนองการจัดบัญชีแต่งตั้งกลุ่มนอกเหนือจากอาวุโส 33% พวกความรู้ ความสามารถ จะเน้นยึดอาวุโสเป็นหลัก ส่วนพวกแตะเพดานให้ทำใจโอกาสเข้าป้ายมีน้อย ถ้าผู้สนับสนุนไม่แข็งจริง เลยทำให้ตอนนี้พวกดาวรุ่ง มีฝีมือหลายคนเริ่มถอดใจ เริ่มมีเสียงบ่น ผู้อาวุโสบางคนไม่ทำงานได้พิจารณามากกว่าเด็กหนุ่มคนทำงาน อย่างไรคงต้องวัดใจ "ผบช." ทั้ง 22 กองบัญชาการที่ไม่ได้สังกัด สง.ผบ.ตร. กล้าเลือก กล้าหยิบคนทำงานขึ้นมาพิจารณาตำแหน่งสูงขึ้นบ้าง หากมีฝีมือดีจริงๆ หรือไม่ เพราะอย่าลืมกฎหมายกำหนดชัด นอกเหนือจาก 33% ที่ยึดตามอาวุโสแล้ว นอกนั้นพิจารณาทั้งอาวุโส ความรู้ ความสามารถ ๐

ยกมือสนับสนุนเต็มที่ "โครงการเยี่ยมบ้านโรงพยาบาลตำรวจ" ที่ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ ลงพื้นที่ย่านบางขุนเทียน และเทียนทะเล เยี่ยมครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ จากการปฏิบัติหน้าที่ 3 นาย เป็นผู้ป่วยติดเตียง 1 นาย อีก 2 นาย เป็นผู้ป่วยที่บาดเจ็บทางกระดูก โดยนำทีมแพทย์ พยาบาล จากหลายหน่วย อาทิ แพทย์ประจำบ้านออร์โธปิดิกส์ พยาบาลศูนย์เยี่ยมบ้าน โภชนากร และนักสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ตรวจรักษาอาการคนไข้ ซึ่งเป็นการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมมอบอาหารเสริม เครื่องดื่ม และของใช้ที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยให้กับครอบครัวเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และต่อสู้กับชีวิต ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ สร้างความดีใจและซาบซึ้งใจ ให้กับผู้ป่วยและครอบครัวเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็น 1 ใน 12 โครงการของโรงพยาบาลตำรวจ ที่ขานรับสานต่อนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ fit fair fun ที่ดูแลข้าราชการตำรวจและครอบครัวให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง รวมถึงให้ขวัญกำลังใจในการทำงานให้เป็นโปลิสโฮม ตำรวจของประชาชนอย่างแท้จริง ๐

นี่สิ "นายพลนักกีฬา" ของจริง บิ๊กก้อง-พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ผนึกกำลังภาคเอกชน จัดงาน "วิ่งเฉลิมพระเกียรติ CIB Run เคียงข้างประชาชน" ณ สนามปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต สนามบินสุวรรณภูมิ (สนามฟ้า) วันที่ 10 ธ.ค.นี้ วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี รวมทั้งเปิดให้ประชาชนจากทุกภาคส่วนมาร่วมกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นการแสดงพลังบวกในการร่วมกันจัดกิจกรรมในวันมหามงคล เนื่องในวโรกาสวันที่ 5 ธ.ค.2566 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ด้วยการรวมใจวิ่งเฉลิมพระเกียรติ โดยระยะทางวิ่งมีให้เลือกตั้งแต่ Family Run ระยะ 1.5 กม., กิจกรรมวิ่งระยะ 4.5 กม., กิจกรรมวิ่งระยะ 10 กม. และกิจกรรมวิ่งระยะ 23 กม. และในทุกๆ ระยะ จะมีเสื้อวิ่ง CIB Run 2023 พร้อมกับเหรียญรางวัลหนุมาน Run สุดพิเศษ ที่ออกแบบมาเฉพาะกิจกรรมในครั้งนี้เท่านั้น เปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.66 ที่เว็บไซต์ www.cibrun.com ๐

เรียกว่าเป็นสัปดาห์ที่กองทัพบกต้องลุ้นในการช่วยเหลือคนไทยที่หนีภัยการสู้รบออกมาจาก “เมืองเล่าก์ก่าย” เขตปกครองพิเศษที่ 1 ของเมียนมาในพื้นที่รัฐฉาน เขตอิทธิพลของโกก้าง คนไทยชุดแรกจำนวน 41 คนได้รับการช่วยเหลือจากชนกลุ่มน้อยเดินทางมาส่งต่อให้ทหารเมียนมาที่ภูมิภาคสามเหลี่ยมทหารบกเมืองเชียงตุง ก่อนดำเนินกรรมวิธีส่งต่อมายัง บก.ยุทธศาสตร์ทหาร ห่างจากท่าขี้เหล็กประมาณ 2 กิโลเมตร ตามกำหนดการเดิมจะต้องส่งถึงฝั่งไทยตั้งแต่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่เหมือนหยุดชะงักไปด้วยเหตุไม่พึงประสงค์ ทำให้ต้องดำเนินการคู่ขนานโดยกระทรวงการต่างประเทศ ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง ซึ่งมีเอกอัครราชทูตไทย และผู้ช่วยทูตทหารในการประสานงานอย่างเร่งด่วน และกองทัพภาคที่ 3  โดยใช้กลไกของคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา หรือทีบีซี มี พ.อ.ณฑี ทิมเสน ผบ.หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมาฝ่ายไทย กับ พ.อ.ตู่ล่า ส่อวินโซ่ ผู้บังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก ที่ห้องรับรองด่านศุลกากร จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ทิศทางเป็นไปในทางบวก จนกระทรวงการต่างประเทศเมียนมามีหนังสือส่งไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ยืนยันส่งคนไทยทั้ง 41 คนกลับไทยในวันที่ 18 พ.ย.นี้อย่างแน่นอน ๐

นอกจากปฏิบัติการช่วยคนไทยซึ่งมีความซับซ้อนพอสมควร เนื่องจากมีเรื่องของผลประโยชน์ กลุ่มผู้มีอิทธิพล และประเทศมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งมีเรื่องการ “ชิงซีน” ปาดหน้าเค้กกันของคนของบางหน่วยงานของไทย มีตัวละคร  “คนมีสี” ที่เคยเป็นประเด็นในเรื่อง “จีนเทา” เข้ามาเกี่ยวข้อง ที่น่าสนใจคือ เรื่องที่ถูกมองว่าเป็นเรื่อง “ขี้หมูราขี้หมาแห้ง” ดันกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือคนไทย เพราะเบื้องหลังการถ่ายทำของประเทศมหาอำนาจด้านเหนือของเมียนมา กดดันอย่างหนักในการทลายแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติให้สิ้นซาก  ที่ย้ายฐานที่มั่นมาอยู่รอบบ้านเราไปฝั่งซ้ายมาฝั่งขวา จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน ทั้งที่เมียนมาและกัมพูชาก็มีความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์กับจีนอยู่แล้ว แต่ยิ่งตีเหมือนยิ่งโต เพราะเม็ดเงินจากการหลอกลวง ต้มตุ๋น มีจำนวนมหาศาล สามารถซื้อกองกำลังฯ มาอยู่ในมือและขยายอิทธิพลจนน่ากลัว ถ้าจีนปล่อยให้โตไปกว่านี้ก็คงแก้ไขปัญหาได้ยากในอนาคต ๐

เป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจาก “บิลลี่” พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) รับตำแหน่ง ก็เข้าพบปะหารือกับผู้บริหารของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แก่ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ 4 และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ห้องรับรองกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เพื่อกำหนดทิศทางและขับเคลื่อนการดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครอบคลุมทุกมิติ บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น สำหรับการพูดคุยสันติสุข คงต้องรอรัฐบาลในการเคาะคณะทำงานชุดใหม่อีกซักพัก หลังจากมีข่าวว่ามีชื่อ “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อาจจะเข้ามานั่งเป็นประธาน แต่อีกกระแสข่าวหนึ่งระบุว่า น่าจะเป็นทีมที่มีประสบการณ์ส่งตรงมาจากพรรคเพื่อไทย ที่กำลังเตรียมทีมกันอย่างขะมักเขม้น.