ถ้าจะสร้างอนาคตด้านเศรษฐกิจที่มั่นคงจริงๆ จะต้องลงมือทำอะไรบ้าง?
ต่อจากแนวทางวิเคราะห์ของ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ แห่ง TDRI ที่ผมนำมาเล่าให้ฟังเมื่อวานนี้ ข้อเสนอสำหรับการสร้างฐานรากเศรษฐกิจจริงๆ ต้องเลิกมองสั้น มุ่งสู่การสร้างฐานอย่างจริงจัง
ในรายงานของ ThaiPublica นั้น ดร.สมเกียรติบอกว่าแม้หลายรัฐบาลเชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอีกหลายเรื่องซึ่งมีการแก้ไขบ้างแล้ว แต่ก็ดำเนินการได้อย่างล่าช้า
ยกตัวอย่างผลสำรวจนักลงทุนญี่ปุ่นของ JETRO ก็พบปัญหาซ้ำเดิมที่บริษัทญี่ปุ่นระบุให้รัฐบาลไทยแก้ไข ได้แก่ 1.พิธีการศุลกากร ที่ยังมีความล่าช้า ความไม่โปร่งใส 2.การคิดภาษีเงินได้ ซึ่งต่อไปจะซับซ้อนมากขึ้น 3.กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 4.ใบอนุญาตทำงาน
ตอนหนึ่ง ดร.สมเกียรติยกตัวอย่างเรื่องธุรกิจข้าวของประเทศไทย ที่ยังอยู่ในยุคของก่อนเปลี่ยนศตวรรษ 2489 ในยุคข้าวยากหมากแพง และต้องควบคุมไม่ให้คนไทยอดอยาก เกิดปัญหาความมั่นคงทางอาหาร
“แต่ทุกวันนี้ไทยเจออีกโจทย์หนึ่งคือ สูญเสียความสามารถในการส่งออกข้าว เพราะต้องแข่งส่งออกข้าวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม เป็นต้น” แล้วพบว่า ยอดขายไทยตกลง
ธุรกิจข้าวก็ยังถูกควบคุม เช่น ปริมาณและสถานที่เกี่ยวข้าว ซึ่งต้องรายงาน การเคลื่อนย้ายข้าวก็ต้องรายงาน ผู้ที่จะส่งออกข้าวก็ต้องมีปริมาณสำรอง มีปัญหาที่เป็นอุปสรรคจำนวนมาก
“หากประเทศไทยอยากจะเพิ่มศักยภาพในการเติบโต อยากจะก้าวกระโดด สิ่งหนึ่งที่ควรทำคือ การลดกฎระเบียบที่เป็นปัญหา หรือการทำ Regulatory Guillotine กิโยตีนกฎหมาย ซึ่งก็ยินดีที่ได้ยินว่าเป็นหนึ่งวาระของรัฐบาลใหม่ เพราะเรื่องนี้จะช่วยประเทศไทยปลดล็อกเกิดศักยภาพได้สูงสุด”
การศึกษาก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่
ดร.สมเกียรติกล่าวถึงการยกระดับทักษะแรงงานว่า มีการศึกษาที่อาจจะชี้ว่าคนไทยไม่ Future Proof (ความสามารถที่จะปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต) กับโลกที่จะเปลี่ยนไป
เพราะระบบการศึกษายังไม่เพิ่มทักษะให้คนได้มากนัก โดยผลสำรวจพบว่า คนขับไรเดอร์ 56% จบการศึกษาระดับมัธยม จบปริญญาตรี 24% การที่คนจบปริญญาตรีมาเป็นไรเดอร์บอกอะไรบางอย่าง สิ่งที่น่าสนใจคือรายได้ของไรเดอร์เกินกว่า 15,000 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่รัฐบาลถือเป็นค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับปริญญาตรี มีสัดส่วนสูงถึง 42%
หมายความว่า แทนที่จะไปทำงานที่ใช้ทักษะปริญญาตรี การไปเป็นไรเดอร์ได้ค่าจ้างดีกว่า และหมายความว่า การฝึกทักษะจากมหาวิทยาลัยไม่มีผลิตภาพเพียงพอหรือไม่
ดร.สมเกียรติกล่าวว่า เมื่อย้อนไปดูก็พบปัญหาที่ใหญ่และควรจะแก้ ซึ่งต้องใช้เวลานาน จัดว่าเป็นการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่ใน 5 ปี แต่เป็น 10-20 ปี ก็คือ “คุณภาพการศึกษาพื้นฐานของไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ”
เห็นได้จากผลสอบ PISA จากการจัดสอบเด็กอายุ 15 ปี ที่ว่านักเรียนไทยในสัดส่วนประมาณ 40% มีทักษะด้านวิทยาศาสตร์ในระดับไม่สามารถใช้งานได้ หรือ Functionally Illiterate
ไม่ได้หมายความว่าจำข้อเท็จจริงด้านวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่ประยุกต์ใช้ไม่ได้เลย
ธนาคารโลกชี้คะแนน PISA เด็กไทยถดถอย ย้ำ 3 ประเด็นสำคัญที่รัฐต้องเร่งแก้ด่วน
ส่วนในด้านการอ่านสูงถึง 50% หมายความว่าเด็กไทยอายุ 15 ปี เห็นข้อความเป็นพารากราฟ อ่านออกเสียงได้ แต่สรุปจับใจความไม่ได้
และมองแนวโน้มในระยะยาวจะเห็นว่า ความสามารถในการอ่านของเด็กไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง
และ 2 ปีที่ผ่านมา สพฐ.ก็จัดสอบการอ่านของเด็กไทย ซึ่งได้ผลที่คล้ายกันคือ เด็กไม่สามารถอ่านจับใจความเรื่องง่ายๆ ได้ และไม่สามารถย่อความได้
“นี่คือความท้าทายอย่างยิ่งว่าเราจะไปต่อกันอย่างไร”
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญกับโลกที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน (Globalized) อย่างมาก คือ การที่สามารถสื่อสารกับประชาคมโลกได้ ก็พบว่าคนไทยไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ โดยคะแนนภาษาอังกฤษของไทยอยู่ที่อันดับ 100 ใน 112 ประเทศ เป็นรองบ๊วยอันดับ 3 ในเอเชียและอยู่อันดับสุดท้ายในอาเซียน
และคนในกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้คะแนนดีกว่าคนต่างจังหวัดนัก
“อาเซียนจะเป็นศูนย์กลางการเติบโตใหม่ แต่การเติบโตของไทยต่ำกว่าอาเซียนโดยรวม ซึ่งอาจจะเป็นทักษะของคนไทยที่ไม่พร้อมกับการทำงานทักษะสูงในภูมิภาค ประเทศไทยค้าขายกับต่างประเทศ รับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ภาษาอังกฤษไม่ได้ นี่คือโจทย์ทักษะซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่มาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำเป็นโจทย์ที่ต้องใช้เวลาและต่อเนื่อง เพื่อสร้างรากฐานการพัฒนาการศึกษาไทย” ดร.สมเกียรติกล่าว
อย่างแรก การศึกษาไทยต้องปรับหลักสูตรใหม่ภายใน 3 ปี หลักสูตรการศึกษาพื้นฐานใช้กันมาตั้งแต่ปี 2551 เป็นเวลา 15 ปีแล้ว เรียนเป็นรายวิชา ไม่ได้เป็นหลักสูตรที่เน้น “สมรรถนะ” (Competency) ประเทศไทยควรนำหลักสูตรสมรรถนะมาใช้โดยเร็วภายใน 3 ปี
อย่างที่สอง แยก “การอ่าน” ออกจากภาษาไทย ส่วนหนึ่งเด็กอ่านไม่ออกจริง แต่อีกส่วนมาจากการเน้นไปที่ตัวสะกด การอ่านจึงถูกจำกัดจากวิชาภาษาไทย ซึ่งเป็นคนละส่วน ถูกวิธีคิดของวิชาภาษาไทยครอบงำ ไม่ได้สนใจสมรรถนะอย่างแท้จริง
แต่การนำหลักสูตรใหม่มาใช้จะไม่ได้ผลหากไม่ปลดภาระงานของครู ซึ่งเป็นการปลดล็อกวิธีหนึ่ง ครูไทยไปโรงเรียนแต่ไม่ได้อยู่ในห้องเรียน เพราะต้องทำงานด้านเอกสาร เสียเวลาไปเยอะมาก ต้องคืนเวลาให้ครู ฝึกอบรมครูได้มีทักษะใหม่
นอกจากนี้ ต้องสร้างทักษะต่อเนื่อง หากทักษะในมหาวิทยาลัยไม่ได้สร้างทักษะให้เกิดการเรียนรู้ได้จริง ทำให้เกิดรายได้สูง ยกตัวอย่างไต้หวันที่มีหลักสูตร AI และ IoT ใช้เวลาเรียน 6 โดยใช้โจทย์จริงจากภาคอุตสาหกรรม ใช้ข้อมูลจริง ใช้วิธีแก้ปัญหาจริง ผู้ที่จบหลักสูตรสั้นๆ เงินเดือนเพิ่มขึ้น 20-30%
“วิธีแบบนี้หากรัฐบาลสนับสนุนให้มีคอร์ส เชื่อมโยงกับผลการเพิ่มสมรรถนะของนักเรียนได้ ก็จะทำให้ไทยมีแรงงานทักษะในหลายด้าน”
ดร.สมเกียรติสรุปว่า ประเทศไทยถ้าจะปรับตัวสู่ยุค Future Proof ให้เติบโตแบบ Exponential ได้ อย่างแรกคือ เลิกมองสั้น เลิกฝันแต่การกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเติบโตต่อเนื่องก็ต้องคิดเรื่องสร้างรากฐาน ลดกฎระเบียบที่เป็นปัญหาอุปสรรค
ลดการบิดเบือนกลไกตลาด
สร้างโครงสร้างพื้นฐาน เร่งรับนวัตกรรม และเริ่มการสร้างนวัตกรรมของตัวเอง
แนวคิดที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างอนาคตของไทยนั้นมีอยู่หลากหลายมากมาย
อยู่ที่ว่ารัฐบาลพร้อมจะรับฟังและนำไปปรับใช้ โดยไม่รู้สึกกลัวเสียหน้าหรือเสียคะแนนหรือไม่เท่านั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


