นโยบายต่างประเทศของไทยกำลังจะเดินไปบนเส้นทางไหนอย่างไรจะมีผลต่อการทำให้ประเทศไทย “กลับสู่จอเรดาร์โลก” หรือไม่
คุณปานปรีย์ พหิทธานุกร, รองนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่, ดูเหมือนจะเข้าใจดีว่านักการทูตไทยในยุคนี้ต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่เพราะโลกเข้าสู่สภาพผันผวนรวนเรอย่างแท้จริง
อะไรที่เราเคยคิดว่าเป็น “จุดแข็ง” หรือ “เสน่ห์” ของประเทศไทยอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป
ประเด็นสำคัญก็คือตำราดั้งเดิมว่าด้วยการทูตระหว่างประเทศที่สอนกันมาหลายสิบปีนั้นอาจจะต้องเผาทิ้งกันหมด
เพราะโลกวันนี้เข้าสู่สภาพถูกเขย่าอย่างแรงด้วยเทคโนโลยีและปัจจัยใหม่ ๆ ที่แม้เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ก็ทำนายไม่ถูก
คุณปรานปรีย์ “มอบนโยบาย” ให้กับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ของไทยจากทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ก่อนด้วยการนำเสนอแนวทางวิเคราะห์และแนวปฏิบัติของ “การทูตเชิงรุกในโลกหลายขั้ว” หลายประเทศที่น่าสนใจ
คุณปรานปรีย์บอกว่าการประชุมครั้งนี้มีความสำคัญยิ่งเนื่องจากถูกจัดขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก ซึ่งมีโจทย์สำคัญของการทูตของไทยคือ
ไทยควรจะวางตำแหน่ง (positioning) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและจะแสวงหาโอกาส รวมทั้งบริหารจัดการผลประโยชน์ภายในและภายนอกประเทศได้อย่างไร
รัฐมนตรีต่างประเทศบอกว่าการต่างประเทศไทยวันนี้จะทำแบบเดิม ๆ ไม่ได้อีกต่อไป
นั่นคือจะคิดและทำแบบ business as usualไม่ได้แล้ว
ต้องเป็น “เชิงรุก” อย่างเดียว
นั่นคือต้องไม่รอให้เกิดเรื่องเสียก่อนแล้วค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนอง
แต่น่าจะเป็นการพยายามคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นและลงมือทำเพื่อรับกับสถานการณ์นั้น ๆ ได้
หรือไม่ก็ป้องกันเหตุอันมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของไทยล่วงหน้า
อีกทั้งต้องสามารถตอบโจทย์และตอบสนองผลประโยชน์ของประเทศและของคนไทยให้เป็นที่ประจักษ์และเป็นรูปธรรมและสามารถจับต้องได้
เป็นที่มาของ “การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก” ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญของการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
และสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชำชนและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
และต้องเน้นว่าประชาชนคนไทยต้องมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนการดำเนินนโยบายการต่างประเทศของกระทรวงฯ
ข้อนี้คือความท้าทายสำหรับคนในกระทรวงที่ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าจะทำให้ “ประชาชนมีส่วนร่วม” ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศได้อย่างไร
ที่บอกว่าเป็นความท้ายทายใหม่เพราะในบริบทภายในประเทศ ประชาชนมีความตื่นตัวและสนใจการต่างประเทศมากขึ้น ทำให้การทำงานของท่านทูตและท่านกงสุลใหญ่ ต้องมีความรวดเร็วและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
คุณปรานปรีย์บอกว่ามีความเชื่อในความเป็นมืออาชีพของทูตและกงสุลใหญ่ในการปรับตัวให้ทันกับการทูตยุคใหม่
ว่าแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศก็วิเคราะห์ให้ฟังถึงความเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก
- โลกที่มีควำมแตกแยก (fragmented) และแบ่งขั้ว (polarization) ทั้งในด้านภูมิรัฐศาสตร์
(geopolitics) ภูมิเศรษฐศาสตร์ (geo-economics) และเทคโนโลยี(geo-technology) มีการเผชิญหน้า
(confrontation) และการแข่งขัน (competition) มีการแยกตัว (decoupling) ทางเศรษฐกิจ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน(realignment of supply chain)
- การเมืองระหว่างประเทศมีลักษณะหลายขั้วอำนาจโดยมีจีนและสหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจหลัก
ในการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งไทยต้องถูกกดดันให้เลือกขั้ว ในขณะที่มีประเทศอำนาจขนาดกลาง
โดยเฉพาะในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เช่น อินเดีย รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ขึ้นมาเป็นตัวแปรสำคัญ
- ในบริบทของโลกหลายขั้วอำนาจนี้ระบบพหุภาคีนิยม (multilateralism) ซึ่งเดิมมีสหรัฐฯ และ
ประเทศตะวันตกเป็นผู้กำหนดระเบียบและกติกำโลก รวมทั้งสถาบันต่าง ๆ ที่ถูกก่อตั้งขึ้น กำลังถูกท้าทายและอยู่ในสภาวะถดถอย
- สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่คือความเป็นภูมิภาคนิยม (regionalism) และกำรรวมกลุ่มความร่วมมือจนาดเล็ก
(minilateralism) ของประเทศที่มีแนวคิดที่สอดคล้องกัน เช่น G20, Global South, BRICS, GCC,
QUAD
นอกจากนี้ ยังมีกำรรวมกลุ่มที่ไทยเป็นผู้ริเริ่ม เช่น ACD, BIMSTEC และ ACMECS ซึ่งไทยต้องมีบทบาทในการขับเคลื่อนความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้น
- ในโลกหลายขั้วอำนาจ เทคโนโลยีถือเป็นหัวใจสำคัญของอำนาจรัฐและการพัฒนาซึ่งกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านไปสู่digital economy และ green economy
รวมถึงความท้าทายของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั่นหมายถึงทั้ง “โอกาส” และ “ความท้าทาย” สำหรับประเทศไทย
หากปรับตัวไม่ทัน ไทยก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจ, การเมือง, สังคมและความมั่นคงของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
(พรุ่งนี้: ตำแหน่งของไทยในเวทีโลกอยู่ตรงไหน?)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


