เฮนรี คิสซิงเจอร์ที่เพิ่งเสียชีวิตในวัย 100 ปีเมื่อวานเป็นนักการทูตและนักยุทธศาสตร์สหรัฐฯที่น่าทึ่ง, น่ากลัว, และน่าสนใจที่สุดคนหนึ่ง
บางคนเรียกเขาเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่
แต่ก็มีอีกหลายคนที่บอกว่าเขาเป็น “ฆาตกร” เพราะสนับสนุนนโยบายให้สหรัฐฯเข้าไปทำสงครามในหลาย ๆ ประเทศที่มีการเข่นฆ่าประชาชนในประเทศนั้น ๆ อย่างโหดร้าย
รวมถึงแนวทางนโยบายในสงครามเวียดนามและอินโดจีนใกล้ ๆ บ้านเรา
อีกทั้งไทยเราก็เป็นส่วนสำคัญของนโยบาย “สงครามเย็น” ระหว่างสหรัฐฯกับจีน เพราะเราเลือกข้างวอชิงตันเพื่อเผชิญหน้ากับจีน
และเมื่อคิสซิงเจอร์ใช้ “การทูตราชการลับ” เพื่อเปิดสัมพันธ์กับจีน, ไทยเราก็ต้องปรับตัวครั้งสำคัญเช่นกัน
ปี 1972, ประธานาธิบดีริชาร์ดนิกสันของสหรัฐฯไปจับมือกับประธานเหมาเจ๋อตงของจีนก่อนจะประกาศเปิดสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างเอิกเกริก
ปี 1975, นายกฯ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมชเดินทางปักกิ่งเพื่อเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนเช่นกัน
คิสซิงเจอร์เป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และผู้ทรงอิทธิพลด้านการต่างประเทศของสหรัฐฯ
เขาถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันพุธที่บ้านพักในรัฐคอนเนตทิคัต ด้วยวัย 100 ปี
โดยข่าวทางการมาจากบริษัทให้คำปรึกษา Kissinger Associates ของเขาเอง
ในฐานะนักยุทธศาสตร์ที่ผสมผสานการทูต, การทหารกับวัฒนธรรมมาเป็นแนวทางของสหรัฐฯนั้น คิสซิงเจอร์เป็นตัวละครโดดเด่นตลอดเกือบช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
เขามีบทบาทอย่างคึกคักทั้งเป็นตัวละครเอกในทำเนียบขาว เขียนหนังสือและเป็นพยานต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาในประเด็นภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คิสซิงเจอร์ยังเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง เพื่อพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
เป็นการเยือนที่ไม่ได้ออกข่าวล่วงหน้าด้วยซ้ำ
สี จิ้นผิงให้การต้อนรับคิสซิงเจอร์อย่างอบอุ่น สื่อทางการจีนออกข่าวอย่างเกรียวกราว เป็นการให้เกียรติชาวอเมริกันที่เปิดเผยที่สุดครั้งหนึ่ง
สี จิ้นผิงเรียกคิสซิงเจอร์ว่า “ท่านเป็นมิตรแท้ของจีนตลอดกาล”
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะคิสซิงเจอร์สนับสนุนให้สหรัฐฯเจรจากับจีนเพื่อสร้างสันติภาพ
และออกมาต่อต้านนโยบายของทำเนียบขาวที่มีลักษณะเผชิญหน้ากับปักกิ่งอย่างต่อเนื่อง
เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 คิสซิงเจอร์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในยุคของอดีตประธานาธิบดีนิกสัน จากพรรครีพับลิกัน ถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดต่อผู้นำสหรัฐฯอย่างมาก
นอกจากจะเป็นคนเปิดประตูทางการทูตของสหรัฐฯ กับจีนแล้ว คิสซิงเจอร์ยังผลักดันให้มีการเจรจาควบคุมอาวุธร้ายแรงระหว่างสหรัฐฯและอดีตสหภาพโซเวียต
ตามมาด้วยการขยายความสัมพันธ์กับอิสราเอลและกลุ่มประเทศอาหรับ
และทำสนธิสัญญาสันติภาพปารีสกับเวียดนามเหนือ
แต่เมื่อนิกสันถูกกรณีอื้อฉาววอเตอร์เก็ตกดดันจนต้องลาออกในปี 1974 ยุคเฟื่องฟูด้านนโยบายต่างประเทศของคิสซิงเจอร์ก็มีอันต้องแผ่วลง
แต่ความเป็น “แมวเก้าชีวิต” ของเขาก็ทำให้คิสซิงเจอร์ยังคงมีบทบาทด้านการทูตในยุคของประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ที่รับช่วงต่อจากนิกสัน
ที่ผมติดตามคือหนังสือของคิสซิงเจอร์หลายเล่มที่เกี่ยวกับระเบียบโลกและประเทศจีน
ซึ่งสะท้อนว่าเขาทำการบ้านและติดตามศึกษาการเมืองระหว่างประเทศและสิ่งที่เรียกว่า “นโยบายสาธารณะ” หรือ public policy อย่างต่อเนื่องจริงจังจนวันท้าย ๆ ของชีวิตทีเดียว
แต่เขาก็มีความย้อนแย้งอยู่ในตัวอย่างน่าพิศวงเช่นกัน
คนชื่นชมคิสซิงเจอร์ยกย่องเขาเพราะมีความชำนาญและลุ่มลึกในประสบการณ์หลาย ๆ ด้าน
แต่เขาก็ถูกตีตราว่าเป็น “อาชญากรสงคราม” เพราะสนับสนุนเผด็จการที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศละตินอเมริกาในหลาย ๆ กรณี
เหตุผลสำคัญน่าจะเป็นว่าเขาเชื่อในแนวทางใด ๆ ก็ตามแต่ที่มีความสอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
โดยไม่สนใจว่านโยบายเหล่านั้นจะมีผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ ที่ยืนอยู่คนละข้างกับแนวทางของวอชิงตันหรือไม่
ที่ถกแถลงกันอย่างกว้างขวางอีกเรื่องหนึ่งสำหรับคิสซิงเจอร์คือการมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพแก่เขาเมื่อปี 1973 ร่วมกับ เล ดึ๊ก เถาะ นักเจรจาเวียดนามเหนือที่ปฏิเสธรางวัลนี้เพราะไม่ต้องการจะได้ชื่อว่ามีส่วนร่วมในแนวคิดกับคิสซิงเจอร์
ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และถกเถียงกันอย่างรุนแรงถึงความเหมาะสมของการให้รางวัลแด่ผู้มีส่วนสำคัญในการทำสงครามเวียดนาม แม้ภายหลังจะเป็นคนเสนอให้มีการเจรจาสันติภาพก็ตาม
เรื่องนั้นร้อนแรงถึงขั้นที่คณะกรรมการโนเบลสองคนลาออกเพื่อประท้วงการตัดสินรางวัลครั้งนั้น
คิสซิงเจอร์ถูกซักถามอย่างหนักในประเด็นที่เขามีส่วนในการวางกับระเบิดลับในกัมพูชาของสหรัฐฯ ด้วย
คิสซิงเจอร์ไม่ใช่เป็นคนอเมริกันโดยกำเนิด จึงไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีที่หลายคนเคยคิดว่าอาจจะเป็นเป้าหมายในชีวิตของเขา
แรกเริ่มนั้นเขามีชื่อว่า ไฮนซ์อัลเฟรด คิสซิงเตอร์ เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1923 ที่เมืองเฟิร์ธ ประเทศเยอรมนี
และอพยพพร้อมครอบครัวมายังสหรัฐฯ เมื่อปี 1938 ก่อนที่นาซีเยอรมนีจะเริ่มกวาดล้างชาวยิวในยุโรป
เรียกได้ว่าเขาและครอบครัวเป็นหนึ่งในกลุ่มชาวยิวที่หนีการกวาดล้างของฮิตเลอร์ในยุคนั้นเลยทีเดียว
เมื่ออพยพมาอยู่สหรัฐฯ เขาเปลี่ยนชื่อจากภาษาฮีบรูเป็นภาษาอังกฤษว่า เฮนรี และได้สัญชาติอเมริกันเมื่อปี 1943
และเข้ารับราชการในกองทัพบกสหรัฐฯ ที่ยุโรปในสงครามโลกครั้งที่สอง
จากนั้นก็ได้รับทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
คิสซิงเจอร์ได้ปริญญาโทเมื่อปี 1952 และปริญญาเอกในปี 1954
จากนั้นก็ทำงานเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอีก 17 ปีก่อนจะเข้าไปโลดแล่นบนเวทีการเมืองสหรัฐฯอย่างคึกคัก
เริ่มด้วยการทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้องค์กรรัฐบางแห่ง
ก่อนจะก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของริชาร์ดนิกสัน ในปี 1968
และควบตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในปี 1973
ทำให้คิสซิงเจอร์เป็น “ผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดคนหนึ่ง” ของอเมริกาในยุคสงครามเย็นเข้าสู่ภาวะร้อนแรงที่สุด
น้อยคนในโลกที่จะได้สมญาว่าเป็น “นักการทูตสุดปราดเปรื่อง” และ “อาชญกรสงครามผู้เหี้ยมโหด”พร้อม ๆ กัน!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


