
สังเกตไหมครับ? ช่วงนี้ เวลาผู้มีชื่อเสียงจะมาเที่ยวกรุงเทพฯ เราจะเห็นภาพเขาถ่ายคู่กับเจ๊ไฝ เช่น Jack Ma Ed Sheeran หรือ Lisa
ผมว่าเป็นเสน่ห์ของการมาเที่ยวไทย ผมก็ดีใจสำหรับเจ๊ไฝ ที่สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก จะเป็น Soft หรือ Hard Power เขาสร้างตัวเขาเอง อย่างนี้เราควรปรบมือและยกย่องครับ
และผมก็สังเกตดูว่า หลังๆ นี้นักชิมจะตื่นเต้นและแสวงหาร้านที่ได้รางวัล เมื่อก่อนจะเป็นรางวัลที่เกิดขึ้นจากผู้มีชื่อเสียงในแวดวงอาหารบ้านเรา ถือว่าเป็นการตีตราคุณภาพ และเป็นเกียรติของร้านนั้น แต่พอวันเวลาผ่านไป รางวัลเหล่านั้นเริ่มไม่เพียงพอ ถ้าว่ากันตรงๆ เริ่มกลมกลืนกันหมด สมัยนี้การแยกระดับจะต้องมีดาว Michelin
แต่ผมเคยสงสัยว่าดาว Michelin เป็น Michelin อันเดียวกับที่ผมใช้เป็นยางรถผมหรือไม่?
ผมยอมรับว่า เวลาผ่านไปนานมากกว่าผมจะได้คำตอบ เพราะผมไม่กล้าถามใคร ดูผิวเผินแล้ว ดาว Michelin (อาหารไฮโซนั้น) มันคนละจักรวาลกับ Michelin (ยางรถผม) ไม่น่าจะเกี่ยวกัน ผมเลยสารภาพอีกว่า ผมเข้าใจตลอดว่า Michelin (อาหารไฮโซ) คงเป็นภาษาฝรั่งเศส หรือสถาบันในฝรั่งเศส ที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ และบังเอิญเป็นชื่อคล้ายๆ กับ Michelin ที่เป็นยางรถยนต์
ขอสวมหมวกฟุดฟิดฟอไฟสักนิดหนึ่งครับ ในภาษาอังกฤษยุคนี้ มีคำพูดหนึ่งคือ “I was today years old…” ซึ่งแปลตรงตัวก็คือ “เออว่ะ…” คำพูดนี้มักจะพูดถึงเรื่องที่เราเห็นทุกวันหรือรู้มาตลอดชีวิต แต่เพิ่งรู้ (เดี๋ยวนั้น) ว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร ยกตัวอย่างครับ คนที่ชอบกินช็อกโกแลตยี่ห้อ Toblerone คงคุ้นเคย ทรง 3 เหลี่ยมของเขา และสีกล่องที่ออกเหลืองทอง และจะมีสัญลักษณ์เป็นภูเขา พอนึกภาพออกไหมครับ? แต่พวกเรารู้ไหมว่า ในรูปภูเขานั้นมีหมีด้วย ถ้าพวกเราไม่เคยสังเกตมาก่อน และเห็นเพราะผมเขียนวันนี้ แฟนคอลัมน์จะต้องร้อง (พร้อมๆ กัน) ว่า “เออว่ะ…” ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ “เออว่ะ…” คือ “I was today years old…”
ดังนั้นถ้าเข้าเรื่องวันนี้ I was today years old…เมื่อผมรู้ว่า Michelin (อาหารไฮโซ) กับ Michelin (ยางรถผม) คืออันเดียวกัน ซึ่งคำถามผมคือ จากบริษัทยาง มาสู่อาหารไฮโซได้ยังไง?
เมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว พี่น้องคู่หนึ่ง Andre กับ Edouard Michelin ก่อตั้งบริษัทยางรถยนต์ในเมือง Clermont-Ferrand (ห่าง Paris ประมาณ 4 ชั่วโมง) เป็นยุคที่รถยนต์กำลังเริ่มมีในสังคม ในช่วงนั้นทั้งประเทศฝรั่งเศสมีรถประมาณ 3,000 คัน เป็นยุคที่ถนนหนทางไม่ได้อำนวยความสะดวกเหมือนทุกวันนี้ และเรื่องน้ำมันหายาก ดังนั้นการขับรถถือว่าเป็นเรื่องยากลำบาก และเป็นภาระของคน ทางพี่น้อง Michelin เลยอยากคิดหนทางและเหตุผลให้คนต้องขับรถมากขึ้น เขาเลยคิดค้นหนังสือพกพาที่เรียกว่า Michelin Guide
ดั้งเดิม Michelin Guide มีไว้ให้ข้อมูลกับผู้เดินทางในประเทศ เรื่องเติมน้ำมันที่ไหน พักที่ไหน ซ่อมรถที่ไหน และทานอาหารที่ไหน พี่น้องคู่นี้ไม่คิดให้ข้อมูลเพราะเป็นคนใจบุญขนาดนั้น เขาแค่คิดอยากให้คนขับรถมากขึ้น คนยิ่งขับรถมากเท่าไร ยางรถยนต์เสื่อมลงเร็วขึ้น แต่เดิมเขาแจกคู่มือนี้ฟรีครับ แต่อย่างที่พวกเราทราบอยู่ อะไรที่แจกฟรีให้ประชาชน ถูกมองว่าไม่มีค่า Andre เห็นกับตาว่า Michelin Guide ที่แจกฟรีนั้น ถูกใช้ยันไม่ให้ขาโต๊ะโยกเยก เลยยกเลิกแจกฟรีทันที
พอโลกพัฒนามากขึ้น การขับรถและเดินทางภายในประเทศก็พัฒนาเช่นเดียวกัน ถนนหนทางเริ่มมีมากขึ้น เลยทำให้คนอยากขับรถเที่ยวมากขึ้นเช่นเดียวกัน เลยทำให้ทั้งยาง Michelin และหนังสือ Michelin Guide เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวขาดไม่ได้ คนที่เขียนให้คำแนะนำสถานที่ต่างๆ ใน Michelin Guide ก็คือบรรดา Salesman ของ Michelin เองที่ต้องเดินทางเป็นประจำ เลยให้สวมหมวก 2 ใบ ใบหนึ่ง คือ Salesman บริษัท อีกใบคือ นักเขียนแนะนำสถานที่ต่างๆ
เลยทำให้บริษัท Michelin มีรายได้จาก 2 ทาง ที่เริ่มต้นไปคู่กัน และในที่สุดแยกทางกันออกมา เรื่องยางก็ไปของเขา และในที่สุด Michelin Guide ก็ไปของเขา Michelin (ยาง) อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มีมูลค่า ประมาณ 24 พันล้านเหรียญฯ รับผลิตยางรถยนต์เกิน 200 ล้านเส้นต่อปี ส่วน Michelin Guide ครอบคลุมร้านอาหารกว่า 30,000 ร้านทั่วโลก และขายไปประมาณกว่า 30 ล้านเล่ม
ส่วนวิธีการแจกดาวของ Michelin Guide ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง เป็นเวลาเกือบร้อยกว่าปีแล้ว ถ้าเป็น 1 ดาว หมายความว่า “worth a stop” ถ้าเป็น 2 ดาว หมายความว่า “worth a detour” แล้วถ้าเป็น 3 ดาว หมายความว่า “worth a special journey”
วันนี้ขอเป็นเรื่องเบาๆ ช่วงวันหยุดยาว ท่ามกลางอากาศร้อนแรง และบรรยากาศในบ้านเมืองที่กำลังร้อนระอุครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
SNAP ดีหรือไม่ดี?
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม
Back to the Future…
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน

