
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียเยือนจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า “สองสหาย” แห่ง “ระเบียบโลกใหม่” ต้องการจะบอกชาวโลกว่ายุคสมัยแห่งการมีโลกที่สหรัฐฯและตะวันตกเป็นผู้กำหนด ทิศทางการเมืองระหว่างประเทศนั้นกำลังสิ้นสุดลง
จีนกับรัสเซียกำลังจะรวมตัวกับชาติอื่น ๆ ที่เห็นพ้องในแนวคิดนี้เป็น “อำนาจต่อรองใหม่” ในโลก
ไม่ใช่โลก Unipolar แต่เป็นโลก Multipolar ที่มีมากกว่าหนึ่งขั้ว
ปูตินเยือนจีนในจังหวะที่สงครามยูเครนกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญที่กำหนดทิศทางในอนาคต
หลังจากได้รับอาณัติจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่เปิดทางให้ปูตินอยู่ในตำแหน่งผู้ประเทศสมัยที่ 5
หากเขาอยู่ครบเทอมถึงปี 2030 ก็จะเท่ากับเป็นผู้นำรัสเซียทั้งหมด 30 ปีทีเดียว
ยาวนานกว่าผู้นำรัสเซียคนก่อน ๆ ทั้งหมด รวมถึงสตาลินที่อยู่ในตำแหน่ง 24 ปี (1929-1953)
ปีนี้เป็นปีครบรอบ 75 ปีความสัมพันธ์ทางการฑูตจีน-รัสเซีย
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนแสดงความสนิทสนมเป็นพิเศษ
มีฉากกอดปูตินก่อนจากลาจนเป็นที่กล่าวขวัญถ้วนหน้า
ผู้นำจีนย้ำว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีจะเปิดรับโอกาสทางประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และความผูกพันของสองชาติจะ “กว้างและลึก” มากกว่าเดิมอีก
ก่อนหน้าปูตินไปถึงปักกิ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯแอนโทนี บลิงเกนไปจีนและประกาศให้จีนยุติกิจกรรมใดที่ส่งเสริมรัสเซียให้ทำสงครามในยูเครน
แต่จีนไม่สนคำขู่ของสหรัฐฯ
ปูตินไม่เพียงแต่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเท่านั้น แต่สี จิ้นผิงยังยืนยันในคำแถลงว่าไม่มีอะไรจะมากระทบความสัมพันธ์ของสองประเทศนี้เป็นอันขาด
ปูตินบอกว่าการพบปะกับสี จิ้นผิงได้ผลเป็นเลิศ
มีการขยายความร่วมมือเพิ่มเติม เช่น เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน พลังงาน อุตสาหกรรม เทคโนโลยีขั้นสูงและใหม่ การขนส่งข้ามพรมแดน การท่องเที่ยว การเกษตร และกิจการท้องถิ่น
ปูตินเน้นว่าความผูกพันของสองประเทศไม่เพียงแต่เน้นมิติ “ยุทธศาสตร์” เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำถึงความใกล้ชิดสนิทสนมส่วนตัวระหว่างสองผู้นำ
สื่อทางการจีนบอกว่าสีกับปูตินพบกันกว่า 40 ครั้งแล้วทั้งในงานระหว่างสองประเทศและในเวทีสากลต่าง ๆ
คำว่า “รูปแบบใหม่ของความสัมพันธ์” ระหว่างปักกิ่งกับมอสโกเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและศักยภาพที่กว้างขวางของทั้งสองประเทศ
เราเห็นภาพและคลิปทีวีของสีและปูตินประชุมอย่างเอาจริงเอาจังด้วยการแถลงข้อตกลงที่จะขยายการค้าและลงทุนระหว่างกัน
แต่ขณะเดียวกันก็เห็นผู้นำทั้งสองได้เดินเล่นในสวน นั่งริมน้ำ และ “แลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงลึก” ว่าด้วยประเด็นยุทธศาสตร์ที่เป็นข้อกังวลร่วมกัน “ในบรรยากาศที่ผ่อนคลายพร้อมจิบชาที่หอมกรุ่น”
ปริมาณการค้าทวิภาคีจีน-รัสเซียแตะระดับใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 240.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566 สูงกว่าเป้าหมาย 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนกำหนด และยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วในปีนี้
สื่อทางการจีนย้ำว่าความสัมพันธ์จีน-รัสเซียไม่ใช่เป็นการรวมตัวเป็น “พันธมิตรทางทหาร-การเมือง” เหมือนตะวันตก
หากแต่เป็นความร่วมมือทางการค้าทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศที่ขีดวงยู่เพียงการค้าทั่วไป “ไม่มีจุดประสงค์ที่จะสกัดกั้นประเทศที่สาม”
เป็นการชี้ไปที่โลกตะวันตกโดยเฉพาะอเมริกาที่ทั้งจีนและรัสเซียมองว่ามีเจตนาร้ายเพื่อจะกดขี่และสกัดกั้นประเทศอื่น
และย้ำว่าการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและรัสเซียส่งผลให้เกิดเสถียรภาพและการ พัฒนาของทวีปยูเรเซียด้วยการเชื่อมโยงโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง(BRI) กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียน
โดยพุ่งเป้าไปที่การสถาปนา “โลกที่มีหลายขั้ว”
ในขณะที่โลกตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กำลังสร้กลุ่มก้อนเล็กๆ แบบปิดและพิเศษเฉพาะ
เพื่อสนับสนุนลัทธิกีดกันทางการค้าและ “ลัทธิฝ่ายเดียว”
คำนี้จีนหมายถึงการที่สหรัฐฯทำอะไรเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
ขณะที่สหรัฐฯใช้ยุทธศาสตร์ Zero-Sum Game คือใครชนะก็กินรวบ
แต่จีนและรัสเซียเชื่อในหลักการ Win-Win ซึ่งทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์พร้อมหน้ากันหมด
สี จิ้นผิงกับปูตินชี้ว่าชาติตะวันตกมักจะตีความความสัมพันธ์จีน-รัสเซียผ่านมุมมองของ “สงครามเย็น”ที่เน้นไปในทางการเผชิญหน้าของค่ายการเมือง
เพราะตะวันกไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของหลักคิดของฝั่งนี้ว่าต้องเดินไปในแนวทาง "ไม่สร้างกลุ่มก้อนพันธมิตร ไม่- เผชิญหน้าและไม่มุ่งเป้าไปที่ประเทศที่สาม”
สองผู้นำบอกว่าวอชิงตันใส่ร้ายป้ายสีความร่วมมือจีน-รัสเซียต่อไปมาตลอด
จีนกับรัสเซียย่อมจะโกรธที่สหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อบริษัท 20 แห่งในจีนเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม
ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนฐานอุตสาหกรรมกลาโหมของรัสเซียที่โยงกับสงครามยูเครน
ปูตินมีอารมณ์ดีเป็นพิเศษในช่วงการเยือน พูดเล่นและหยอกล้อกับคนฟังที่เป็นคนจีนอย่างเป็นกันเอง
ตอนหนึ่งในการปราศรัย ปูตินบอกว่า “ผมต้องขอโทษที่พูดยาวไปจนลืมหยุดให้ล่ามแปลเพราะผมรู้สึกเหมือนว่ากำลังพูดภาษาจีนเพราะทุกอย่างรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลย”
ได้รับเสียงปรบมืออย่างเกรียวกราว
และหยอกคำหวานว่า
“จีนกับรัสเซียจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป!”
ผู้นำจีนกับรัสเซียอยู่ในตำแหน่งหลายเทอม และทั้งปูตินกับสี จิ้นผิงสามารถจะครองอำนาจไปตลอดชีวิตถ้าต้องการ
ขณะที่คนอเมริกันยังไม่รู้ระหว่าง “ท่านผู้เฒ่า”โจ ไบเดนและโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ว่าใครจะชนะเลือกตั้ง สังขารอย่างนี้จะอยู่ครบเทอม 4 ปีหรือไม่ด้วยซ้ำ!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

