
ยิ่งใกล้ปลายปี ผมเริ่มได้ยินเสียงแสดงความกังวลเรื่อง Trump.2 ในทำเนียบขาวหนาหูขึ้น
เพราะนโยบายด้านความมั่นคงและการค้าจะมีผลต่อเอเชียอย่างไรคือคำถามใหญ่ หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งต่อโจ ไบเดน ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ช่วงนี้สหรัฐฯ อยู่ในช่วงกลางฤดูกาลหาเสียงสำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาอาจเปลี่ยนแปลงทิศทางทางการทูต ความมั่นคง และเศรษฐกิจของวอชิงตันต่อเอเชียเป็นอย่างมาก
เพราะใครๆ ก็กลัวนโยบาย America First หรือ Make America Great Again (MAGA) ของทรัมป์เป็นอย่างยิ่ง
มีคำเตือนในสื่อมะกันแล้วว่า หากทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เขาจะกำเริบเสิบสานถึงขั้นไร้เหตุไร้ผลเลยก็ได้
กลุ่ม “ถังความคิด” หรือ Think Tank ที่อยู่ใกล้ชิดกับทรัมป์เริ่มจะร่างนโยบายที่จะชงให้กับทรัมป์หลายเรื่อง ที่สอดคล้องกับความคิดของทรัมป์และสโลแกน “Make America Great Again”
เอกสารชุดนี้สะท้อนถึงโอกาสสูงขึ้นที่จะเห็นสงครามการค้ากับจีนอย่างร้อนแรงอีกรอบ
อีกทั้งยังมีประเด็นที่จะเพิ่มความเสี่ยงด้านความมั่นคง เพราะทรัมป์จะกดดัน NATO และพันธมิตรในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์และอาเซียนมากขึ้น
กดดันในแง่ที่จะลดงบประมาณของสหรัฐฯ และบังคับให้พันธมิตรควักกระเป๋ามากขึ้น
เพราะทรัมป์เคยขู่จะให้อเมริกาออกจาก NATO ถ้าสมาชิกในยุโรปไม่เพิ่มงบประมาณด้านการทหารตามที่เขาต้องการ
โดยทรัมป์อ้างว่าพันธมิตรทั้งหลายเอาเปรียบวอชิงตันด้วยการใช้เงินใช้ทองของสหรัฐฯ มากเกินไป
ด้านกลาโหมและความมั่นคงนั้น กลุ่มนักคิดของทรัมป์เสนอว่าพันธมิตรในยุโรปต้องเลิกคิดจะพึ่งพาอเมริกาทุกอย่าง
ยุโรปเองก็เริ่มมีอาการหวาดผวา จนมีเสียงดังขึ้นในหมู่ผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมันว่าได้เวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องคิดสร้างกลไกใหม่ที่จะพึ่งพาตนเองมากขึ้น
เลิกมองว่าจะต้องอาศัยอเมริกามาปกป้องหรือเป็นพี่เลี้ยงต่อไป
ยิ่งเมื่อมองจากแง่ยุโรปแล้วก็ยิ่งกังวลว่าทรัมป์จะเห็นประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียเป็น “เพื่อนที่พูดกันรู้เรื่อง”
ขณะที่ผู้นำยุโรปส่วนใหญ่ไม่ไว้วางใจปูตินเลย
หากทรัมป์กับผู้นำยุโรปมองรัสเซียต่างกันอย่างนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปจะเริ่มเหินห่าง
เปิดทางให้รัสเซียและจีนเจาะเข้าไปยุโรปเพื่อแยกให้ออกจากสหรัฐฯ
อันจะเป็นการง่ายขึ้นสำหรับการที่สองประเทศนี้จะบริหารความสัมพันธ์กับยุโรปเพื่อถ่วงดุลผลประโยชน์กับสหรัฐฯ
หากเกิดขึ้นเช่นนั้นจริง ความเป็นมหาอำนาจของตะวันตกก็จะแตกสลาย
และภาพของจีนกับรัสเซียในการก่อตั้ง “ขั้วอำนาจโลกใหม่” ก็อาจจะใกล้ความจริงขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น
เมื่อทรัมป์มองว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” และเพิ่มมุมมองด้านผลประโยชน์ด้านธุรกิจและการพาณิชย์ของอเมริกามากกว่าเดิม ก็อาจกระตุ้นให้มีการถอนกำลังทหารของสหรัฐฯ ออกจากยุโรปและเอเชีย
อย่างน้อยก็เริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเพียงแค่แสดงท่าทีเช่นนี้เท่านั้นก็จะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมไปทั่วโลกได้ทันที
ขณะเดียวกันก็คาดได้ว่าทรัมป์จะกดดันญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ให้เพิ่มเงินสนับสนุนสำหรับการประจำการกองทหารสหรัฐฯ
เป้าหมายหลักของทรัมป์ในกรณีนี้น่าจะเป็นเกาหลีใต้ที่เขาเคยกล่าวหาว่าใช้เงินของอเมริกาแบบ “ขอโดยสารฟรี” มาตลอด
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่าเขาจะพิจารณาการถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากเกาหลีใต้ “โดยสมบูรณ์”
พูดอย่างนี้ไม่ใช่ล้อเล่นหรือเกทับ เพราะทรัมป์เคยยุติการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ในอดีตมาแล้ว
เมื่อทรัมป์มีแนวทางอย่างนี้ มีหรือที่คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือจะไม่รอวันที่ทรัมป์กลับมาทำเนียบขาว
อย่างน้อยคิมก็คาดหวังว่าทรัมป์จะแสดงท่าทีเป็นมิตรกว่าโจ ไบเดน วันนี้
และอาจจะมีการจัดฉากประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์กับคิมอีกรอบก็ได้ ใครจะรู้
แต่ยุโรปน่าจะต้องรับภาระหนักที่สุด หากทรัมป์กลับมาจริง เพราะอาจจะมีการกดดันจากทำเนียบขาวให้ยุโรปจัดตั้งกองทัพด้านความมั่นคงของตนเองแทนที่จะพึ่งพิงงบประมาณสหรัฐฯ อย่างแต่ก่อน
กรณีไต้หวันก็เกิดความไม่แน่นอนเช่นกัน
แม้ว่าทรัมป์ปฏิเสธที่จะตอบว่าสหรัฐฯ จะมาช่วยเหลือไต้หวันหรือไม่ในกรณีที่มีการรุกรานโดยปักกิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านคลังสมองในเครือ MAGA เสนอว่าไต้หวันควรได้รับการสนับสนุนทางการทูตและการทหารจำนวนมากจากวอชิงตันต่อไป
ทั้งนี้เพื่อขัดขวางจีนอันเป็นเป้าหมายสำคัญประการหนึ่งของทรัมป์เช่นกัน
อย่างไรเสีย ไต้หวันจะยังคงเป็นจุดเปราะบางที่พร้อมจะระเบิดในภูมิภาคเอเชีย
จุดยืนของทรัมป์ต่อทะเลจีนใต้และความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรกับฟิลิปปินส์ คาดว่าจะยังคงมั่นคงต่อไป...หากอ่านเอกสารของ “Think Tank” ใกล้ชิดทรัมป์กลุ่มนี้
ที่ค่อนข้างแน่ชัดคือ ทรัมป์ยังมีแนวโน้มที่จะคงจุดยืนที่เป็นปฏิปักษ์ทั่วไปต่อจีน
และนั่นจะเป็นตัวกำหนดวาระแรกในการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างกับท่าทีของฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ปัจจุบันภายใต้ไบเดนมากนัก
ท้ายที่สุดแล้ว เป้าหมายทางยุทธศาสตร์โดยรวมของสหรัฐฯ ในการดำรงไว้ซึ่งความเป็นเบอร์หนึ่งทางด้านทหารในภูมิภาคเอเชียยังเหมือนเดิม
เพราะทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่มีแนวคิดเรื่องนี้ละม้ายกัน
คือ ไม่ต้องการให้จีนผงาดขึ้นมาแซงหน้าสหรัฐฯ ทั้งในด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ
ในส่วนของ “ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” ของสหรัฐฯ ทีมนักคิดนโยบายด้านความปลอดภัยของทรัมป์คาดว่าจะยังเชื่อในแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายของไบเดนอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการริเริ่มระดับย่อยที่มุ่งสร้างสมดุลหรือขัดขวางจีน เช่น AUKUS และ Quad
แต่อาจจะมีการซ้อมรบทวิภาคีหรือระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้นในหมู่พันธมิตรเช่นญี่ปุ่นและออสเตรเลีย
แต่ทีมงานที่กำลังช่วยร่างนโยบายทั้งหลายเหล่านี้ก็ยังเตือนว่ายังไม่มีอะไรแน่นอนว่าทรัมป์จะเชื่อตามข้อเสนอ หรือจะหันไปใช้กลยุทธ์อีกแบบหนึ่งหากชนะเลือกตั้งจริง
มีความเป็นไปได้ว่าทรัมป์อาจตัดสินใจเพิ่มศักยภาพทางทหารของสหรัฐฯ ในเอเชียมากขึ้นก็ได้
ทรัมป์อาจเพิ่มจำนวนเครื่องสกัดกั้นขีปนาวุธของสหรัฐฯ และขีปนาวุธนำวิถีที่ใช้นิวเคลียร์ได้ในภูมิภาคนี้ เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามสองประการจากการรุกรานของจีนต่อไต้หวัน และขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ทรัมป์อาจเอาแนวคิดนี้ไปวางกำลังเรือรบสหรัฐฯ ในระดับสูงขึ้นในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เพื่อตอบโต้การมีอยู่ทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคนี้
แต่แม้ว่าทรัมป์จะเดินตามแนวนี้ ก็อาจจะไม่สามารถลดดีกรีความเสื่อมถอยของอำนาจทางการทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ได้
เพราะมีสัญญาณว่าจีนจะเพิ่มศักยภาพทางทหารอย่างต่อเนื่องและสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์อาจจะสลับสับเปลี่ยนลำดับความสำคัญที่มีต่อเอเชียได้เช่นกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

