รัสเซีย-เกาหลีเหนือ-เวียดนาม: ความต่างในความเหมือน

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เยือนเกาหลีเหนือกับเวียดนามในช่วงสัปดาห์นี้เป็นตัวอย่างของความเหมือนที่แตกต่างอย่างน่าสนใจ

กับเกาหลีเหนือ รัสเซียมีความแนบแน่นอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะต่างต้องพึ่งพากันและกันในสภาพปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด

ปูตินต้องการให้คิม จองอึน ประกาศสนับสนุนสงครามยูเครนอย่างมั่นคงและเดินหน้าส่งอาวุธเช่นกระสุนปืนใหญ่และอุปกรณ์อย่างอื่นต่อเนื่อง

ขณะที่คิมต้องการให้รัสเซียมาประกาศว่าจะยืนหยัดอยู่ข้างเดียวกับตนในกรณีสหรัฐฯ แสดงท่าทีที่เป็นศัตรูหนักกว่านี้

ซึ่งก็ได้ผล เพราะเกาหลีเหนือและรัสเซียลงนามสนธิสัญญาฉบับใหม่ ที่มีเงื่อนไขด้านกลาโหมร่วมกัน เรียกเป็น “สนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน

ถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างสองประเทศนับตั้งแต่รัสเซียส่งทหารรุกรานยูเครนเมื่อปี 2022

โดยเน้นว่าจะมีการ “จัดหาความช่วยเหลือร่วมกันในกรณีที่มีการรุกรานกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”

เป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายของรัสเซียต่อเกาหลีเหนือที่ต้องถือว่าเป็นประวัติศาสตร์” ก็ว่าได้

เป็นจังหวะที่ปูตินสามารถจะแสดงให้ชาวโลกเห็นว่าเมื่อสหรัฐฯ ส่งอาวุธให้ยูเครนเพื่อโจมตีเป้าหมายในรัสเซียได้  มอสโกก็สามารถทำอย่างเดียวกันกับเกาหลีเหนือและคิวบา

กองเรือรบรัสเซียเพิ่งไปเยือนคิวบา และมีการซ้อมรบใกล้ๆ กับฟลอริดาเพื่อตอกย้ำการ “ตอบโต้สหรัฐฯ เช่นกัน

ต่อจากเกาหลีเหนือ ปูตินบินต่อไปเวียดนาม ซึ่งมีความสัมพันธ์กับมหาอำนาจทั้งสหรัฐ, จีนและรัสเซีย ในลักษณะที่รักษาดุลถ่วงแห่งอำนาจอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

เวียดนามคบกับจีนที่เน้นไปทางด้านเศรษฐกิจแม้จะมีความระหองระแหงด้านการเมืองและความมั่นคง เพราะยังมีความขัดแย้งในทะเลจีนใต้และประเด็นการเมืองอื่นๆ

ขณะเดียวกัน เวียดนามก็คบกับสหรัฐฯ ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการถ่วงดุลของจีนในย่านนี้อย่างมีนัยสำคัญ

เวียดนามมีความสัมพันธ์กับรัสเซียมาช้านาน แต่ระยะหลังก็รักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้มีภาพที่ใกล้ชิดเกินเหตุแต่ก็ยังคงความผูกพันเอาไว้เพื่อไม่ให้ต้องหลุดจากความผูกพันเก่าๆ

การมาเยือนเวียดนามของปูตินกำลังถูกจับตาดูข้อตกลงด้านอาวุธระหว่างสองประเทศ เพราะในด้านหนึ่งเวียดนามก็ตระหนักว่าตะวันกคว่ำบาตรรัสเซียเพราะสงครามยูเครนอยู่

ในปีที่ผ่านมา เวียดนามกลายเป็นประเทศเดียวที่เต้อนรับขับสู้ผู้นำจีน สหรัฐฯ และรัสเซียเพราะมีอาคันตุกะชื่อโจ ไบเดน, สี จิ้นผิง และปูตินมาเยือนถึงบ้าน

และทั้งสามก็คือมหาอำนาจทางทหารสามอันดับแรกของโลก ในการประชุมที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงฮานอยเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาหลังเสร็จการเยือนเปียงยาง ปูตินและโท แลม รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม เน้นย้ำถึงความจำเป็นด้านสันติภาพ และย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ของสองประเทศ

 “การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านกับเวียดนามถือเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญของเรา หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋อ้างคำพูดของปูติน

ปูตินกล่าวว่า "รัสเซียให้ความสำคัญกับการเชื่อมสัมพันธ์กับอาเซียน"

ปูตินชมเวียดนามสำหรับ "จุดยืนที่สมดุลต่อวิกฤตการณ์ยูเครน" และนโยบายไม่แทรกแซง

และย้ำว่ามอสโกสนับสนุน "การต่อสู้อย่างกล้าหาญของชาวเวียดนามเพื่อต่อต้านผู้รุกรานจากต่างประเทศ"

ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและเวียดนามมีรากฐานมาจากสงครามเย็น   โดยในยุคนั้นเวียดนามกับสหภาพโซเวียตคบหากันแบบแยกออกจากสหรัฐฯ และจีนพอสมควร

ปูตินมาเยือนเวียดนามได้เพราะมั่นใจว่าเป็นไม่กี่ประเทศที่ปลอดจากการที่จะถูกรวบตัวเพราะหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศที่กล่าวหาเขาในคดีอาชญกรรมสงครามที่โยงกับยูเครน

เวียดนามไม่ประณามรัสเซียกรณีรุกรานยูเครน แต่เวียดนามก็คบหากับวอชิงตันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นทุกขณะ

เหตุผลสำคัญประการหนึ่งคือถ่วงดุลอำนาจจีน

อีกเหตุผลหนึ่งคืออเมริกาเป็นตลาดส่งออกใหญ่ของเวียดนาม เมื่อเดือนกันยายนปีที่อเมริกาและเวียดนามยกระดับสถานะทางการทูตขึ้น 2 ระดับสู่ระดับสูงสุด

จุดยืนของเวียดนามที่เอาใจรัสเซียคือการหลีกเลี่ยงคำว่า "สงคราม" ในกรณีการบุกยูเครนของมอสโก ขณะเดียวกันก็พึ่งพาอาวุธของรัสเซียอย่างมากสำหรับความต้องการด้านการป้องกันประเทศของตนเอง

แม้จะมีคำถามถึงความสามารถของมอสโกในการขายอาวุธเพิ่มขึ้นในขณะที่ติดอยู่ในกับดักยูเครน แต่รัสเซียก็ต้องการรายได้เข้ามาป้อนปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเช่นกัน แต่คนอื่นๆ ก็บอกว่าต้องการรายได้

เกาหลีเหนือและจีนกับเวียดนามดูเหมือนจะเป็น 3 ประเทศคอมมิวนิสต์ที่ไม่ร่วมการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเปิดเผย

ต้องไม่ลืมว่าเวียดนามได้รับประโยชน์จากรัสเซียมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นทุนช่วยเหลือเด็กกำพร้าและนักเรียนคนอื่นๆ ในทศวรรษ 1950 ไปจนถึงผู้ประกอบการที่กลับมาสร้าง Vingroup และ Vietjet ในปัจจุบัน

กลุ่มนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จวันนี้ของเวียดนามล้วนได้ประโยชน์จากการค้าขายหรือทำธุรกิจในรัสเซียในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับแรงหนุนจากการปฏิรูปเปเรสทรอยกาในช่วงทศวรรษ 1990

ผู้นำเวียดนามได้พบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน และเรียกร้องให้ยุติความเป็นปรปักษ์กับรัสเซีย แต่ในจังหวะเดียวกัน ฮานอยก็ยกระดับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ  เพราะต้องการให้วอชิงตันคานอิทธิพลของจีนในประเทศของตน

เห็นได้ว่าเป็นการเดินนโยบายต่างประเทศแบบ “ไต่ลวด” อย่างท้าทายไม่น้อยเลย รัสเซียไม่มีประเด็นคุกคามความมั่นคงภายนอกของเวียดนามเหมือนจีน

และมอสโกก็ไม่ถูกมองว่ามีกิจกรรมที่มากดดันความมั่นคงภายในของของตนเหมือนที่สหรัฐฯ พยายามทำว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยธรรมและประชาธิปไตย

ในเวลาเดียวกัน การเผชิญหน้าระหว่างจีนและเวียดนามเกี่ยวกับปัญหาทะเลจีนใต้ก็กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้จะไม่หนักเท่ากับความตึงเครียดระหว่างปักกิ่งกับฟิลิปปินส์ก็ตาม

ฮานอยตระหนักดีว่าหากตนขยับเข้าใกล้สหรัฐฯ มากเกินไป จีนซึ่งเป็น "สหาย" ใหญ่ในระบอบคอมมิวนิสต์ก็จะกดดันเวียดนามมากขึ้น

ดังนั้น ในแง่หนึ่งรัสเซียก็ถูกมองว่าเป็นประโยชน์ต่อเวียดนามในการสร้างสมดุลระหว่างความสัมพันธ์ทางการทูตกับปักกิ่งและวอชิงตันนั่นเอง

นโยบาย “การทูตลู่ลมแบบต้นไผ่ ของเวียดนามกำลังถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มพิกัด!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ