
เผยเบื้องหลังเรื่องวุ่นๆของผู้มีอำนาจที่ไม่เกี่ยวกับประชาชนโดยตรง หลังเกิดข้อถกเถียงเรื่องอำนาจการแต่งตั้งปลัดกระทรวงต่างๆว่าจริงๆแล้ว เป็นของรัฐมนตรีโดยแท้หรือ ต้องผ่านการเสนอชื่อจากปลัดกระทรวงคนปัจจุบันก่อน ถึงจะนำเสนอครม. แต่งตั้งได้
โดยเฉพาะแนวทางปฏิบัติที่ฝ่ายการเมืองยึดตามมาตรา 57 (1) พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน ขณะที่รัฐราชการยึดแนวทางตามว. 22 หนังสือเวียนของ ก.พ. เรื่องแนวปฏิบัติแต่งตั้งข้าราชการ ที่มีขั้นตอนมากหมาย แถมบางกระทรวงยังดึงคนนอก ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมพิจารณาแต่งตั้งปลัดกระทรวงคนใหม่
ประเด็นนี้มายุติเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา หลัง “อนุทิน ชาญวีรกูล“ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ใช้อำนาจมาตรา 57 แต่งตั้ง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ที่ครม.มีมติเมื่อ 6 ส.ค. โดยไม่รอขั้นตอนตาม ว. 22 “เพราะยึดหลักกฎหมายระดับพ.ร.บ. ที่ใหญ่กว่าแนวทางปฏิบัติของกพ.”
โดยเนื้อหาของมาตรา 57 (1) มีใจความว่า การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการ ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นผู้สั่งบรรจุ และให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง
นอกจากนี้ มท. 1 ยังเสนอ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ กำหนดแนวทางการแต่งตั้งปลัดกระทรวงให้ชัดเจน ทำให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน กล่าวเสริมว่า กระทรวงตนก็มีปัญหาเหมือนกัน หากไม่แก้ปัญหาต่อไปจะทำงานลำบาก
ซึ่งนายกฯ ก็ทุบโต๊ะเห็นด้วย เพราะหากมิเช่นนั้นฝ่ายการเมืองจะตั้งใครเป็นปลัดกระทรววงไม่ได้เลยเพราะต้องขอความยินยอมจากรัฐราชการเสียก่อน
นายกฯจึงมีคำบัญชาให้ “วิษณุ เครืองาม” ที่ปรึกษาของนายกฯ ไปจัดการวางแนวทางปฏิบัติ
ล่าสุด “เนติบริกร” ได้บอกแนวทางเรื่องดังกล่าวว่า “อำนาจตั้งปลัดกระทรวงเป็นอำนาจของรัฐมนตรีโดยเด็ดขาด ส่วนการแต่งตั้งอธิบดีเป็นอำนาจของปลัดกระทรวง”
หลังจากนี้รัฐมนตรีคงเบาใจได้ เมื่อต้องเจอปลัดกระทรวงสายแข็ง
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ดวงเฮงแม้จมบ๊วย’
ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า หลายคนเริ่มออกเดินทางไปเที่ยวกันแล้ว ยกเว้นนักการเมืองที่ยังวุ่นกันสุดๆ ในตอนนี้ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองบีบคั้น เนื่องจากมีการยุบสภาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งในช่วงนี้
‘ขออะไรทำให้หมด’
ช่วงนี้เข้าสู่เทศกาลหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เพราะได้มีการจับหมายเลขกันแล้วเรียบร้อย ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองต่างก็กระจายสรรพกำลังลงพื้นที่หาเสียงทั่วทั้งประเทศ
สู้ครั้งสุดท้าย
สนามเลือกตั้งคึกคักทั่วไทย หลังผู้สมัครและทุกพรรคจับเบอร์กันเรียบร้อย ก็ลุยหาเสียงทันที ทั้งพรรคเล็ก พรรคใหญ่ ต่างงัดกลยุทธ์และไม้เด็ดต่างๆ มาสู้คู่แข่ง ที่สำคัญคือนโยบาย ตัวผู้สมัคร และตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ที่จะช่วยกันโกยคะแนน งานนี้ทุกพรรคต่างฟิตสู้ศึกรอบนี้
หลายคนนับถือหัวใจ
ถือว่าสะเทือน หลัง ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุเรื่องสุขภาพ ทำให้ว่าที่ผู้สมัคร สส.หลายคนถือจังหวะกระโดดหนีไปหาต้นสังกัดใหม่เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในครั้งนี้
เข้าใจคนชายแดน
ถ้าเอ่ยชื่อ กวาง–ไตรศุลี ไตรสรณกุล นาทีนี้ หลายคนคงนึกถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหญิงของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ทำงานเงียบ สุขุม แต่เดินเกมเร็ว ไม่หวือหวา ทว่าจับงานอยู่หมัด
เปิดซีเกมส์อีกรอบ
การเมืองช่วงนี้ทำให้เราเหนื่อยมากพอแล้ว ย้ายมาวงการการเมืองผสมกีฬาหน่อย ช่วงนี้ใครๆ ก็พูดถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีคนเก่งของเรา ที่ไปสร้างตำนานโป๊ะแตกในงานพิธีปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ นี่เอง

