ถูกใจ....ถูกต้อง?

ผมรู้สึกโล่งใจที่สภาพอากาศกลับมาสู่สภาพปกติ (มากกว่าเดิม) ถึงแม้จะไม่ใสสะอาดเท่าที่ควรก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าช่วงที่มีฝุ่นหนาทั่วบ้านทั่วเมือง

แต่ผมยังเจ็บใจที่ลูกผมยังมีอากาศหายใจไม่เต็มปอด เนื่องจากฝุ่นในรอบแรกทำให้เวลาเดินขึ้นบันได เขาต้องหยุดพัก และไอ ทำให้ต้องหยุดเรียน 2 วัน วันที่กลับไปเรียนนั้นเล่นกับเพื่อนเต็มที่ไม่ได้เพราะเหนื่อย ตอนนี้อาการเขาดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ และจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ผมเจ็บใจที่รัฐบาลและหน่วยงานรัฐอวดนักอวดหนาว่าแก้ปัญหาฝุ่นได้ดี ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

อวดนักอวดหนา พูดเสียงดังฟังชัด แย่งกันเคลมผลงาน ช่วงที่สภาพอากาศเปิดและฝุ่นถูกปัดไปที่อื่น แต่พอฝุ่นกลับมา เงียบกริบกันเป็นแถว ผมว่าทุเรศยิ่งกว่าอะไร และผลกระทบคือ ลูกผมวิ่งเล่นกับเพื่อนเขาไม่ได้

อย่าเข้าใจผมผิดครับ ผมไม่ได้เป็นคนด่ารัฐบาลชุดนี้เป็นอาชีพ หรือด่าเพื่อด่า ผมไม่ใช่กลุ่มประเภท ตื่นมาต้องหาประเด็นด่าเขาเป็นวันๆ (ผมมีอย่างอื่นต้องคิดและทำ) แต่ผมขอสื่อถึงกลุ่มที่ด่ารัฐบาลชุดนี้ทุกก้าว และชื่นชมรัฐบาลชุดก่อนทุกลมหายใจว่าปัญหาเรื่องฝุ่นนี้ เริ่มต้นในยุคที่พวกท่านโหยหา และปัญหาฝุ่นในยุคนั้นไม่ได้รับการแก้ปัญหาพอๆ กับยุคนี้ ในรัฐบาลที่คุณด่าเอา ด่าเอา

เอาเถอะพูดไปก็เท่านั้น ใครจะรักหรือด่ารัฐบาลชุดนี้ หรือชุดเก่า เชิญตามสบายครับ ผมรู้อย่างเดียวว่า ลูกผมยังไอแฮกๆ อยู่

วันนี้ขออนุญาตพูดเรื่องหน่วยงานในสหรัฐ ที่เป็นประเด็น และเป็นข่าวอยู่ในช่วงนี้ ดีไม่ดีผมเชื่อว่า คนไทย (และคนทั่วโลก) รู้จักหน่วยงานนี้มากกว่าคนอเมริกันด้วยซ้ำ เพราะชีวิตของคนไทยหลายคนได้รับผลกระทบในแง่ดี (หรืออาจไม่ดีก็ได้) ทั้งทางตรง หรือทางอ้อม

เป็นหน่วยงานที่เอื้อเฟื้อความช่วยเหลือ พัฒนาสังคม พัฒนามนุษย์ทั่วโลก ผ่านโครงการต่างๆ ที่หน่วยงานนี้สนับสนุนครับ ฟังดูแล้วหน่วยงานนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ? ถ้าวัตถุประสงค์คือช่วยเหลือมนุษย์ ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือนั้น ใครจะมีปัญหาอะไรกับเขา?

คำตอบคือ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา Donald Trump กับคนที่รวยที่สุดในโลก Elon Musk ครับ หน่วยงานที่ว่าคือ USAID ซึ่งย่อมาจาก United States Agency for International Development บางคนจะอ่านว่า US-AID ซึ่งไม่ผิดหรอก เมื่อก่อนผมก็อ่านอย่างนั้น แต่คนในแวดวงนี้ คนที่คลุกคลีกับหน่วยงานนี้ เป็นประจำ เขาจะอ่านว่า U-S-A-I-D (คือออกเสียง คำอักษรทีละตัวทีละตัว) ส่วนคนที่ยิ่ง “วงใน” เข้าไปอีกชั้นหนึ่ง คือคนที่อยู่ในหน่วยงานเอง และคลุกคลีในแวดวงวอชิงตัน ดี.ซี.นั้น เขาจะเรียกว่า A-I-D เฉยๆ ด้วยซ้ำ

คงไม่ต่างกับคนจังหวัดอื่นเรียก พิษณุโลก แต่คนพิษณุโลกเองเรียก “พิโลก” หรือความเข้าใจเวลาใครบอกว่ามาจาก “นคร” เป็นอันรู้ว่าเขามาจากนครศรีธรรมราช ไม่ใช่ นครปฐม หรือ นครพนม

USAID เป็นหน่วยงานที่ช่วยเหลือมนุษย์จริงๆ ครับ และมีมายาวนานตั้งแต่ยุคประธานาธิบดี John F. Kennedy ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ทั่วโลก ในนาม หรือแทนรัฐบาลสหรัฐ USAID มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 10,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานต่างประเทศ มีที่ตั้งทั่วโลกประมาณ 60 ประเทศ แต่ก็มีโครงการที่สนับสนุนเกือบทั่วโลก

วิธีการทำงานของ USAID คือถ้าใครหรือองค์กรใดมีโครงการที่คิดว่าเข้าเป้า หรือเข้าข่ายคุณสมบัติที่ USAID วางไว้ โครงการนั้นๆ สามารถนำเรื่องของบสนับสนุน ถ้าทุกอย่างสอดคล้องกันและไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสจะได้งบนั้นก็มีพอสมควร หรือ USAID อาจมีโครงการของเขาเอง และประกาศหา องค์กรหรือกลุ่มใดที่สนใจร่วมโครงการ ก็ได้เช่นเดียวกัน

ถามว่า USAID มีผลงานอะไรบ้าง? มีสารพัดผลงานครับ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีน ต่อต้านโปลิโอ ต่อต้านการค้ามนุษย์ การเสริมศักยภาพสาธารณสุขในประเทศยากจน หรือแม้แต่ช่วยเหลือกลุ่มคนหรือย่านที่ขาดแคลนอาหาร ซึ่งถือว่าระบบที่ USAID สนับสนุนนั้นเป็นระบบชั้นเลิศของโลก เป็นระบบที่หน่วยงานอื่นต้องเลียนแบบและศึกษา เพราะโครงการนี้วิเคราะห์ข้อมูลดิบ คาดการณ์ว่าประเทศหรือย่านไหน กำลังจะมีปัญหา ขาดแคลนอาหาร จะได้เข้าไปจัดการและแก้ไขปัญหาได้

USAID เป็นหน่วยงานที่ไม่ขึ้นอยู่กับกระทรวงใด เป็นองค์กรอิสระ ที่มีงบประมาณประมาณ 44 ล้านเหรียญฯ ต่อปี ซึ่งงบมาจากสภาโดยตรง แต่ตั้งแต่ประธานาธิบดี Trump รับตำแหน่งสมัยที่ 2 ปุ๊บ USAID ถูกส่อว่าจะถูกตัดงบ และจ้องรวบอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศทันที ด้วยเหตุผลสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “เปลืองงบ”

การกลับมาของ Trump ในรอบนี้ถือว่าไม่ธรรมดาครับ สมัยแรกที่เป็นประธานาธิบดีถือว่าเขาเรียนรู้งาน เกือบ 4 ปีเต็มก็ว่าได้ ตอนชนะครั้งแรก ผมไม่เชื่อว่าเขาพร้อมเป็นประธานาธิบดี หรือตอนชนะผมไม่เชื่อว่าเขาอยากเป็นประธานาธิบดีด้วยซ้ำ แต่เมื่อเป็นก็ต้องเป็น และเมื่อเป็นก็ต้องเรียนรู้งาน

แต่ครั้งนี้ เป็นปุ๊บ ทำงานปั๊บเลย ออกคำสั่งนี่ นู่น นั่น เป็นว่าเล่น จะเรียกว่าพร้อมทำงาน รู้งาน หรือ กวาดล้างสิ่งที่เป็นไปในประเทศช่วง 4 ปีที่ผ่านมา?

ความโกรธแค้นของคนอเมริกันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ลำดับต้นๆ คือ ทำไมเงินภาษีของเราจะต้องไปช่วยเหลือคนอื่น? ทั้งๆ ที่ค่าครองชีพของเราไม่ถูกลง ค่าน้ำมันก็แพง ค่าไข่ ค่านม พุ่งสูงขึ้นทุกวันๆ เงินเดือนของเราอยู่ที่เดิม เงินที่อยู่ในกระเป๋ามีค่าเท่าเดิม แต่อยู่ๆ ภาษีเราที่ควรจะช่วยพวกเรา ดันต้องช่วยคนในโลกที่ 3 ให้เขามีน้ำสะอาดกิน? ทำไมรัฐบาลเขาไม่ช่วยเหลือเขาเองล่ะ? แถมคนในโลกที่ 3 ประเทศนั้นๆ ที่แอบเข้ามาในประเทศของเรา ก่อปัญหา สร้างปัญหาให้พวกเราอีกต่างหาก นอกจากเงินในกระเป๋าเราต้องแบ่งออกไปช่วยพวกเขาในบ้านของเขา ยังต้องแบ่งออกมาต่อสู้กับปัญหาที่พวกเขาก่อในบ้านเราอีก ในยุค 4 ปีของ Joe Biden มัวแต่รักโลก เห็นอกเห็นใจพวกเขา แต่คนที่เดือดร้อนคือ พวกเรากันเอง

ผิดถูกอย่างไร ว่ากันไปนะครับ แต่นี่คือความรู้สึก คนอเมริกันจำนวนไม่น้อย

งั้น Trump ทำอย่างไรครับ? เข้ามาปุ๊บ เอาใจคนอเมริกันปั๊บ ประกาศ เสียงดังฟังชัดว่า จะขนผู้อพยพผิดกฎหมายกลับสู่ถิ่นฐานทันที (คนอเมริกันปรบมือ ด้วยความชอบใจ) จะขึ้นภาษีกับเพื่อนบ้านที่เอาเปรียบอเมริกามานาน (อเมริกันปรบมือ ดังกว่าเดิม) และเร็วๆ นี้ประกาศชัดเจนว่า USAID เป็นหน่วยงาน ไร้ประโยชน์ เปลืองงบ แล้วจะต้องยุบให้ได้ (คนอเมริกันปรบมือ ดังและนาน)

ถ้าเอาเข้าจริง เขามีสิทธิ์ที่จะบ่น เขามีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนี้ และเขามีสิทธิ์จะไม่พอใจที่เงินของเขาไปช่วยเหลือคนอื่น แถมช่วยเหลือคนอื่นที่ไม่เห็นคุณค่าด้วยซ้ำ แต่ถามว่า Trump ยุบ USAID ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? เนื่องจาก USAID เป็นองค์กรอิสระ ที่ไม่ขึ้นอยู่กับใครนั้น ในการยุบเขาไม่ง่าย แต่จะโยกย้ายเข้าอยู่ใต้กระทรวงจะง่ายกว่า ถ้าจะยุบเขาจริงๆ จะต้องเป็นมติของสภา จะต้องเป็นมติที่สภาเสนอเอง ร่างเอง และพิจารณาเอง

ช่วง 90 วันนี้ที่มีการยุติบทบาท USAID ชั่วคราว เป็นช่วงชี้ชะตา อนาคต ของบรรดาโครงการ USAID ทั้งหลายทั่วโลก หลัง 90 วันนี้ โครงการทั้งหลายที่ USAID สนับสนุนจะยังมีลมหายใจต่อไป หรือจะต้องหาแหล่งสนับสนุนใหม่? Trump กลับมาครั้งนี้อาจถูกใจคนอเมริกันจริง แต่คำว่า “ถูกใจ” กับ “ถูกต้อง” บางทีมันอยู่คนละโลกกันครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คนขับ Tesla คงสับสนกันมาก

ตอนเรียนหนังสือ สิ่งที่ถูกสอนตลอดเวลาคือ การบริหารประเทศควรต้องแยกศาสนากับการบริหาร เพราะเมื่อปนกันเมื่อไหร่ ผู้มีอำนาจจะกลายเป็นเผด็จการไปในตัว

5ปีที่แล้วโลกหยุดหมุนชั่วคราว

วันนี้ขอย้อนกลับไปยุคที่ไม่ห่างปัจจุบันมากนัก แต่ต่างจากปัจจุบันโดยสิ้นเชิง ผมจะไม่ย้อนกลับไป 20-30 ปี จะย้อนแค่ 5 ปีเท่านั้น ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่โลกหยุดหมุนชั่วคราวอย่างจริงจัง เป็นยุคที่ Corona Virus กำลังระบาด ทำให้โลกของเราอยู่ในความมืดมน อยู่ในความสับสน อยู่ในความงง บวกกับความกลัว และความไม่แน่นอน

2568 อันธพาลครอง.....ทำเนียบขาว!!!

วันนี้ผมมาช้า แต่ช้าดีกว่าไม่มา วันนี้ผมอยากพูดถึงเรื่องการ “ปะทะ” ระหว่าง ประธานาธิบดี Donald Trump กับประธานาธิบดี Volodomyr Zelensky เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ Zelensky เยือนทำเนียบขาว อย่างเป็นทางการ ผมจะไม่เสียเวลาใคร วิเคราะห์ว่า พฤติกรรม Trump ไม่เหมาะสมอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะสำหรับใครที่คิดว่าการกระทำของ Trump ถูกต้องอยู่ พูดไปก็เท่านั้นแหละครับ

THANK YOU, NICO!!!!!!

ผมขอแสดงความนับถือ และขออวยพรให้พี่น้องชาวมุสลิมทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง และมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง ตลอดช่วงรอมฎอนปีนี้ครับ

Game of Thrones ภาคฟิลิปปินส์ (ตอนจบ)

เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้ปูทางและเล่าที่มาที่ไปของความขัดแย้งระหว่าง “บ้านใหญ่” 2 ตระกูลในแวดวงการเมืองฟิลิปปินส์ ตระกูลหนึ่งเป็น “บ้านใหญ่”

Game of Thrones ภาคฟิลิปปินส์ (ตอนที่ 1)

ถ้าชอบเรื่องการเมือง ถ้าชอบดรามา ถ้าชอบดรามาการเมืองนั้น ผมว่าแฟนคอลัมน์สามารถติดตามการเมืองภายในประเทศทุกประเทศ ทั้งระดับชาติ ระดับท้องถิ่น