
พลันเห็นข่าว..
“ขณะนี้รัฐบาลมีแนวคิดที่จะยกเลิกการแจกเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายอายุ 16-20 ปี หรือโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3
รวมถึงยกเลิกแจกเงิน 10,000 บาทในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตส่วนที่เหลือด้วย เนื่องจากการแจกเงินฯ ในช่วงที่ผ่านมาแทบไม่มีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจเลย”
ก็..อดที่จะนึกถึง “อีตาเกษม ฉายพันธ์” นักเล่า “นิทานขำขัน” สมัยวิทยุทรานซิสเตอร์ขึ้นมาไม่ได้
นี่ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่และมานั่งเล่าข่าวนี้ ชาวบ้านคงจะหัวเราะขำกันขี้แตกขี้แตน..ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น!
เออ..แล้วที่แจกมาก็ต้องยอมรับสิว่า เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่ขอโทษน้ำพริกนั้นดันเป็นเงินภาษีกูผสมอยู่ด้วย อย่างนี้ควรจะ “แจกกล้วย” ให้ ครม.สักหวีดีไหมเอ่ย?
พูดถึง “กล้วย” ..วันก่อนเห็นในโลกโซเชียลเขาวิพากษ์วิจารณ์ ถกเถียงกันด้วยเรื่องของคุณแอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ กับหนังสั้นที่เธอแสดง
โดยแฟนหนุ่มรุ่นน้อง “นนกุล” หรือชานน สันตินธรกุล เป็นผู้กำกับ ซึ่งในเรื่อง แอฟ ทักษอร ได้ใช้คำพูดที่หยาบคาย (ตามบท) เช่นว่า..
กะหรี่เอย เหี้ยเอย ฉิบฉายเอย แม้แต่คำว่า “กล้วย” ก็ยังหลุดมาจากปากเธอ!
ทำเอาคนที่อิน-เคยเห็นแต่ภาพลักษณ์ทั้งในและนอกจอของแอฟ ทักษอร ที่เป็นกุลสตรี สุภาพ ใสๆ น่ารัก เกิดรับไม่ได้ขึ้นมา ก็เลยพากันประณามเธอเสียยกใหญ่
ส่วนฝ่ายที่แยกแยะได้ เข้าใจว่านั่นคือการแสดง ก็จะมองว่าแค่นี้เอง ไม่เห็นจะเสียหายอะไรตรงไหน แถมชื่นชมเธอเสียด้วยซ้ำไป
ผมนั้นไม่ได้ดูหนังสั้นเรื่องนี้กับเขา และไม่รู้ด้วยว่า “นนกุล” แฟนหนุ่มของแอฟ ทักษอร ได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้น ด้วยการเป็น “ผู้กำกับหนัง” ซึ่งก็ต้องขอแสดงความยินดี
แต่แม้จะไม่ได้ดูหนัง ไม่ได้ยินคำพูดและไม่ได้เห็นแอ็กติ้งของแอฟ ทักษอร ผมก็ให้เห็นด้วยกับฝ่ายที่มอง..แค่นี้เอง ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้!
คือ..นักแสดงมืออาชีพน่ะ ต้องสามารถเข้าถึงบท-เล่นได้ทุกตัวละครตามเรื่อง-ตามบทที่ผู้กำกับต้องการนำเสนอ
การพลิกคาแรกเตอร์ของแอฟ ทักษอร นั่นหมายถึงคนดูจะได้เห็นความสามารถทางการแสดงของเธอในอีกบทบาทหนึ่งที่ฉีกไปจากแนวเดิมๆ ซ้ำๆ
ส่วนคำพูดกะหรี่ก็ดี ฉิบหายก็ดี หรือแม้แต่ “ค..” ก็ดี ในละคร ในหนัง หรือกระทั่งในรายการสดๆ ทางจอทีวี ก็มักได้ยิน-ได้ฟังกันแทบจะกลายเป็นปกติไปแล้ว
เมื่อก่อน ผมเองก็ยอมรับว่า “รับไม่ได้” เป็นห่วงกลัวเด็ก-เยาวชนจะเอาอย่าง แต่ถึงตอนนี้ก็ได้ทำใจ จนสามารถปล่อยวางได้
เพราะอย่าว่าแต่ในหนังในละครเลย ในสภา พวกท่านผู้ทรงเกียรติเขาก็ยังใช้คำพูด-ภาษาที่หยาบคายใส่กันจนคล้ายเป็นความเคยชิน
และไม่ได้แค่คำพูด-ภาษา พฤติกรรมถ่อยเถื่อนก็ยังมีให้เห็น บางท่านผู้ทรงเกียรติก็ได้แสดงตัวตนไม่ต่าง “กะหรี่” ที่สำส่อน เพียงใช้คำพูดให้ดูดี เรียก “งูเห่า” นั่นแหละ!
ฉะนั้น ก็อย่าไปห่วงเด็ก-เยาวชนเลย แต่ควรหันมาห่วงมาใส่ใจตัวเราเองจะดีกว่า ว่าจะอยู่กับสังคมปัจจุบันนี้อย่างไร จิตใจถึงจะสบาย มีความสุข
ตัวละครในหนัง-ในละครน่ะไม่ต้องไปกลุ้มอก-กังวล หรือเดือดร้อนใจไป ปล่อยให้เป็นเรื่องของ “ผู้มีหน้าที่” ได้ทำหน้าที่เขาไป
แล้วนี่..ก็ได้ยินว่า ผู้มีหน้าที่เขากำลังแก้ไขกฎหมายภาพยนตร์ให้ผู้สร้าง-ผู้กำกับมีอิสระในการคิด-ทำหนังมากขึ้น และไม่ต้องมี “เซนเซอร์” คอยฉุดดึงการพัฒนาอุตสาหกรรมหนัง
ซึ่งความจริง เวลานี้ “เซนเซอร์” ก็ไม่มีอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนหนังไทยก็ยังคงสร้างกันอยู่แต่กับหนังผี หนังรักอารมณ์ดี หนังตลกโปกฮา หรือไม่ก็ “หนังวาย”
นั่น..เพราะคิดพล็อตง่าย ถ่ายทำเร็ว ลงทุนน้อย แต่พอหนังไม่ได้เงินก็พากันโทษ “โรงหนัง” ไม่เปิดโอกาสให้หนังได้ยืนโรงฉายนานๆ ก็เลยอยากถาม..
หนังไม่มีผู้ชม โรงจะเปิดแอร์ทิ้งไว้หาหอกทำไม..หือ?.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เหลือไว้ความทรงจำ
สงครามมาพร้อมกับ “ซีเกมส์” แต่ด้วย “ซีเกมส์” เป็นการแข่งขันกีฬาของมวลมนุษยชาติที่จัดกันมาต่อเนื่องจนถึงครั้งที่ 33 ในปีนี้-2568
กาเหว่าที่บางเพลง
“มีผู้อ่านบางคนเข้าใจว่าผมจะได้มีความคิดทางการเมืองหรือทางอื่นๆ แอบแฝงไว้ในหนังสือเล่มนี้ เพื่อจะได้ชี้ให้ผู้อ่านเห็นในสิ่งที่ผมเห็นหรือคิดในสิ่งที่ผมคิด
‘ตอแหล’ ได้โล่!
“หน้าที่เรา รักษา สืบไป” เมื่อ..นายกฯ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ปลุกใจอย่างนี้ มีหรือที่คนไทยจะอยู่เฉย โดยเฉพาะ “กองทัพ” เหล่าทหารกล้า ก็ได้เปิดฉากแสดงศักดาแสนยานุภาพไปแล้วหลายชุด
‘พีระพันธุ์’ เปลี่ยนไป
“ผมพร้อมมานานแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างจริงจัง ใครที่ทนกับสิ่งยั่วยุไม่ได้ หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เชิญออกไป ใครพร้อมเป็นลูกน้องนายทุน เชิญออกไป
ใครที่เดือดร้อน?
แรกเห็น-แรกอ่าน.. ก็..คิดเอาว่าเป็นใครก็ไม่รู้เขียน เพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นถ้อยคำจาก “เสก โลโซ” ร็อกเกอร์คนดัง ซึ่งผู้อ่านหลายท่านก็น่าจะได้ผ่านตา
ระวังจะโดนย้อนศร
เรื่องนี้ต้องขยาย.. ผมหมายถึง “ยอดคนตาย” จากมหาอุทกภัยหาดใหญ่น่ะ เพราะหลังจาก นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลง..

